ผักบุ้งรั้ว ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
ผักบุ้งรั้ว งานวิจัยและสรรพคุณ 18 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ผักบุ้งรั้ว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ผักบุ้งฝรั่ง (ทั่วไป), บ้วยเลน (ภาคอีสาน), มันหมู (ภาคตะวันออก), มันจระเข้ (ภาคใต้), หูบีบอยอ (มลายู), อู่จ่าวหลง, อู๋จว่าหลง, อู๋จว่าจินหลง, โหงวเหยียวเล้ง (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ipomoea cairica (L.) Sweet.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Convolvulus cairicus L., lpomoea palmata Forssk., Lpomoea stipulacea Jacq., lpomoea tuberculata (Desr.) Roem.&Schult.
ชื่อสามัญ Railway creeper
วงศ์ CONVOLVULACEAE
ถิ่นกำเนิดผักบุ้งรั้ว
ผักบุ้งรั้ว จัดเป็นพืชในวงศ์ผักบุ้ง (CONVOLVULACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ บริเวณ เม็กซิโกจนถึงเปรู จากนั้นจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนของแอฟริกา และเอเชียสำหรับ ในประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าผักบุ้งรั้ว ถูกนำเข้ามาจากประเทศอินเดียไม่เกิน 120 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสามารถพบผักบุ้งรั้วได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณที่รกร้างว่างเปล่า หรือ ตามสองข้างทางที่มีความชุ่มชื้น หรือ เคยมีน้ำท่วมขัง ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึง 1,000 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณผักบุ้งรั้ว
- ใช้ขับพิษร้อนถอนพิษไข้
- ช่วยขับน้ำขึ้นในร่างกาย
- แก้ไอ
- แก้ไอร้อนในปอด
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้ปัสสาวะกระปริกระปรอย
- แก้ขัดเบา
- แก้นิ่ว
- แก้ปัสสาวะเป็นเลือด
- แก้ผดผื่นคัน
- แก้ฝีหนอง ฝีบวม
- แก้ฟกช้ำ
- แก้ผดผื่น
- ช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยขับน้ำนม
- ช่วยขับน้ำเหลือง
- แก้พิษแมงป่อง
ในประเทศไทยผักบุ้งรั้ว ถูกนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามซุ้มประตู หรือ ตามรั้วบ้านเนื่องจากเป็นไม้เถาขนาดเล็กใบมีสีเขียวสดลักษณะใบสวย มีดอกสีม่วงสดใสทางยาออกดอกได้ตลอดปีและยังมีรายงานว่าในต่างประเทศโดยเฉพาะใน อเมริกาใต้และแอฟริกา ยังพบการนำผักบุ้งรั้วมาใช้รับประทานเป็นอาหารอีกด้วย
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้ขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ขับลมขึ้น ขับน้ำขึ้นในร่างกาย ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา ปัสสาวะเป็นเลือด โดยนำทั้งต้นผักบุ้งรั้วแห้ง 5-10 กรัม มาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 เวลา
- ใช้บำรุงร่างกาย ขับน้ำเหลือง ขับน้ำนม โดยใช้รากผักบุ้งรั้ว 10-15 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะ แก้นิ่วที่ถ่ายปัสสาวะออกมาเป็นเลือด โดยใช้ต้นสด 30-35 กรัม นำมาต้มกับน้ำตาลกรวดเล็กน้อยใช้ดื่ม
- ใช้แก้ผดผื่นคัน แก้ฝีบวม ฝีหนอง โดยนำทั้งต้น หรือ ใบสดผักบุ้งรั้ว มาตำพอกบริเวณที่เป็น
- ใช้เป็นยาถ่าย โดยนำเมล็ดผักบุ้งรั้ว 5-8 กรัม มาตำพอแตกต้มกับน้ำดื่ม
ลักษณะทั่วไปของผักบุ้งรั้ว
ผักบุ้งรั้ว จัดเป็นไม้เถาเลื้อย หรือ ไม้เถาล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นเป็นเถาขนาดเล็ก เป็นปล้อง เถาแก่สีเขียวอมเทามีความเหนียวแต่ส่วนยอดของเถามีสีเขียวสดไม่ค่อยเหนียว ลำต้น หรือ เถา สามารถเลื้อยได้ไกลประมาณ 5 เมตร มีตุ่มเล็กๆ ติดอยู่ตามปล้อง
ใบผักบุ้งรั้วเป็นใบเดี่ยวมีสีเขียว ออกเรียบสลับกันบริเวณข้อของเถา มีลักษณะเป็นรูปรี หรือ รูปไข่แกมใบหอกแบ่งออกคล้างรูปฝ่ามือ ใบมีขนาดประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร โดยจะแยกออกเป็นแฉกลึกถึงโคน 5 แฉก ปลายใบแต่ละแฉกมีลักษณะแหลมแฉกกลางมีขนาดใหญ่กว่าแฉกอื่นๆ ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง หรือ อาจมีขนทั้งหน้าใบและหลัง ใบและมีก้านใบยาว 2-8 เซนติเมตร
ดอกผักบุ้งรั้วออกเป็นดอกเดี่ยว หรือ บางที่อาจออกดอกเป็นช่อหลายดอกบริเวณซองใบหรือยอดเถา โดยดอกที่ออกเป็นช่อจะออกดอกประมาณ 1-3 ดอก ต่อ 1 ช่อ ดอกมีลักษณะเป็นรูปแตร มีกลีบเลี้ยงและกลีบ ดอกอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกมีสีม่วง ม่วงอ่อน ม่วงแดง มีลักษณะเป็นรูปแตร หรือ รูปลำโพงมีขนาดยาว 2.5-7 เซนติเมตร บริเวณใจกลางดอกจะมีสีเข้มกว่าปลายกลีบดอกและมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ขนาดยาวไม่เท่ากัน รังไข่เกลี้ยงส่วนก้านเกสรเพศเมียเป็นรูปเส้นด้าย อยู่ภายในหลอดกลีบดอกสำหรับกลีบเลี้ยงมีลักษณะติดทน ขยายในผลผักบุ้งรั้ว ขนาดไม่เท่ากัน ยาว 0.4-0.9 เซนติเมตร ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 2-8 เซนติเมตร และก้านดอกย่อยจะยาวประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร
ผลผักบุ้งรั้วเป็นผลแบบแคปซูล พบได้ด้านในหลอดดอกผล มีลักษณะกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ผลเมื่อแก่มีสีน้ำตาลอ่อนและจะแห้งและแตกออก ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลอมเทา หรือ สีดำลักษณะกลมและสั้น ด้านหนึ่งเป็นแง่งประมาณ 1-4 เมล็ด โดยเมล็ดจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร และมีขนนุ่มสีขาวขึ้นปกคลุมหนาแน่น
การขยายพันธุ์ผักบุ้งรั้ว
ผักบุ้งรั้ว สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีการนิยมนำมาปลูก โดยจะพบเห็นได้มากตามที่รกร้างว่างเปล่า หรือ ตามสองข้างทางมากกว่า สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกผักบุ้งรั้ว นั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูกไม้เถาชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ เช่น รางจืด
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของส่วนต่างๆ รวมถึงสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของผักบุ้งรั้วระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่นใบและรากพบสาร cyanogenetic glycoside และ β-sitosterol ใบและเมล็ดผักบุ้งรั้ว พบสาร cyanogenetic glycoside เมล็ดผักบุ้งรั้วพบสาร Muricatin A, Muricatin B, oleic acid, palmitic acid, linolenic acid, stearic acid, arachidic acid, behenic acid, β-sitosterol นอกจากนี้สารสกัดจากส่วนใบลำต้นและรากของผักบุ้งรั้วยังพบสาร mono-caffeoylquinic acid, dicaffeoylquinic acid, isochlorogenic acids A, B และ C ในสารสกัดเมทานอลจากส่วนใบของผักบุ้งรั้วยังพบสาร ombuin-3-sullphate, rhamnetin-3-sulphate, kaempferol 7-O-α-L-rhamnopyranoside, kaempferol 3,7-di-O-α-L-rhamnopyranoside และ quercetin 3-O-α-L-arabinopyranoside อีกด้วย
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของผักบุ้งรั้ว
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของผักบุ้งรั้วระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
สารสกัดจากส่วนใบของผักบุ้งรั้ว แสดงฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase และเอนไซม์ α-amylase ในหลอดทดลอง โดยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารสกัดผักบุ้งรั้ว ส่วนสาร Muricatin A ที่ได้จากเมล็ดผักบุ้งรั้วพบว่ามีฤทธิ์เป็นยาถ่าย เมื่อทดลองให้หนูกินขนาด 0.5 กรัม/กิโลกรัม และสาร Muricatin A ที่แยกได้จากส่วนเมล็ดของผักบุ้งรั้ว มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสุนัข เมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำในขนาด 20-40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นอกจากนี้ในรายงานการศึกษาวิจัยฉบับอื่นๆ ยังระบุว่าสารสกัดจากรากของผักบุ้งรั้ว ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ฤทธิ์แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ ลดการชักกระตุก และมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง อีกด้วย
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของผักบุ้งรั้ว
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้ผักบุ้งรั้วเป็นสมุนไพรควรระมัดระวังในการใช้เนื่องจาก ส่วนใบและส่วนรากของผักบุ้งมีสารพิษประเภทสารไซยาไนด์ ซึ่งมีความเป็นพิษต่อระบบหายใจ แต่พิษดังกล่าวจะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ส่วนของเถาผักบุ้งรั้ว มีรายงานว่าหากนำมารับประทานสดจะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะคลื่นไส้ อาเจียน โดยต้องนำมาต้ม หรือ คั่วให้เกรียมก่อนจึงจะหมดพิษ
เอกสารอ้างอิง ผักบุ้งรั้ว
- วิทยา บุญวรพัฒน์. ผักบุ้งรั้ว, หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 496-497.
- ราชันย์ ภู่มา และคณะ. สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ), หน้า 279 พ.ศ.2559. โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรุงเทพฯ.
- เดชา ศิริภัทร. ผักบุ้งฝรั่ง. ความงามสาธารณะสำหรับผู้ยากไร้. คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า. นิตยสารหมอชาวบ้านเล่มที่ 336. เมษายน 2550
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม, ผักบุ้งรั้ว, หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 496-497
- Clifford, M.N., Johnston, K.L., Knight, S., Kuhnert, N., 2003. Hierarchical scheme forLC-MSn identification of chlorogenic acids. J. Agric. Food Chem. 51, 2900-2911
- Meira, M., da Silva, E.P., David, J.M., David, J.P., 2012 . Review of the genus Ipomoea: chemistry and biological activities. Rev. Bras. Farmacogn. 22, 682-713.
- Ishiguro, K., Yahara, S., Yoshimoto, M., 2007. Changes in polyphenols content and radical-scavenging activity of sweetpotato (Ipomoea batatas L.) during storage at optimal and low temperatures. J. Agric. Food Chem. 55, 10773-10778