พันงูแดง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
พันงูแดง งานวิจัยและสรรพคุณ 31 ข้อ
ชื่อสมุนไพร พันงูแดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น หญ้าพันงูแดง (ภาคกลาง), งูน้อย, หญ้าควยงู, ควยงูน้อย (ภาคเหนือ), หญ้าพันงูเล็ก (ภาคอีสาน), เปยเซี่ยน, ซั้งพี, อั้งเกย, พีไห่ (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cyathula prostrata (L.) Blume.
วงศ์ AMARNTHACEAE
ถิ่นกำเนิดพันงูแดง
พันงูแดง เป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHA CEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย แคเมอรูน กานา โมซัมบิก ยูกันดา และไอวอรีโคสต์ ต่อมาจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวรเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ไทย เวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และในปัจจุบันจึงได้แพร่กระจายไปยังเขตร้อนของออสเตรเลีย หมู่เกาะแปซิฟิก และอเมริกา สำหรับในประเทศไทยสามารถพบพันงูแดง ได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณพื้นที่ชื้นแฉะทั่วไป หรือ ในที่ร่มตามชายป่าต่างๆ
ประโยชน์และสรรพคุณพันงูแดง
- แก้เบื่อเมา
- ช่วยขับพิษร้อนถอนพิษไข้
- แก้ไข้ตรีโทษ
- ใช้แก้ไอ
- ช่วยขับเสมหะ
- แก้เสมหะที่คั่งในทรวงอก
- แก้คออักเสบ
- แก้บิด
- แก้ติดเชื้อ
- ใช้ขับปัสสาวะ
- แก้ปัสสาวะขัด
- แก้ปัสสาวะกระปริกระปรอย
- แก้ปัสสาวะหยดย้อย (ปัสสาวะเล็ด)
- ช่วยขับนิ่ว สลายก้อนนิ่ว
- ช่วยขับประจำเดือนในสตรี
- แก้ตับโต
- แก้ม้ามโต
- ใช้แก้อาการปวดบวม
- แก้อาการปวดบวมอักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อย
- ใช้แก้โรคผิวหนัง
- แก้อาการฟกช้ำ บวม
- ใช้เป็นยาแก้โรคซาง
- แก้โรคเป็นเม็ดตุ่มในช่องปาก
- แก้คออักเสบ
- แก้เม็ดในคอ
- แก้เริม
- แก้งูสวัด
- ช่วยขับพยาธิ
- แก้พิษฝี
- ใช้รักษาฝีหนองภายนอก
- ขยุ้มตีนหมา (โรคเริมที่จมูก หรือ โรคเริมที่ตา : เมื่อติดเชื้อจะลักษณะอาการของตุ่มน้ำใสอยู่กันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งภาษาชาวบ้านมักเรียก ผื่นหรือตุ้ม “ขยุ้มตีนหมา”)
ในอดีตมีการนำพันงูแดง มาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคารสถานที่ต่างๆ ตามสวนสาธารณะ วัด หรือ ตามบ้านเรือนทั่วไป เพราะมีใบเป็นสีแดง เมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มแล้วจะดูสวยงาม แต่เนื่องจากพันงูแดง มีแตกกอและการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องตัดแต่งบ่อยจนในปัจจุบันจึงไม่ค่อยนิยมนำพันงูแดง มาปลูกเป็นไม่ประดับเหมือนในอดีต
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้เบื่อเมา แก้พิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้คออักเสบ แก้บิด แก้ติดเชื้อ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ขับประจำเดือน แก้ตับ และม้ามโต โดยนำพันงูแดงทั้งต้นสด 30-60 กรัม (หากเป็นต้นแห้งใช้ 20-30 กรัม) มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ซาง แก้คออักเสบ แก้เม็ดในคอ แก้เม็ดตุ่มในช่องปาก โดยนำใบพันงูแดง สด 30-60 กรัม (หากเป็นใบแห้งใช้ 20-30 กรัม) มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้นิ่ว สลายก้อนนิ่ว แก้เสมหะที่คั่งในทรวงอก ให้ใช้ดอกพันงูแดงมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด ปัสสาวะกระปริกระปรอย แก้ปัสสาวะหยดย้อย (ปัสสาวะเล็ด) โดยนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้โรคผิวหนัง แก้อาการฟกช้ำ แก้อาการปวดบวมอักเสบจากพิษตะขาบ แมงป่อง พิษงู แก้พิษฝี ใช้รักษาฝีหนองภายนอก โดยนำทั้งต้นพันงูแดงสดมานำพอกบริเวณที่ถูกกัด หรือ บริเวณที่มีอาการ
- ในมาเลเซียมีการใช้รากเป็นยาแก้บิด แก้ไอและขับพยาธิอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของพันงูแดง
พันงูแดง จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กอายุหลายปี สูงประมาณ 1.2-5 ฟุต ลำต้นมีลักษณะเหลี่ยมมนสีแดงเป็นข้อมีสีแดง ลำต้นเปราะหักง่าย เปลือกลำต้นมีผิวเรียบเกลี้ยง หรือ อาจมีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อยตามลำต้น หรือ กิ่งก้าน
ใบพันงูแดง เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ตามข้อลำต้นและปลายยอด ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับมีขนาดกว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร โคนใบมน หรือ แหลม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบบางมีสีเขียวอมแดงและมีสีแดงคล้ำขึ้นเมื่อใบแก่
ดอกพันงูแดง ออกเป็นช่อตั้งขึ้นที่บริเวณปลายกิ่ง หรือ ตามซอกใบ โดยช่อดอกจะมีความยาว 7.5-18 นิ้ว บริเวณปลายช่อมีดอกย่อยออกเป็นกระจุกรวมกัน ส่วนโคนช่อจะมีดอกย่อยห่างกันรอบๆ ก้านช่อดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ส่วนดอกมีสีเขียวไม่มีกลีบ แต่มีขนอ่อนและมีเกสรเป็นเส้นสีชมพู 9 เส้น
ผลพันงูแดง เป็นผลแห้งแตกได้ ผลมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมผิวผลเรียบ ใบผลมีเมล็ดสีน้ำตาลผิวเป็นมัน
การขยายพันธุ์พันงูแดง
พันงูแดงสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด ซึ่งในปัจจุบันพันงูแดงจะขยายพันธุ์โดยธรรมชาติมากกว่าการถูกนำไปขยายพันธุ์โดยมนุษย์ เนื่องจากพันงูแดง เป็นพืชที่มีอัตราการขยายพันธุ์รวดเร็วมาก จนใบบางพื้นที่จัดให้เป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง สำหรับการเพาะเมล็ดและการปลูกพันงูแดงนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูก “พันงูเขียว ” หรือ ไม้พุ่มชนิดอื่นๆ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนใบและรากของพันงูแดง ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดดังนี้
สารสกัดจากใบและดอกพบสาร กลุ่ม Flavonoid, Naringin,Naringenin, Resveratrol, Proanthocyanin, Anthocyanin, Catechin, Epicatechin, Kaenpferol และ Rutin สารกลุ่ม Alkaloid เช่น Lunamarie, Spartein, Quinine, Epihedrine, Ribalindine สารกลุ่ม Saponin ได้แก่ Sapogenin และสารกลุ่ม Diterpene เช่น Eicosane Phytol เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของพันงูแดง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดพันงูแดง จากส่วนต่างๆ ของพันงูแดงระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
ฤทธิ์แก้ปวดและต้านการอักเสบ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดของสารสกัดเมทานอลจากหญ้าพันงูแดง พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดเมทานอลจากหญ้าพันงูแดง ขนาด 50, 100 และ 200 มก./กก.น้ำหนักตัวให้แก่หนูแรท สามารถช่วยลดอาการบวมอักเสบบริเวณอุ้งเท้าที่เกิดจากการทำให้ปวดด้วย carrageenan ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยให้ผลดีใกล้เคียงกับการป้อนยา Indomethacin (ยาแก้ปวดอักเสบขนาด 10 มก./กก.น้ำหนักตัว) และสารสกัดหญ้าพันงูแดงยังสามารถยับยั้งการบวมของใบหูที่เกิดจากการฉีด arachidonic acid และ xylene ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีผลยับยั้งการสร้าง nitric oxide และการแสดงออกของ cyclooxygenase-2 ของเซลล์ macrophage เมื่อทดสอบในหลอดทดลอง
นอกจากนี้สารสกัดหญ้าพันงูแดงขนาด 200 มก. ยังแสดงฤทธิ์บรรเทาปวดได้ใกล้เคียงกับการฉีดมอร์ฟีนขนาด 10 มก./กก. น้ำหนักตัว เมื่อทดสอบโดยวิธี hot plate test (ความสามารถในการทนอยู่บนแท่นร้อน) และยังช่วยระงับอาการปวดจากการฉีด acetic acid ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาในครั้งนี้ ไม่พบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของหญ้าพันงูแดง เมื่อทดสอบด้วยวิธี 1,1-diphenyl-2-picrylhydrazyl (DPPH) และการยับยั้งการเกิด lipid peroxidation
อีกทั้งยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ปรับปรุงคุณภาพของอสุจิในกระต่ายพันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์ โดยนำกระต่ายวัยเจริญพันธุ์จำนวน 28 ตัว ในการศึกษาและแบ่ง 4 กลุ่ม โดยให้กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุมส่วนอีก 3 กลุ่ม ให้กินสารสกัดจากใบพันงูแดง โดยนำไปผสมกับอาหารกระต่ายในปริมาณ 10, 20 หรือ 30 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ผลการทดลองพบว่าปริมาณน้ำเชื้อและค่า pH ไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง แต่การเคลื่อนที่ของอสุจิของกลุ่มทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในลักษณะที่ขึ้นอยู่กับขนาดยา รวมถึงสัณฐานวิทยาของอสุจิก็ลดลงในลักษณะที่สัมพันธ์กับขนาดยาเช่นกัน โดยมีค่าใน แต่ละขนาดดังนี้ขนาด 20 กรัม มีค่า (77.75±1.31%) 30 กรัม มีค่า (79.00±2.20%) เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (88.50±1.44%) และ 10 กรัม (87.50±4.33%) ตามลำดับ สรุปได้ว่า การให้สารสกัดพันงูแดงลงในอาหารกระต่ายปกติมีผลดีต่อจำนวนอสุจิ แต่ทำให้การเคลื่อนที่และสัณฐานวิทยาของอสุจิลดลง อีกทั้งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาการสร้างอสุจิ
นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ของพันงูแดงอีกเช่น สารสกัดเอทานอลของพันงูแดง มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ฤทธิ์ต้านโรคเบาหวานและฤทธิ์ลดความดันโลหิต เป็นต้น
การศึกษาทางพิษวิทยาของพันงูแดง
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้พันงูแดง เป็นยาสมุนไพร โดยเฉพาะในรูปแบบการรับประทาน เนื่องจากทั้งต้นมีสรรพคุณขับประจำเดือนในสตรี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้
เอกสารอ้างอิง พันงูแดง
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. หญ้าพันงูแดง. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่. หน้า 807-808.
- เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ และคณะ 239. การศึกษาภูมิปัญญาหมอบ้านไทย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ บริษัทมหธรณ์มิค จำกัด. 100. 152.
- ดร.นิจศิริ เรืองรังสี, ธวัชชัย มังคละคุปต์. หญ้าพันงูแดง (Ya Phan Ngu Daeng) หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 319.
- กองการประกอบโรคศิลปะ. 2541.ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม. กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี
- วิทยา บุญวรพัฒน์, หญ้าพันงูแดง, หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย, หน้า 596.
- ฤทธิ์แก้ปวดและต้านการอักเสบของหญ้าพันงูแดง. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Smith AC. Flora of Vitiensis nova: A new Flora of Fiji. National Tropical Botanical Gardens, Hawaii. 1981;2:289-290.
- Burkill H. 1985. The useful plants of west tropical Africa. Volume 1, families A-D. Kew, Kew, UK: Royal Botanic Gardens, p. 1.
- Hirt A, Mpia E. Natural medicine in the tropics. Action for nature and medicine (Anamed) Germany. 1995;232.
- Oladimeji O.R. Nia K. Ajibesin I.A.C., and Dalandi B. 2005. Phytochemical and antibacterial studies on the aqueous and non-aqueous extracts of Cyathula prostrata L. Blume. Global J. Med. Sci. 4:9-12.
- Ibrahim B, Sowemimo A, van Rooyen A, Van de Venter M. Antiinflammatory, analgesic and antioxidant activities of Cyathula prostrata (Linn.) Blume (Amaranthaceae). Journal of Ethnopharmacology. 2012;141(1):282-289
- nni B. G., Borah A., Wann S. B., Singh H. R., Devi B, and Bhattacharjee M.. 2009. Phytochemical and antibacterial study of traditional medicinal plants of North East India on Escherichia coli. Asian J. Exp. Sci. 23:103-108.
- Zheng XL, Xing FW. Ethnobotanical study on medicinal plants around Mt. Yinggeling, Hainan Island, China. Journal of Ethnopharmacology. 2009;124:197-210.
- Ogbonnia S., Mbaka G., Akinsande O., Otah D., and Ayeni T. 2016. Evaluation of acute toxicity and hypoglycaemic and hypolipidaemic effects of Cyathula prostata (Linn.) Blume weeds on adult rats. Br. J. Pharmac. Res. 9: 1-11.