มะกอกฝรั่ง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
มะกอกฝรั่ง งานวิจัยและสรรพคุณ 17 ข้อ
ชื่อสมุนไพร มะกอกฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น มะกอกเทศ, มะกอกหวาน, มะกอกดง (ทั่วไป)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Spondias dulcis Parkinson.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Spondias dulcis Linn., Spondias Cytherea Sonn., Cytheraea dulcis (Parkinson) Wight & Arn.
ชื่อสามัญ Jew plum, Jew’s plum, Otatheite apple
วงศ์ ANACARDIACEAE
ถิ่นกำเนิดมะกอกฝรั่ง
มะกอกฝรั่ง จัดเป็นพันธุ์พืชที่มีถิ่นกำเนิดบริเวณเขตร้อนในทวีปเอเชีย ได้แก่ ภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่นในอินเดีย ศรีลังกา, ปากีสถาน, เนปาล, บังคลาเทศ, พม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น ต่อมาจึงได้มีการกระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนต่างๆ ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยพบมะกอกฝรั่ง ได้ทั่วทุกภาคของประเทศที่ความสูงใกล้ระดับน้ำทะเลถึง 500 ม. จากระดับทะเล
ประโยชน์และสรรพคุณมะกอกฝรั่ง
- ใช้บำบัดโรคธาตุพิการ จากน้ำดีไม่ปกติ
- ช่วยทำให้ชุ่มคอ
- แก้กระหายน้ำ
- ใช้เป็นยาระบาย
- แก้โรคบิด
- ใช้แก้ปวดหู
- แก้หูอักเสบ
- ใช้ดับพิษกาฬ
- แก้ร้อนใน, แก้ร้อนในอย่างแรง
- แก้ลงท้องปวดมวน
- แก้สะอึก
- แก้หอบ
- ใช้ผสมยามหานิล
- ใช้แก้ท้องเสีย
- แก้ธาตุพิการ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยลดไขมันในเลือด
มีการนำผลมะกอกฝรั่ง มารับประทานเป็นผลไม้ โดยจะมีรสเปรี้ยวปนหวานมัน และกรอบ หรือ ใช้ปรุงอาหาร และทำเครื่องดื่มสมุนไพร ในไทยนิยมนำมาจิ้มกับพริกเกลือ หรือ นำไปแปรรูปทำน้ำผลไม้ ส่วนในต่างประเทศชาวอินโดนีเซีย นำมาจิ้มกับกะปิ สับยำใส่เครื่องปริงพื้นเมือง หรือ ใช้เป็นส่วนผสมในโรยัก ประเทศฟิจิใช้ทำแยม และในประเทศจาเมกาจะรับประทานผลสดโดยนำไปคลุกกับเกลือ
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้ธาตุพิการจากน้ำดีไม่ปกติ ช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ
- ใช้เป็นยาระบาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยนำผลแก่ หรือ ผลสุกมารับประทานสด ลดไขมันในเลือด
- ใช้แก้ร้อนในอย่างแรง ดับพิษกาฬ แก้สะอึก แก้ปวดมวนท้อง โดยนำเปลือกต้นมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ร้อนใน แก้หอบ แก้สะอึก โดยนำเมล็ดมะกอกฝรั่ง ไปสุมไฟให้เป็นถ่านแล้วนำมาแช่กับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ปวดหู หูอักเสบ โดยน้ำคั้นจากใบหยอดหู
- ใช้แก้ธาตุพิการ แก้บิด ท้องเสีย โดยนำยอดอ่อนมารับประทานสด
- ใช้ช่วยให้ชุ่มคอ แก้ร้อนใน แก้กระหายน้ำ โดยนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม
ลักษณะทั่วไปของมะกอกฝรั่ง
มะกอกฝรั่ง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 7-25 เมตร ทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง ลำต้นกลม เปลือกต้นเรียบมีสีน้ำตาลอมเทา หรือ สีน้ำตาลแดง
ใบมะกอกฝรั่ง เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเป็นคู่ตรงข้าง ใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปไข่รีค่อนข้างเรียวแหลม คนใบแหลม ก้านใบยาว ส่วนปลายใบเรียวแหลม
ดอกมะกอกฝรั่ง ออกเป็นช่อที่มีช่อดอกแตกออกมาจากช่อดอกใหญ่ ซึ่งจะออกตามปลายยอด โดยจะออกเป็นกระจุกเล็กๆ ดอกจะเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ดอกย่อยมีกลีบดอก 5 กลีบ เป็นสีขาว มีฐานรองดอกเป็นสีเหลือง ลักษณะกลม และมีก้านช่อดอกสั้น
ผลมะกอกฝรั่ง เป็นผลเดี่ยวแต่จะออกเป็นพวงมีลักษณะรูปไข่ ผิวเปลือกบาง ผลอ่อนเป็นสีเขียวเข้ม เมื่อแก่มีสีเขียมอมเหลือง ส่วนผลสุกเป็นสีส้ม เนื้อใบมีสีขาวอมเขียวค่อนข้างฉ่ำน้ำ มีรสเปรี้ยวอมหวานมัน เนื้อผลกรอบ ด้านในผลมีเมล็ดแข็งๆ และมีขนแข็งๆ 1 เมล็ด ลักษณะเป็นรูปทรงกลมรี สีขาวนวล ซึ่งเปลือกหุ้มเมล็ดมีขนยาวๆ แข็งๆ มียางคล้ายไรไข่ปลา
การขยายพันธุ์มะกอกฝรั่ง
มะกอกฝรั่งสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง แต่วิธีที่เป็นที่นิยม คือ การเพาะเมล็ดโดยมีวิธีการดังนี้
เริ่มจากนำเมล็ดของผลแก่ที่มีสีเขียวอมเหลืองมาเพาะ ในกระบะเพาะที่มีส่วนผสมของดิน ทราย ขุยมะพร้าว และขี้เถ้าแกลบ ที่ได้คลุกเคล้าจนเข้ากันดี จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม (อย่างให้แฉะ) เมื่อเพาะได้แล้ว 1-2 สัปดาห์ เมล็ดมะกอกฝรั่ง จะงอกเป็นต้นกล้า จึงสามารถไปปลูกลงในแปลง จนต้นพันธุ์มีความสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร จึงสามารถนำไปปลูกได้ สำหรับการเตรียมหลุมปลูกให้เว้นระยะระหว่างต้นและแถว ใช้ระยะ 2x2 เมตร จากนั้นขุดหลุมขนาด 0.5x0.5x0.25 เมตร นำปุ๋ยคอกมารองก้นหลุม แล้วจึงนำต้นกล้ามาปลูก รดน้ำพอชุ่มๆ
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของเนื้อผลมะกอกฝรั่ง พบว่ามีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญอาเช่น hexadecanoic acid, α-terpineol, α-selinene, β-caryophyllene, hydroxythrosol, oleuropein และ 3-hexenol
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของมะกอกฝรั่ง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของส่วนต่างๆ และสารสกัดมะกอกฝรั่ง จากส่วนต่างๆ พบว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจดังนี้
ฤทธิ์ลดอาการชา หรือ อาการปวดที่เกี่ยวกับเส้นประสาทในโรคเบาหวาน มีรายงานการศึกษาผลของสารสกัดจากใบมะกอกต่ออาการชา หรือ ปวดที่เกี่ยวกับเส้นประสาทในเซลล์ประสาทเพาะเลี้ยง และหนูแรทที่ถูกชักนำให้เป็นเบาหวาน พบว่า ในเซลล์ประสาทที่เลี้ยงด้วยอาหารเลี้ยงเซลล์ที่มีระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติ 4 เท่า จะมีการทำงานของ caspase-3 และการทำลายเซลล์เพิ่มขึ้น เมื่อเซลล์ประสาทได้รับสารสกัดจากใบมะกอกฝรั่ง ขนาด 200, 400 และ 600 มคก./มล. พบว่าเซลล์ถูกทำลายลดลง สอดคล้องกับการทดลองในหนูแรทที่ถูกชักนำให้เป็นเบาหวานโดยการฉีดด้วยสาร streptozotocin พบว่า ในไขสันหลังของหนูแรทที่เป็นเบาหวาน จะมีการทำงานของ caspase-3 เพิ่มขึ้น มีระดับโปรตีนกระตุ้นการตายของเซลล์ (Bax) เพิ่มขึ้น และมีระดับโปรตีนที่ป้องกันการตายของเซลล์ (Bcl2) ลดลง ส่งผลให้หนูกลุ่มนี้มีความไวเพิ่มขึ้นในการตอบสนองต่อการปวด (hyperalgesia) เมื่อหนูแรทได้รับสารสกัดจากใบมะกอกฝรั่ง ขนาด 300 และ 500 มก./กก./วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ จะมี hyperalgesia ลดลง ซึ่งเกิดจากการยับยั้งการทำงานของ caspase-3 มีระดับโปรตีน Bax ลดลงและมีระดับโปรตีน Bcl2 เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สารสกัดจากใบมะกอกยังแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากการทดสอบด้วยวิธี DPPH อีกด้วย
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากภาวการณ์ติดแอลกอฮอล์เรื้อรัง มีรายงานผลการศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากภาวะการติดแอลกอฮอล์เรื้อรังของสารโพลีฟีนอลที่แยกได้จากเนื้อผลของมะกอกฝรั่ง ซึ่งเหลือจากกระบวนการผลิตน้ำมันมะกอกบริสุทธ์ (extra virgin olive oil) โดยให้หนูเม้าส์กินสารโพลีฟีนอลในขนาด 20 มก./กก./วัน โดยนำมาละลายในน้ำที่มีเอทานอลความเข้มข้น 11% เป็นเวลานาน 2 เดือน จากการวิเคราะห์ทางเคมีพบว่าสารโพลีฟีนอลที่นำมาทดสอบมีสารไฮดรอกซีไทโรซอล (Hydroxytyrosol) และอนุพันธ์เป็นส่วนประกอบหลัก (30 และ 20% ตามลำดับ) และจากการวิเคราะห์ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธี free oxygen radical test (FORT) และ free oxygen radical defense (FORD) tests พบว่าหนูกลุ่มที่ได้รับสารโพลีพีนอลจากผลมะกอกร่วมกับแอลกอฮอล์มีค่า FORT ลดลง และมีค่า FORD เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มที่ได้รับแอลกอฮอร์อย่างเดียว สรุปได้ว่าสารโพลีฟีนอลจากผลมะกอกฝรั่งสามารถป้องกันการเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน และความผิดปกติที่เกิดจากภาวะการติดแอลกอฮอล์เรื้อรังได้ และมีการศึกษาแบบสุ่มแ ละปกปิดทั้งสองฝ่าย (double blind, randomized trial) ในหญิงวัยหมดประจำเดือน อายุระหว่าง 49-68 ปี ซึ่งมีภาวะโรคกระดูกบางที่กระดูกช่วงเอว (L2-L4) จำนวน 64 คน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่ได้รับสารสกัดโพลีฟีนอลจากใบมะกอกฝรั่ง ขนาด 250 มก./วัน ร่วมกับแคลเซียม 1,000 มก./วัน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มควบคุมได้รับยาหลอกเป็นแคลเซียม 1,000 มก./วัน นาน 12 เดือน จากนั้นประเมินกระดูกโดยดูค่า osteocalcin (โปรตีนในกระดูก) ความหนาแน่นของกระดูก และระดับไขมันในเลือด พบว่าระดับของ osteocalcin มีค่าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ความหนาแน่นของกระดูกในกลุ่มควบคุมมีค่าลดลง ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากใบมะกอกฝรั่งมีค่าเท่าเดิม และในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากใบมะกอกฝรั่งพบว่าระดับไขมันในเลือดดีขึ้น คือ ระดับคอลสเตอรอลรวม และคอเลสเตอรอลชนิด LDL มีค่าลดลง
อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยพบว่าสาร hydroxytyrosol ที่ได้จากมะกอกฝรั่ง มีผลลดระดับคอเลสเตอรอลในหนูขาวที่กินอาหาร ที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงได้ โดยพบว่าหนูที่กินอาหารซึ่งผสม hydroxytyrosol ขนาด 2.5 มก./กก. เป็นเวลา 16 สัปดาห์ จะมีระดับของคอเลสเตอรอล และ LDL ลดลง แต่มีระดับของ HDL สูงขึ้น และยังเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการต้านอนุมูลอิสระ คือ catalase และ superoxide dismutase และมีผลยับยั้งการเกิด lipid peroxidation ในตับ หัวใจ ไต และเส้นเลือด aorta ของหนูได้
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ลดความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดของสารสกัดจากใบมะกอกฝรั่ง โดยทำการทดลองกับหนู 40 ตัว ที่ถูกกระตุ้นให้อ้วนและมีความดันโลหิตสูง โดยให้สารสกัดจากใบมะกอกฝรั่งในขนาด 500 และ 1,0000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าความดันโลหิตของหนูลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับคอเลสเตอรอลก็ลดลงด้วย
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของมะกอกฝรั่ง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสารสกัดจากผลมะกอกฝรั่งระบุว่าจากการทดสอบความเป็นพิษของสารสกัดเอทานอล 95% จากผลมะกอกฝรั่ง เมื่อนำมาให้สัตว์ทดลองทางปากในขนาด 1 กรัมต่อกิโลกรัม หรือ ฉีดเข้าหลอดเลือดดำในขนาด 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม พบว่าไม่พบความเป็นพิษ
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการรับประทานผลสุก และผลแก่ของมะกอกฝรั่งสามารถรับประทานได้ มีความปลอดภัย แต่สำหรับการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรนั้นควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง มะกอกฝรั่ง
- นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. "มะกอกฝรั่ง" ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กรุงเทพมหานคร : แสงแดด, 2550, หน้า 135.
- เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดตอนแฝก มะกอกฝรั่ง หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด หน้า 135-136.
- เอ็ดมันส์.เจ.บี.2520. หลักวิชาพืชสวน. พิมพ์ที่โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ หน้า 182-251
- อำนวย ดำดื้อ.2528. หลักการผลิตไม้ผล. ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยของแก่น หน้า 36-31
- ผลลดคอเลสเตอรอลของสาร phenolic และ hydroxytyrosol ที่แยกได้จากน้ำทิ้งของกระบวนการสกัดน้ำมันมะกอก. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารโพลิฟินอล จากมะกอกในหนูที่มีภาวะติดแอลกอฮอล์เรื้อรัง. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์
- การรับประทานสารสกัดโพลีฟินอลจากมะกอกมีผลช่วยเพิ่มระดับ osteocalcin ซึ่งเป็นโปรตีนในกระดูกและช่วยให้ระดับไขมันในเลือดดีขึ้นในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีภาวะโรคกระดูกบาง.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์
- สารสกัดจากใบมะกอกลดอาการชา หรือ ปวดที่เกี่ยวกับเส้นประสาทในโรคเบาหวาน. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์
- มะกอก. กลุ่มยากันหรือแก้เลือดออกตามไรฟัน สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี. (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก www.rsph.or.th/plants_data/herbs/.
- Davidson, Alan, and Tom Jaine. The Oxford companion to food. Oxford University Press, USA, 2006. 805.