หญ้าตีนตุ๊กแก ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
หญ้าตีนตุ๊กแก งานวิจัยและสรรพคุณ 16 ข้อ
ชื่อสมุนไพร หญ้าตีนตุ๊กแก
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ตีนตุ๊กแก (ภาคกลาง), หญ้าตีนตุ๊กโต (ภาคเหนือ), ผักเสี้ยน (ภาคอีสาน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tridax procumbens Linn.
ชื่อสามัญ Coat buttons, Wild daisy, Maxican daisy, Tridax daisy
วงศ์ ASTERACEAE-COMPOSITAE
ถิ่นกำเนิดหญ้าตีนตุ๊กแก
หญ้าตีนตุ๊แก จัดเป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกาบริเวณอ่าวเม็กซิโก อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ต่อมามีการกระจายพันธุ์ไปในเขตร้อนอื่นๆ ของทวีปอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย โดยในทวีปเอเชียสามารถพบได้ใน อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน มณฑลไหหลำของจีน และประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน เช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณตามริมทาง ที่ชื้นทั่วไป และตามทุ่งนา ทุ่งหญ้า โดยจัดเป็นวัชพืชที่สำคัญชนิดหนึ่ง
ประโยชน์และสรรพคุณหญ้าตีนตุ๊กแก
- ใช้รักษาบาดแผล
- รักษาโรคผิวหนัง
- ใช้ต้านการแข็งตัวของเลือด
- รักษาไทฟอยด์
- แก้ไอ
- ช่วยป้องกันผมร่วง
- รักษาโรคหวัดหลอดล
- โรคบิดท้องเสีย
- รักษาแผลในช่องปาก
- รักษาต่อมทอนซิลอักเสบ
- ใช้รักษาโรคหวัด
- โรคโลหิตจาง
- แก้อาการอักเสบ
- ใช้รักษาฝี
- แก้อาการปวด
- แก้อักเสบตามข้อและปวดตามกระดูก
สำหรับการนำหญ้าตีนตุ๊กแก มาใช้ประโยชน์นั้น จะมีเพียงการนำต้นอ่อนมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ และนำมาใช้เป็นสมุนไพรเท่านั้น โดยในการนำมาใช้เป็นสมุนไพร จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าในหลายประเทศก็มีการนำมาใช้
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
สำหรับรูปแบบการใช้หญ้าตีนตุ๊กแก ในตำรายาไทยนั้นได้ระบุเอาไว้ว่า ใช้รักษาฝี แก้อาการปวด อักเสบตามข้อและกระดูก โดยนำต้นสดประมาณ 1 กำมือ มาตำพอกบริเวณที่เป็น โดยทำต่อเนื่องกันประมาณ 1 อาทิตย์จะเห็นผล
ลักษณะทั่วไปของหญ้าตีนตุ๊กแก
ตีนตุ๊กแก จัดเป็นไม้ล้มลุกฤดูเดียว มีรากแก้ว มีอายุได้หลายปี ลำต้น มีขนาดเล็กและเรียวสีขาวแกมสีเขียว มีขนยาวสีขาวขึ้นปกคลุม แตกแขนงเล็กน้อย ทอดเลื้อยไปตามพื้นดินและจะชูส่วนยอดตั้งตรงซึ่งจะสูงได้ 30-50 เซนติเมตร ส่วนข้อที่สัมผัสพื้นดินจะออกรากฝอยสามารถทนแล้งได้ดี
ใบหญ้าตีนตุ๊กแก เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงรอบข้อ หรือ เรียงตรงข้ามกัน ใบมีลักษณะเป็นรูปรีขอบขนานแหลม หรือ รูปหอก กว้าง 1-2 เซนติเมตร และยาว 2-3 เซนติเมตร โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ส่วนขอบเป็นหยักซี่ฟันห่างๆ ตามหลังใบและท้องใบ มีขนขึ้นปกคลุมแต่ท้องใบจะมีขนหนาแน่นกว่าและมีก้านใบยาวประมาณ 5-15 มิลลิเมตร
ดอกหญ้าตีนตุ๊กแก ออกเป็นช่อชนิดฐานเดียว โดยจะออกบริเวณปลายกิ่งก้านช่อดอกยาว 10-25 เซนติเมตร มีขนปกคลุมมีลักษณะเรียวเล็กยื่นยาวชูเหนือลำต้น โคนช่อดอกมีใบประดับสีเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่ หรือ รูปขอบขนานโคนมน หรือ ตัดตรงปลายแหลมกว้าง 1-3 มิลลิเมตร และยาว 3-6 มิลลิเมตร มีขนขึ้นปกคลุมจำนวนมาก เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางช่อดอกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ส่วนดอกย่อยจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ ดอกแบบรอบนอก 1 วง จำนวน 4-6 ดอก และดอกชั้นในเป็นกระจุกหลายวง อัดกันแน่นบนฐานรองดอก ซึ่งดอกรอบนอกเป็นแบบ ligulate type มีกลีบเลี้ยงสีขาวลักษณะเป็นเส้นขนเล็กๆ ยาว 3-4 มิลลิเมตร จำนวนมาก ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบเป็นสีขาวติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบเป็นสีเหลือง ติดกันเป็นแผ่นเดียว มีขนาดกว้าง 3-4 มิลลิเมตร และยาว 3-4 มิลลิเมตร ปลายกลีบเว้าหยักเป็นพู 2-3 พู ไม่มีเกสรเพศผู้ มีแต่เกสรเพศเมีย ดอกชั้นในเป็นแบบ tubular type มีกลีบเลี้ยงสีขาว ลักษณะเป็นเส้นขนเล็กๆ ยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร จำนวนมากส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบดอกเป็นสีขาวติดกันเป็นหลอดปลายหลอดเป็นสีเหลือง แยกกันเป็นแฉก 5 แฉก หลอดกลีบกว้าง 0.5-1.2 มิลลิเมตร และยาว 5-7 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ส่วนเกสรเพศเมียเป็นรังไข่แบบใต้วงกลีบมีขนปกคลุม โคนดอกย่อยและบริเวณมีใบประดับสีขาวแกมม่วง ยาวได้ประมาณ 7-8 มิลลิเมตร
ผลหญ้าตีนตุ๊กแก เป็นผลแห้งแบบเมล็ดล่อน ลักษณะของผลเป็นรูปรียาว หรือ รูปหอก สีดำ ยาว 1-3มิลลิลิตร ผลมีขนขึ้นปกคลุม ภายในผลมีเมล็ดรูปยาวรี 1 เมล็ด สีน้ำตาล ปลายผลมีใบประดับเป็นเส้นเล็กๆ 20 เส้น ช่วยพยุงให้ลอยลมได้
การขยายพันธุ์หญ้าตีนตุ๊กแก
หญ้าตีนตุ๊กแก สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ด และการปักชำกิ่ง แต่เนื่องจากหญ้าตีนตุ๊กแก จัดเป็นวัชพืชที่เป็นปัญหาสำคัญทางการเกษตรเพาะสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่นิยมนำมาเพาะปลูกขยายพันธุ์ สำหรับการขยายพันธุ์ของหญ้าตีนตุ๊กแกนั้นส่วนมากจะเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติ โดยอาศัยแรงลมพันดที่จะทำให้เมล็ดที่มีพู่ขุยให้ลอยตามลม เพื่อเจริญเป็นต้นใหม่ข้อของต้นที่งอดใหม่เมื่อแตะพื้นจะมีรากและเจริญเป็นต้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากสวนของดอก ใบ ลำต้น และรากของตีนตุ๊กแก ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดดังนี้ Hexadecanoic, Zerumbone, Didehydrofalcarinol, bisabolene, selinene, Vomifoliol, dehydrovomifoliol, dentroarborelo B, Biochanin, Luteolin-4’-O-β-D-glucopyranoside, Butein, Naringenin, β-Sitosterol, centaureidin, centaurein, 3-6-dimethoxy-5-7 ,2,3,4-pentahydroxyflavone-7-o-β-D-gluco-pyranoside และ (35)-16,17-didehydrofalcarinol เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของหญ้าตีนตุ๊กแก
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดหญ้าตีนตุ๊กแก จากส่วนใน ดอก ลำต้น และราก ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาดังนี้
ฤทธิ์รักษาแผล มีรายงานการใช้หญ้าตีนตุ๊กแกเป็นสมุนไพรพื้นบ้านในประเทศอินเดียว่ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ช่วยสมานแผล และต้านการอักเสบ จึงได้มีการทำการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาแผล ของสารสกัดเอทานอล ซึ่งการวิเคราะห์ทางเคมีด้วยเทคนิค gas-chromatography mass-spectrometry พบว่าสารสกัดดังกล่าว มีสารประกอบถึง 50 ชนิด โดยสารที่พบมากที่สุดได้แก่ ergosta-5,7,22-trien-3-ol, (3.beta.,22E) (47.45%), diethyl phthalate (10.67%), ergosta-5,8-dien-3-ol, (3.beta) (5.60%), 2-(imidazo[1,2- α]pyridin-2-yl)phenol (2.84%), และ tritriacontane (2.75%) ซึ่งสาร 2-(imidazo[1,2- α]pyridin-2-yl)phenol มีรายงานฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารก่อการอักเสบ การทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ด้วยวิธี agar well diffusion method โดยใช้สารสกัดจากใบของหญ้าตีนตุ๊กแก ที่ความเข้มข้น 500 มคก./มล. มีค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของบริเวณที่มีการยับยั้งเชื้อ (zone of inhibition) เท่ากับ 6.5 มม.
ส่วนอีกการศึกษาวิจัยหนึ่งระบุว่า สารสกัดเฮกเซนของดอกและทั้งต้นหญ้าตีนตุ๊กแก สามารถยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ Escherichia coli, Klebsiella sp., Salmonella group C, Salmonella paratyphi, และ Smegmatis ป้องกันไวรัสตับอักเสบในหนูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนสารสกัดเอธิลอะซีเตตทุกส่วนของหญ้าตีนตุ๊กแก (ทุกส่วน) และสารสกัดเมทานอลของใบออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของหญ้าตีนตุ๊กแก
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
การใช้หญ้าตีนตุ๊กแก เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคนี้ ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพร ชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง หญ้าตีนตุ๊กแก
- ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2544. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ พิมพ์ครั้งที่ 2 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม). พิมพ์ที่ บริษัทประชาชน จำกัด. 2544.
- ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์. “หญ้าตีนตุ๊กแก (Ta Tin Tukkae)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 317.
- องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี. พรรณไม้น้ำบึงบอระเพ็ด. พิมพ์ที่ โอ.เอส พริ้นติ้ง เฮาส์. พิมพ์ครั้งที่ 1. 2545.
- ดวงพร สุวรรณกุล และ รังสิต สุวรรณเขตนิยม. 2544. วัชพืชในประเทศไทย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ.
- องค์ประกอบทางเคมี และฤทธิ์รักษาแผลของสารสกัดจากใบของหญ้าตีนตุ๊กแก และส่วนเหนือดินของตำแยแมว. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
- อำไพ ยงบุญเกิด. วัชพืชในสวนยางพารา. พิมพ์ที่ แอ๊สเสทการพิมพ์. กรุงเทพฯ.
- อรุณรัตน์ สัณฐิติกวินสกุล และฑิฆัมพร พันหุ่น. การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัด 80 เปอร์เซ็นต์เอทานอลจาหญ้าตีนตุ๊กแก “ในการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 51.กรุงเทพฯ 5-7ก.พ.3656. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. 2556. หน้า 77-83.
- Ravikumar, V., K. S. Shivashangari and T. Devaki. 2005. Hepatoprotective activity of Tridax procumbens against D-galactosamine/lipopolysaccharide-induced hepatitis in rats. Journal of Ethnopharmacology 101: 55-60.
- Jachak, S. M., R. Gautam, C. Selvam, H . Madhan, A. Srivastava and T. Khan. 2011. Anti-inflammatory cyclooxygenase inhibitory and antioxidant activities of standardized extracts of Tridax procumbens L. Fitoterapia 82: 173-177.
- Taddei A. and A. J. Rosas-Romero. 2000. Bioactivity studies of extracts from Tridax procumbens. Phytomedicine 7: 235-238.
- Journal of the Arnold Arboretum Volume 32 Page 13-14, Journal of the Arnold Arboretum Volume 51 Page 148
- Krishani, P. M., X. Ratlinam, K. Marimuthua, A. Diwakar, S. Ramanathan, S. Kathiresan and S. Subamaniam. 2010. A comparative study on the antioxidant activity of methanolic leaf extracts of Ficus religiosa L, Chromolaena odorata (L.) King & Rabinson, Synodal dactylon (L.) Pers. and Tridax procumbens L. Asian Pacific Journal of Tropical Medicine 3: 348-350.
- Ikewuchi, C.C., Ikewuchi, J.C., Ifeanacho, M.O., 2015. Phytochemical composition of Tridax procumbens Linn leaves: potential as a functional food. Food Nutr. Sci 06, 992–1004.
- Chen, W.H., Ma, X.M., Wu, Q.X., Shi, Y.P., 2008. Chemical-constituent diversity of Tridax procumbens. Can. J. Chem. 86, 892–898. https://doi.org/10.1139/V08-097. Christudas, S., Kulathivel, T.M., Agastian, P., 2012. Phytochemical and antibacterial studies of leaves of Tridax procumbens L. Asian Pac. J. Trop Biomed 2, S159–S161