ลำบิดดง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
ลำบิดดง งานวิจัยและสรรพคุณ 9 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ลำบิดดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ค้นจ้อง, จังนัง (ภาคอีสาน), ดำบิดดง (ภาคตะวันออก)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros filipendula Pierre ex Lecomte
วงศ์ EBENACEAE
ถิ่นกำเนิดลำบิดดง
ลำบิดดง จัดเป็นพืชพื้นถิ่นของไทยชนิดหนึ่ง โดยมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ต่อมาจึงได้กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนของภูมิภาคเอเชียใต้ ผ่านทางพม่าและบังคลาเทศ สำหรับในประเทศไทยสามารถพบลำบิดดง ได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ บริเวณป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 50-400 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณลำบิดดง
- ใช้แก้ไข้
- แก้ปวดท้อง
- แก้บิด
- ใช้เป็นยาสำหรับสตรีหลังคลอดที่อยู่ไฟไม่ได้
- ใช้แก้ซางเด็ก (เบื่ออาหาร ซึม มีเม็ดขึ้นในปาก และคอ ลิ้นเป็นฝ้า)
- แก้ประดง
- ใช้แก้โรคปวดหลัง
- ใช้แก้ท้องอืด
- แก้ปวดท้อง
เนื่องจากลำบิดดงเป็นพันธุ์ไม้พื้นถิ่นของไทย และยังมีสรรพคุณทางยา ดังนั้นจึงมีการนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น ใบอ่อนลำบิดดง นำมารับประทาน ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรตั้งแต่ในอดีต โดยในตำรายาไทยและตำรายาพื้น บ้านอีสาน
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้ไข้ แก้ปวดท้อง แก้บิด โดยนำรากลำบิดดงมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้เป็นยาเย็น แก้ประดง โดยนำรากลำบิดดง มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้เป็นยาสตรีหลังคลอด โดยนำรากลำบิดดงมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ซางในเด็ก โดยนำรากลำบิดดง มาทุบพอแหลก ใช้แช่กับน้ำ นำมาดื่ม และอาบ
- ใช้แก้ท้องอืด ปวดท้องโดยนำผลลำบิดดงสุกมารับประทานสด
- ใช้แก้ปวดหลังโดยนำใบลำบิดดงมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ปวดท้อง โดยนำเปลือกลำบิดดง ต้นมาต้มกับน้ำดื่ม
ลักษณะทั่วไปของลำบิดดง
ลำบิดดง จัดเป็นไม้ยืนต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 12 เมตร ลำต้นตั้งตรง เปลือกสีเทาปนน้ำตาล มีขนนุ่มสั้นๆ ขึ้นปกคลุมตามกิ่งก้าน เนื้อไม้มีสีขาว
ใบลำบิดดง เป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับบนก้านใบ โดยใน 1 ก้านใบจะมีใบย่อย 2-10 ใบ ลักษณะใบย่อยเป็นรูปรี หรือ รูปไข่ กว้าง 2-3.5 เซนติเมตร ยาว 4-6 ซม. โคนมน กลม หรือ อาจเป็นหยักเว้าตื้น ปลายใบแหลม หรือ มน ขอบใบเรียบแผ่นใบมีสีเขียวบางมีขนนุ่มขึ้นปกคลุมทั้งสองด้าน และมีก้านใบยาว 1-3 มิลลิเมตร
ดอกลำบิดดง เป็นดอกเดี่ยวออกบริเวณปลายกิ่ง หรือ ตามซอกใบเป็นแบบแยกเพศต่างต้น โดยดอกตัวผู้จะออกเป็นกระจุกบริเวณซอกใบ ประมาณ 2-3 ดอก มีกลีบเลี้ยงรูประฆัง จำนวน 4 กลีบ ยาว 0.2-0.4 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกแยกเป็นแฉกลึกประมาณกึ่งหนึ่งของความยาวกลีบ มีขนสากด้านนอก กลีบดอกสีขาว รูปดอกเข็ม ยาว 1.2-1.6 เซนติเมตร กลีบแยกประมาณกึ่งหนึ่ง มีขนขึ้นปกคลุมด้านนอก มีเกสรเพศผู้เกลี้ยงๆ 12-16 อัน และมีก้านดอกยาว 1-2 เซนติเมตร สำหรับดอกตัวเมียก็มีลักษณะคล้ายดอกตัวผู้แต่ขนาดจะใหญ่กว่า มีรังไข่เป็นขนยาวที่โคนในแต่ละช่องมีออวุล 1 เม็ด มีก้านเกสรเพศเมียลักษณะเกลี้ยง ไม่มีเกสรเพศผู้ มีก้านดอกยาว 2-4 เซนติเมตร
ผลลำบิดดง เป็นผลสดแบบมีเนื้อรูปทรงกลม หรือ รูปรีกว้าง ยาว 2-2.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย เมื่อผลแก่ผิวผลจะเกลี้ยงและมีนวลสีขาว โดยมีกลีบเกลี้ยงแฉกลึกเกือบจรดโคน ด้านในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด และมีก้านผลยาว 2-4 เซนติเมตร
ที่มาของภาพ www.blogger.com : By Photograph Joyrawee1
การขยายพันธุ์ลำบิดดง
ลำบิดดง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ดและการตอนกิ่ง แต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ การเพาะเมล็ด โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกลำบิดดง นั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ในตระกูล Diospyros เช่น “มะเกลือ” ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของสานสกัดจากราก และกิ่งของลำบิดดง ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น สารสกัดหยาบของรากลำบิดดง พบสาร taraxerol, syringic acid, gallic acid, N-benzoyl-(2R)-2-(acetylamino)-3 phenylpropyl ester, Z-butylidenephthalide, Z-ligustilide, bergapten, cis-6,7 dihydroxyligustilides, ergosterol peroxide, β-sitosterol, friedelin, friedelinol, taraxeryl acetate, betulinic acid, 3-O-trans-p-coumaroylalphatolic acid, 5-methoxysalicylic acid, stigmast-5-ene-7-one, betulonaldehyde ส่วนสารสกัดหยาบของกิ่งลำบิดดงพบสาร α tocopherol, stigmast-5-en-7-one, β,28-dihydroxyurs-12-ene, (3β,18α)-oleanan-3-ol, 28-hydroxy-18α,19βH-urs-20-en-3-one
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของลำบิดดง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของ สารสกัดจากส่วนเหนือดิน ราก และกิ่งของลำบิดดง ระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
มีรายงานการวิจัยระบุว่า สารกลุ่ม triterpenes : pentacyclic core ที่พบในสารสกัดลำบิดดง จากส่วนเหนือดินของลำบิดดง ได้แก่ lupine, ursane, oleanane, taraxerane, friedelane มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง (anti-cancer) ต้านไวรัสเอดส์ (anti-HIV) และ ต้านการอักเสบ (anti-inflammation) อีกทั้งยังมีรายงานว่ามีการนำสารสกัดเฮกเซนจากรากลำบิดดง (D.filipendula) ซึ่งประกอบไปด้วย สารบริสุทธิ์ 2 ชนิด คือ stigmasterol และ taraxcrol มาทดสอบฤทธิ์ยับยั้งการเจริญในเซลล์มะเร็งปากมดลูกโดยเทคนิค MTT โดยทำการสกัด DNA จากตัวอย่างและทดสอบการแตกของเส้น DNA ด้วยวิธี electrophoresis ใน 1.5% agarose gel และทดสอบการแตกของนิวเคลียสด้วยสีผลูออเรสเซนต์ DAPI และ propidium iodide (PI) ผลการทดสอบพบว่าสาร stigmasterol และ taraxerol ทำให้เซลล์ตาย ตามขนาดความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเซลล์ที่ตายมีลักษณะกลม โดยความเข็มข้นที่ยับยั้งการเจริญของเซลล์ได้ 50% เท่กับ 37 ± 2.49 และ 10=1.3 µg/ml ตามลำดับ และเมื่อย้อมนิวเคลียสด้วยสีฟลูออเรสเซนต์ พบเซลล์ในกลุ่มทดลองมี apoptotic nuclei เท่ากับ 30.27 = 0.9 และ 23.8 ± 0.99 ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มควบคุมมีค่าเท่ากับ 3.12 ± 1.29% จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าสารทั้ง 3 ชนิด สามารถเหนี่ยวนำให้เซลล์มะเร็งปากมดลูกตายแบบ apoptosis ได้
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพของสารที่แยกได้ พบว่า สาร ergosterol peroxide, betulonal dehyde และ 3-o-trans-p-coumaroy lalphatolic acid มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum ที่ค่า IC50 ระหว่าง 3.08, 3.36 และ 4.03 µg/mL ตามลำดับ อีกทั้งสาร gallic acid, N-benzoyl-(2R)-2-(acetylamino)-3-phenylpropylester, bergapten, z-ligustilide, ergosterol peroxide, betuinic acid และ betulonaldehehyde มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งช่องปากชนิด KB และมะเร็งปอดชนิด NCI-H187 ที่ค่า IC50 ระหว่าง 15.16 ถึง 48.52 µg/mL อีกด้วย
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของลำบิดดง
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้ลำบิดดง เป็นสมุนไพรควรระมัดระวังในการใช้ เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง ลำบิดดง
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. (2550). สมุนไพร. มติชนสุดสัปดาห์. ปีที่ 278 ฉบับที่ 1410, 66.
- ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ตอน 3 ฝ่ายพฤกษศาสตร์ป่าไม้ กองบำรุง กรมป่าไม้ พฤษภาคม 2526
- รัศมี เหล็กพรม, สมเดช กนกเมชากุล, องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพจากรากและกิ่งของลำบิดดง. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์. กรกฎาคม 2562.
- วารี เนื่องจำนงค์. ฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จากสารสกัดบริสุทธิ์ลำบิดดง และท้าวแสนปม. รายงานการวิจัย.มหาวิทยาลัยบูรพา. ปีงบประมาณ 2553. 30 หน้า
- ลำบิดดง. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpag&pid=278
- Furusawa M, Tanaka T, Ito T, Nakaya K, Ohyama M, Ilnuma M, Murata H, Inatomi Y, Inada. A, Nakanishi T, Matsushit'S, Kubota Y, Sawa R, & Takahashi Y. Flavonol Glycosides in Leaves of Two Diospyros Species. Chem Pharm Bull. 2005, 53(5); 591- 93.
- Mallava,dhani UV., Panda AK., & rao YR. Pharmacology and chemotaxonomy of Diospyros. Phytochemishy. 1998, 49; 901-51.
- Kaufmann SH, Earnshaw WC. Induction of apoptosis by cancer chemotherapy. Exp Cell Res. 2000, 256; 42-49.
- Farnsworth NR, Akerele 0, Binge! AS, Soejarto DD & Guo Z. Medicinal plants in therapy. Bull World Health Organ. 1985, 63; 965-81.
- Ting CY, Hsu CT, Hsu Su, Su JS, Chen TY, Tam WY, Kuo YH, Whang-Peng J, Liu LF, & Hwang J. lsodiopyrin as a novel human DNA topoisomerase I inhibitor. Biochem Pharmacol. 2003, 66; I 981-91.
- ที่มาของภาrลำบิดดง .www.blogger.com By Photograph Joyrawee1: ลำบิดดง (Diospyros filipendula pierre ex lecomte) (travel-itinerancy.blogspot.com)