ชิงช้าชาลี ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ชิงช้าชาลี งานวิจัยและสรรพคุณ 32 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ชิงช้าชาลี
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น จุ้มจะลิงตัวแม่ (ภาคเหนือ), บอระเพ็ดตัวผู้, บรเพ็ชร์ (ภาคกลาง), ตะซิคึ, ตะคึ (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora baenzigeri Forman
ชื่อสามัญ Heart - leaved moonseed, Gulancha tinospora
วงศ์ MENISPERMACEAE


ถิ่นกำเนิดชิงช้าชาลี

ชิงช้าชาลี จัดเป็นพืชในวงศ์บอระเพ็ด (MENIXPERMACEAE) ชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปเอเชียโดยมีถิ่นกำเนิดบริเวณภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย เนปาล ศรีลังกา ปากีสถาน และบังคลาเทศ เป็นต้นต่อมา จึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในแอฟริกา อีกด้วย สำหรับในประเทศไทยพบชิงช้าชาลี ได้มากในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณที่รกร้างว่างเปล่า หรือ ตามป่าทั่วไป


ประโยชน์และสรรพคุณชิงช้าชาลี

  1. ใช้บำรุงกำลัง
  2. ใช้บำรุงธาตุ
  3. แก้ธาตุไม่ปกติ แก้ธาตุพิการ
  4. แก้อ่อนเพลีย
  5. ช่วยเจริญอาหาร
  6. แก้มะเร็ง
  7. แก้เบาหวาน
  8. แก้ไข้
  9. แก้ไข้กาฬ
  10. แก้ไข้เหนือ
  11. แก้ไข้มาลาเรีย
  12. ใช้เป็นยาแก้ไข้พิษร้อน
  13. แก้ร้อนในกระหายน้ำ
  14. แก้โลหิตเป็นพิษ
  15. แก้โรคทางเดินปัสสาวะ
  16. แก้อาการเกร็ง
  17. แก้พิษฝีดาษ ฝีกาฬ 
  18. ใช้ขับลม
  19. แก้ท้องเฟ้อ
  20. ใช้ฆ่าพยาธิในท้อง
  21. แก้ปวดฟัน
  22. ใช้แก้รำมะนาด
  23. ทำให้อาเจียนอย่างแรง
  24. แก้ปวดเมื่อย 
  25. ใช้เป็นยาบำรุงน้ำดี
  26. แก้ดีพิการ
  27. ใช้เป็นยาถอนพิษ ดับพิษทั้งปวง
  28. ใช้ทารักษาแผล
  29. แก้ไฟลามทุ่ง
  30. ใช้ฆ่าพยาธิผิวหนัง
  31. รักษาฝีทำให้เย็น
  32. แก้อาการปวดแผล

           ในอดีตตามชนบทมีการนำใบสดของชิงช้าชาลี มาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น โค กระบือ แพะ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการนำชิงช้าชาลีมาปลูก ปล่อยให้เลื้อย เป็นซุ้มประตู ตามวัดวาอารามต่างๆ ให้ดูสวยงาม แต่ประโยชน์หลักๆ ของชิงช้า ก็คือ ในด้านการใช้เป็นยาสมุนไพร

ชิงช้าชาลี

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ธาตุไม่ปกติ แก้มะเร็ง ช่วยเจริญอาหาร แก้เบาหวาน แก้ไข้ ไข้กาฬ ไข้เหนือ แก้ไข้มาลาเรีย แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้โลหิตเป็นพิษ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้อาการเกร็ง แก้พิษฝี ฝีดาษ ฝีกาฬ โดยนำเถาชิงช้าชาลี มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ฆ่าพยาธิในท้อง โดยนำดอกมาตากแห้งงน้ำร้อนดื่ม
  • ใช้บำรุงน้ำดี แก้ดีพิการ ใช้ถอนพิษทั้งปวง โดยนำใบมาตำพอกบริเวณที่เป็น
  • ใช้แก้อาการปวดแผล โดยนำใบมาตำพอกบริเวณที่เป็นใช้
  • ขับลม บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ลดเบาหวาน แก้ไข้ต่างๆ ขับพิษ แก้อาการเกร็ง แก้ปวดเมื่อย แก้โรคทางเดินปัสสาวะ โดยน้ำคั้น ใบ เถา รวมกัน 1 กำมือ มาต้มกับน้ำ 3 แก้ว เคี่ยวนาน 10-15 นาที แล้วนำมาดื่มเช้าและเย็น หรือ อาจจะใช้รากชิงช้าชาลี  90-120 กรัม นำมาทุบใหแหลก ใช้ต้มกับน้ำดื่มเช้า และเย็นก็ได้


ลักษณะทั่วไปของชิงช้าชาลี

ชิงช้าชาลี จัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เถามีลักษณะกลม และเหนียว มีรูอากาศสีขาว และมีปุ่มปมเล็กน้อย เถาอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล และจะมีรสขม โดยเฉพาะเถาแก่

           ใบชิงช้าชาลี เป็นใบเดี่ยว ออกแบบเรียงสลับ บนเถามีขนาดกว้างและยาว 6-10 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ โคนใบมนเว้า ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบบางมีสีเขียวหลังใบ และท้องใบเรียบ ด้านหลังใบมองเห็นเส้นใบได้ชัดเจนบริเวณใกล้กับโคนใบมีปุ่มเล็กๆ 2 ปุ่ม อยู่บนเส้นใบและมีก้านใบยาว 3-5 เซนติเมตร

           ดอกชิงช้าชาลี ออกเป็นช่อ โดยจะออกตามเถาและซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอก ซึ่งดอกตัวผู้เป็นช่อสีเหลือง ส่วนดอกตัวเมีย เป็นดอกเดี่ยวสีเหลือง และมีเกสรเพศผู้

           ผลชิงช้าชาลี เป็นผลสดลักษณะรูปทรงกลมมีขนาด 1-1.5 เซนติเมตร ผิวผลเป็นสีเขียว เรียบเป็นมัน เมื่อลุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เนื้อผลฉ่ำน้ำสีขาวใส ด้านในของผลมีเมล็ดผิวขรุขระ 1 เมล็ด เป็นสีดำ หรือ สีเทาค่อนข้างดำ

ชิงช้าชาลี
ชิงช้าชาลี

การขยายพันธุ์ชิงช้าชาลี

ชิงช้าชาลี สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด และการปักชำ แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการนำมาขยายพันธุ์ เนื่องจากมีการนำมาใช้ประโยชน์ค่อนข้างน้อย และส่วนมากจะนิยมใช้บอระเพ็ดมากกว่าชิงช้าชาลี สำหรับวิธีการเพาะเมล็ด การปักชำและการปลูกชิงช้าชาลีนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับไม้เถาอื่นๆ เช่น “บอระเพ็ด” ซึ่งได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของเถา และสารสกัดจากส่วนเถาของชิงช้าชาลี ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น สารสกัดจากส่วนเถาพบสาร berberine, choline, jatrorrhizine, tinosporan, columbin, tinoluberide, N-cis-feruloyl tyramine และในส่วนของเถายังพบสาร giloin glucosides, palmarin, columbin chasmanthin, tinosporan, tinosporic acid และ tinosporol เป็นต้น

โครงส้รางชิงช้าชาลี

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของชิงช้าชาลี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดชิงช้าชาลี จากส่วนต่างๆ ของชิงช้าชาลี ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาดังนี้

           ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด มีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดโดยให้สารสกัดด้วยน้ำจากรากชิงช้าชาลี แก่หนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan ในขนาด 2.5 และ 5 กรัม ต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว โดยให้กินติดต่อกันนาน 42 วัน แล้วเปรียบเทียบกับหนูกลุ่มที่เป็นเบาหวานแต่ไม่ได้รับสารสกัดพบว่า สารสกัดรากชิงช้าชาลีมีผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือด และในปัสสาวะของหนูทดลอง อีกทั้งยังสามารถลดระดับโคเลสเตอรอล กรดไขมันอิสระ ฟอสโฟไลปิดในสมอง และยังเพิ่มระดับฮีโมโกลบิน เพิ่มน้ำหนักตัว เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ hexokinase ลดการทำงานของเอนไซม์ glucose-6-phosphatase, acid phosphatase, alkali phosphatase และ lactate dehydrogenase นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดยังสามารถให้ผลดีกว่ายา glibenclamide แต่ในสารสกัดในขนาด 7.5 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่แสดงผลดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างใด และยังมีการศึกษาวิจัยในอินเดีย โดยมีการศึกษาสมุนไพรพื้นบ้านของประเทศอินเดียชนิดต่างๆ 30 ชนิด ที่มีการใช้เพื่อลดน้ำตาลในเลือด โดยได้ใช้สารสกัดเอทานอล 95% จากพืชทั้ง 30 ชนิด แล้วนำมาทำให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดโรคเบาหวานด้วย alloxan เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยใช้สารสกัดขนาด 250 มก./กก. 1 ครั้ง, 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้งต่อวัน จนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงจนถึงระดับปกติเมื่อสัตว์ทดลองอดอาหาร พบว่าสมุนไพร 24 ชนิด ที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด โดยชิงช้าชาลี สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดมากเป็นลำดับที่ 8 จาก 30 ชนิด นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุว่าสารสกัดจากเถาของชิงช้าชาลียังมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต แก้ปวด ต้านไวรัส ลดอาการอักเสบ ขับปัสสาวะ และต้านมาลาเรีย ได้อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของชิงช้าชาลี

มีรายานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสารสกัดจากส่วนเหนือดินของชิงช้าชาลี ระบุว่า มีรายงานการทดสอบความเป็นพิษโดยการฉีดสารสกัดเอทานอลกัน้ำ จากส่วนเหนือดิน ของชิงช้าชาลี ในอัตราส่วน 1:1 เข้าช่องท้องของหนูถีบจักร พบว่าในขนาดสูงสุดที่สัตว์ทดลองทนได้ คือ 250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

เนื่องจากชิงช้าชาลี เป็นพืชตระกูลเดียวกับบอระเพ็ด และบอระเพ็ด ก็มีรายงานการศึกษาด้านความปลอดภัยในมนุษย์พบว่า ในการรับประทานบอระเพ็ดขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นานติดต่อกัน 8 สัปดาห์ มีผลทำให้ค่าเอนไซม์ในตับ (ALT และ AST) เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ชิงช้าชาลี ที่เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับบอระเพ็ดเป็นระยะเวลานาน และไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคตับอีกด้วย


เอกสารอ้างอิง ชิงช้าชาลี
  1. ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. “ชิงช้าชาลี”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 269-270.
  2. พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. “ชิงช้าชาลี”. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. หน้า 110
  3. สุภาวรรณ. วงค์คำจันทร์. ความหลากหลายทางชีวภาพ วรอุทยานถ้ำเพชรถ้ำทอง. นครสวรรค์. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. 2556 หน้า 38
  4. ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์. “ชิงช้าชาลี (Chingcha Chali)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 106.
  5. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ชิงช้าชาลี Heart-leaved Moonseed”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. หน้า 203.
  6. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก. “ชิงช้าชาลี ”. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. หน้า 81-82.
  7. ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของชิงช้าชาลี. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร. คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  8. เปรียบเทียบสมุนไพรลดน้ำตาลในเลือดในหนูขาวที่เป็นเบาหวานจาก alloxan. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.