น้ำเต้า ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย
น้ำเต้า งานวิจัยและสรรพคุณ 23 ข้อ
ชื่อสมุนไพร น้ำเต้า
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น มะน้ำ, หมากน้ำ (ภาคเหนือ), บักน้ำ (อีสาน), คิลูล่า (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lagenaria siceraria (Molina) Standl.
ชื่อสามัญ Bottle gourd, White flowered gourd, Calabash cucumber
วงศ์ CUCURBITACEAE
ถิ่นกำเนิดน้ำเต้า
สำหรับถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของน้ำเต้านั้นมีการสันนิษฐานกันอยู่ 2 แนวทาง แนวทางแรก คือ เชื่อกันว่าน้ำเต้ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา แล้วมีการแพร่กระจายพันธุ์ โดยมนุษย์นำไปปลูกยังพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ส่วนอีกแนวทางหนึ่งเชื่อกันว่าน้ำเต้ามีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย และยังเป็นพืชชนิดแรกๆ ที่มนุษย์นำมาปลูก เพราะมีการขุดพบกระดูกของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยพบเศษของเปลือกน้ำเต้าอยู่ในหลุมศพที่ค้นพบด้วย สำหรับในประเทศไทยในปัจจุบันสามารถพบเห็นน้ำเต้าได้ทุกภาคของประเทศ และมีหลายสายพันธุ์ เช่น น้ำเต้าผลกลม น้ำเต้าเซียน น้ำเต้าขม น้ำเต้างาช้าง เป็นต้น
ประโยชน์และสรรพคุณน้ำเต้า
- ใช้เป็นยาแก้ดีแห้ง
- ช่วยขับน้ำดีให้ตกในลำไส้
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร
- แก้โรคผิวหนัง
- แก้เริม
- แก้งูสวัด
- รักษาแผลพุพอง
- แก้ผื่นคัน
- แก้ฟกช้ำบวม
- ช่วยดับพิษไข้ ตัวร้อน
- แก้ร้อนใน
- แก้กระหายน้ำ
- ช่วยพิษอักเสบ
- ใช้ทำให้อาเจียน
- ใช่เป็นยาระบาย
- ใช้เป็นถ่ายพยาธิ
- ช่วยลดไขมันในเลือด
- แก้บวมน้ำ
- แก้ปวดศีรษะ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- แก้ไอ
- ช่วยขับปัสสาวะ
- ช่วยขับน้ำนม
น้ำเต้าเป็นพืชที่พบได้เกือบทั่วโลกดังนั้นจึงมีการนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ แต่ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ คือการนำมาประกอบอาหาร โดยเฉพาะคนไทยถือว่าน้ำเต้าเป็นผักชนิดหนึ่ง โดยผลน้ำเต้าที่จะนำมาประกอบอาหารคือผลอ่อน ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก เนื้อ และเมล็ด ซึ่งอาหารที่นิยมใช้น้ำเต้าปรุงประเภทผัก ส่วนในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกานำเนื้อผลอ่อนของน้ำเต้ามาทำอาหาร หรือ ชาวอินเดียใช่เนื้อผลอ่อนของน้ำเต้าทำอาหารทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ส่วนคนพื้นเมืองในแอฟริกาใช้ใบน้ำเต้าใส่ในซุปข้าวโพด หรือดองสดไว้กิน นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำเต้ามาใช้ประโยชน์ต่างๆ อีกเช่น ผลน้ำเต้าแก่ (น้ำเต้าแห้ง) ขูดเนื้อในและเมล็ดออกให้หมด ใช้บรรจุน้ำดื่ม หรือของเหลวอื่นๆ และยังมีการนำมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆอีกได้แก่ ใช้เป็นทุ่นในการจับปลา ใช้เป็นขวดบรรจุสิ่งของหรือเมล็ดพันธุ์พืช ใช้เป็นช้อน ทัพพี ขันน้ำ รวมใช้เป็นเครื่องประดับบ้านเรือนเพื่อความสวยงาม
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ขับปัสสาวะ ขับน้ำนม ช่วยให้ระบาย โดยการนำเนื้อผลอ่อนไปประกอบอาหารรับประทาน หรือ นำไปต้มรับประทานก็ได้ ช่วยบำรุงน้ำดี ช่วยเจริญอาหาร โดยการนำรากแห้งมาต้มกับน้ำดื่ม แก้บวมน้ำโดยการนำเมล็ดหรือจากมาต้มกับน้ำดื่ม แก้โรคผิวหนัง แก้ผื่นคัน รักษาอาการพุพอง แก้อาการฟกช้ำบวม แก้เริม แก้งูสวัด โดยการนำใบสดมาโขลกผสมกับเหล้าขาว หรือ โขลกเฉพาะใบสดแล้วคั้นเอาแต่น้ำแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น
ลักษณะทั่วไปของน้ำเต้า
น้ำเต้าเป็นพืชในตระกูลแตง จัดเป็นไม้เถาโดยเถามีลักษณะเป็นรูปห้าเหลี่ยมเป็นสัน มีขนอ่อนปกคลุมอยู่ตลอดเถา มีมือเกาะตามเถาโดยจะออกบริเวณโคนของก้านใบทั้ง 2 ทาง ใบออกเป็นใบเดี่ยวบริเวณข้อของเถา โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ใบมีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ มี 5 เหลี่ยม และมีขนอ่อนสีขาวขึ้นปกคลุมเช่นเดียวกันกับเถา ใบด้านบนเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างสีเขียวอ่อน ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ โดยดอกมีสีขาว และมี 2 เพศ แยกกันอยู่ต่างดอก ดอกตัวผู้คล้ายกับถ้วย ส่วนดอกตัวเมียจะมีรังไข่ติดที่โคนดอก ส่วนลักษณะดอกมีลักษณะดอกมีลักษณะเหมือนกันทั้งดอกตัวผู้ และดอกตัวเมีย คือ กลีบดอกบางและย่น เป็นรูปไข่กลีบกว้าง และยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร บนกลีบดอกทุกกลีบจะมีขนอ่อนๆ ขึ้นปกคลุม มีเกสรอยู่ตรงกลาง 3 ก้าน ผลออกเป็นผลเดี่ยว โดยจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ เช่น ทรงกลมก้นแป้น ทรงกลมคอคอด ทรงยาวรี่ และมีขนาดเล็กจนถึงใหญ่แตกต่างกันไปอีกด้วย แต่ส่วนใหญ่จะมีผิวเกลี้ยงเรียบมีเนื้อในมากเป็นสีเขียว แต่หากผลเริ่มแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีจางลงจนเป็นสีขาวครีม และเปลือกผลจะแข็งไม่มีเนื้อ เมล็ดมีลักษณะแบนเมื่ออ่อนจะมีสีขาว แต่เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลอ่อน โดยใน 1 ผล มีมากกว่า 20 เมล็ด
การขยายพันธุ์น้ำเต้า
น้ำเต้าสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด โดยมีวิธีการปลูกเช่นเดียวกับการปลูกฟักทอง หรือ แตงกวา และควรทำค้างให้เถาเลี้ยงเกาะพันขึ้นด้วย ทั้งนี้น้ำเต้าเป็นพืชที่ชอบดินร่วน ที่สามารถระบายน้ำได้ดี และเป็นพืชที่สามารถทนภูมิอากาศที่แห้งแล้งได้ดีรวมถึงยังไม่ค่อยมีโรค หรือ ศัตรูพืชมากอีกด้วย
องค์ประกอบทางเคมีน้ำเต้า
มีรายงานการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของน้ำเต้า พบว่ามีสาระสำคัญ ดังนี้ saponarin, cucurbitacin, vitexin, sitosterol, campesterol, stearic acid, oleic acid, bryonolic acid, palmitic acid, linoleic acid, kaempferol-3-monoglycoside, palmitoleic acid. นอกจากนี้ เมื่อนำมาบริโภคยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้
คุณค่าทางโภชนาการของใบน้ำเต้าอ่อน(100 กรัม)
- พลังงาน 27 แคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม
- โปรตีน 5.1 กรัม
- ใยอาหาร 1.5 กรัม
- วิตามินเอ 15,400 หน่วยสากล
- วิตามินบี 1 0.05 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.06 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 95 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 56 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 11.5 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 140 มิลลิกรัม
คุณค่าทางโภชนาการของผลน้ำเต้าอ่อน (100 กรัม)
- พลังงาน 10 แคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 2.2 กรัม
- โปรตีน 0.3 กรัม
- ใยอาหาร 1.7 กรัม
- วิตามินบี 1 0.02 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 0.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 0.35มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 6มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 1 มิลลิกรัม
ที่มา : Wikipedia
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของน้ำเต้า
สรรพคุณทางยาน้ำเต้า ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด มีงานการวิจัยที่ประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดผลน้ำเต้าด้วยคลอโรฟอร์ม และแอลกอฮอล์ในปริมาณ 200 และ 400 มก./กก. มีผลยับยั้งการเพิ่มปริมาณคอเลสเทอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และไขมันชนิดไม่ดี (LDL) แต่เพิ่มปริมาณไขมันชนิดดี (HDL)
ฤทธิ์ต้านมะเร็ง สารในกลุ่ม triterpenoids จากน้ำเต้า (Lagenaria siceraria) ได้แก่สาร D:C-friedooleane-type triterpenes แสดงความเป็นพิษต่อเซลล์ human hepatoma SK-Hep 1 โดยมีสาร etoposide เป็น positive control ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ 50% (IC50) เท่ากับ 2.2 มคก./มล. และหลังจากนำสารในกลุ่ม triterpenoids ดังกล่าวมาแยกหาสารสำคัญพบว่า สาร 3 beta-O-(E)-coumaroyl-D:C-friedooleana-7,9(11)-dien-29-oic acid และสาร 20-epibryonolic acid แสดงความเป็นพิษต่อเซลล์ human hepatoma SK-Hep 1 อย่างชัดเจน โดยมีค่า IC50 4.8 และ 2.1 มคก./มล. ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัยทางเภสัชวิทยาอีกหลายฉบับ เช่น จากการวิจัยในหนูทดลอง พบว่าสารสกัดจากผลน้ำเต้ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่ส่งผลให้แสดงฤทธิ์อื่นๆ ที่น่าสดใจ เช่น ฤทธิ์ลดน้ำตาล, ไขมันในเลือด และไขมันในเลือด ปรับระดับภูมิคุ้มกันให้เหมาะสม ปกป้องตับจากสารพิษ และบำรุงหัวใจ ยังพบว่าน้ำคั้นผลน้ำเต้าระดับไขมันในเลือดสูง ทั้งคอเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และในเนื้อเยื่อหัวใจที่กระตุ้นด้วยสารพิษต่อหัวใจ (isoproterenol) นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงไต บำรุงตับ และลดความดันโลหิตที่กระตุ้นด้วยเดกซาเมทาโซน มีฤทธิ์ปกป้องหัวใจจากสารพิษ (doxorudicin) และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และปรับระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
การศึกษาทางพิษวิทยาของน้ำเต้า
มีการทดสอบความเป็นพิษของน้ำเต้าโดยการป้อน และฉีดสารสกัดใบน้ำเต้าด้วยเอทานอลให้แก่หนูถีบจักรในขนาด 10 กรัม/1 กิโลกรัม (น้ำหนักตัว) ไม่พบอาการที่เป็นพิษแต่อย่างใด (ซึ่งคิดเป็นขนาดที่รักษาในคน 1,111 เท่า)
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- น้ำเต้าที่แก่จนสุกแล้ว ไม่ควรรับประทานเพราะมีรสขม และอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดินได้
- มีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่าน้ำเต้าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ดังนั้นผู้ที่รับประทานยารักษาเบาหวาน จึงควรระมัดระวังในการรับประทานน้ำเต้าเพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้
- ควรระมัดระวังในการใช้น้ำเต้าเพื่อเป็นยาสมุนไพร โดยไม่ควรใช้เกินปริมาณที่กำหนดในตำรับตำรายาต่างๆ รวมถึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เด็กสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องก่อนจะใช้น้ำเต้ารักษาโรคควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
เอกสารอ้างอิง น้ำเต้า
- เดชา ศิริภัทร.น้ำเต้า ผักสารพัดประโยชน์ของชาวโลก. คอลัมน์ ต้นไม้ใบหญ้า. นิตยสาร หมอชาวบ้าน เล่มที่ 210. ตุลาคม 2539
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “น้ำเต้า (Nam Tao)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 157.
- พร้อมจิต ศรีลัมพ์.แกงเลียง..อาหารเด็ดของคนไทย. จุลสารข้อมูลสมุนไพร ปีที่ 30. ฉบับที่ 3.เมษายน 2556. หน้า 2-8
- น้ำเต้าควบคุมเบาหวาน. คอลัมน์บทความพิเศษ. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 339. กรกฏาคม 2550
- หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. “น้ำเต้า”. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). หน้า 113-114.
- สารในกลุ่ม triterpenoids จากน้ำเต้ากับความเป็นพิษต่อเซลล์. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- มงคล โมกขะสมิต. เมลสวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. วารสารกรมวิทยาศาสตร์แพทย์ ปีที่ 12. ฉบับที่ 2-4 2513. หน้า 17-42
- Upaganlawar A, Balaraman R. Effects of Lagenaria sicessaria fruit juice on lipid profile and glycoprotein contents in cardiotoxicity induced by isoproterenol in rats. Toxicol Int 2012;19:15-9.
- Deshpande JR, Choudhari AA, Mishra MR, Meghre VS, Wadodkar SG, Dorle AK. Beneficial effects of Lagenaria siceraria (Mol.) Standley fruit epicarp in animal models. Indian J Exp Biol 2008;46(4):234-42.
- Hassanpour Fard M, Bodhankar SL, Madhumira Dikshit. Cardioprotective activity of fruit of Lagenaria siceraria (Molina) Standley on doxorubicin induced cardiotoxicity in rats. International Journal of Pharmacology 2008:4(6):466-71.
- Tyyagi N, Sharma GN, Hooda V. Phytochemical and pharmaceutical profile of Lagenaria siceraria: An overview. Inter Res J Pharm 2012;3(3):1-4.