ติ้วขน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ติ้วขน งานวิจัยและสรรพคุณ 10 ข้อ

ชื่อสมุนไพร  ติ้วขน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  ติ้วเหลือง(ภาคกลาง), ติ้วแดง,ติ้วเลือด,ติ้วยาง(ภาคเหนือ),ติ้วหนาม(ภาคอีสาน), แต้วหิน(ลำปาง),แต้ว(จันทบุรี),ตาว(สตูล),กวยโชง,กุยฉ่องเช้า(กะเหรี่ยง),ราเง้ง(เขมร)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Cratoxylum formosum (Jack.) Dyer spp. Prunifrorum (Kurz) Gogel
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  CrTOXYLUM FORMOSUM SUBSP. PRUNIFLORUM (Kurz) Gogelein
วงศ์ CLUSIACEAE-HYPERICACEAE

ถิ่นกำเนิดติ้วขน

ติ้วขนจัดเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชียภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าพบได้ในจีนตอนใต้อีกด้วย สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักพบขึ้นตามป่าผลัดใบและป่าเบญจพรรณ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 200-1,000 เมตร

ประโยชน์และสรรพคุณติ้วขน

  • ช่วยขับปัสสาวะ
  • แก้ปัสสาวะขัด
  • แก้ปัสสาวะพิการ
  • แก้ปวดท้อง
  • แก้ธาตุพิการ
  • แก้คัน
  • ช่วยสมานแผล
  • ช่วยห้ามเลือด
  • แก้เจ็บท้อง
  • แก้โรคผิวหนังบางชนิด

            ติ้วขนถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายด้านดังนี้ ในอดีตมีการนำเปลือกต้นมาสกัดทำสีสำหรับย้อมผ้าได้สีน้ำตาลเข้ม ส่วนเนื้อไม้มีความทนทานมาก เนื่องจากมีน้ำยางทำให้ปลวกไม่กิน จึงมีการนำมาใช้ทำโครงสร้างบ้าน ทำกระดาน พื้น ทำด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น จอบ เสียม และเครื่องตกแต่งภายในเรือน กิ่งหรือลำต้นของติ้วขนถูกนำมาใช้ทำฟืน โดยมีการระบุว่าให้ความร้อนได้ดีกว่าไม้กระบกและยังมีการนำมาทำสำหรับใช้ฟืนจุดให้สตรีที่กำลังรมควัน เนื่องจากเนื้อไม้ไม่มีกลิ่นทำให้ไม้เหม็นกลิ่นควัน


รูปแบบและขนาดวิธีใช้ติ้วขน

ใช้แก้ธาตุพิการ แก้ปวดท้อง โดยใช้เปลือกต้นมาต้มดื่มกับน้ำ แก้อาการปวดท้อง โดยใช้รากและใบใช้ต้นกับน้ำดื่มหรือใช้กิ่งและลำต้นต้มกับน้ำดื่ม ก็ได้ ใช้ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด แก้ปัสสาวะพิการ โดยใช้รากติ้วขนใช้ผสมกับหัวแห้วหมูและรากปลาไหลเผือกนำมาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง ใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิดโดยใช้เปลือกและใบมาตำผสมกับน้ำมะพร้าวทาบริเวณที่เป็น ใช้ห้ามเลือดสมานแผลและแก้คันโดยใช้ยางจากต้นมาทาหรือประคบแผลบริเวณที่เป็น


ลักษณะทั่วไปของติ้วขน

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าติ้วขนที่กล่าวในบทความนี้ เป็นคนละชนิดกับติ้วขาวหรือผักติ้ว ที่ใช้รับประทานเป็นผัก ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cartoxylum formusum (Jacq.) Benth&Hook. F. ex Dyer (Cratoxylum formusum subsp. Formusum) ซึ่งจะมีลักษณะบางประการที่แตกต่างกันสำหรับ ต้นติ้วขน (Cartixylum formusum (Jack) Dyer spp. Pruniflorum (Kurz) Gogel จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงกลางเรือนยอดโปร่งเป็นพุ่งกลม ความสูงประมาณ 5-15 เมตร แตกกิ่งก้านโปร่ง ยอดอ่อนและกิ่งอ่อนมีขนหนานุ่นขึ้นหนาแน่น ส่วนกิ่งขนาดเล็กตามลำต้นนานๆ ไปจะแปรสภาพเป็นหนามแข็งๆ เปลือกต้นด้านนอกเป็นสีน้ำตาลปนดำ แตกเป็นสะเก็ดตามยาวส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลเหลือง และมียางสีเหลืองปนแดง ตามแผลของลำต้น

           ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ลักษณะของใบรูปขอบขนานหรือรูปรีแกมรูปไข่กลับ โคนใบสอบเรียว ปลายใบแหลมมนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาว 3-13 เซนติเมตร แผ่นใบบางมีขนขึ้นปกคลุมสองด้านโดยหลังใบมีขนสากๆ ส่วนท้องใบเป็นขนนุ่มหนาแน่น ใบอ่อนมีสีส้มหรือสีชมพูเรื่อย ส่วนใบแก่ระยะก่อนผลัดใบมีสีแดง และมีก้านใบสั้นประมาณ 0.3 เซนติเมตร

           ดอก ออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่งเหนือแผลใบ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกเป็นสีชมพูอ่อน มีกลีบดอก 5 กลีบ โดยขอบกลีบดอกมีขนสีขาว ขึ้นประปรายส่วนกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ มีขนขึ้นประปรายอยู่ด้านนอก เช่นกันซึ่งดอกติ้วขนจะมีเกสรเพศผู้มาก และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ส่วนรังไข่มีลักษณะเป็นรูปรีๆ เกลี้ยงๆ

           ผล เป็นผลแห้งแข็งลักษณะเป็นรูปไข่แกมกระสวย ปลายแหลม มีขนาดกว้าง 0.4-0.6 ซม. ยาว 1.8-2 ซม. มีคราบไขสีนวล ติดตามผิวและมีกลีบเลี้ยงหุ้ม ประมาณครึ่งของผล ผลเมื่อแห้งจะแตกแยกออกเป็น 3 พู ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานเล็กๆ และมีครีบเป็นรูปโค้งๆ

ติ้วขน

ติ้วขน

การขยายพันธุ์ติ้วขน

ติ้วขนสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง โดยวิธีที่นิยมในปัจจุบันคือการเพาะเมล็ดแล้วนำต้นกล้าไปปลูก สำหรับการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่งสามารถทำได้เช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่งไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้

องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีจากสารสกัดส่วนลำต้นและรากของติ้วขนระบุว่า จากการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของติ้วขนพบว่าสามารถแยกสารใหม่ได้ 2 สาร ซึ่งเป็นสารประกอบในกลุ่มแอนทราควิโนน 1 สาร คือ pruniflorone J และสารประกอบไบแนโทรน 1 สาร คือ ianthrone J นอกจากนี้ยังพบสารที่มีการรายงานมาแล้ว อาทิเช่น สารประกอบแอนทราควิโนน 6 สาร ได้แก่ madagoscin, vismiaquinone A, 3-geranyloxy-6-methyl-1,8-dihydroxyantheaquinone, physcion, emodin, 11-hydroxy-5-methoxy-2,2,9-trimethyl-2H-antrapyran-7,12-dione สารประกอบวิสโมน 2 สาร ได้แก่ vismiaquinone E, vismiaquinone D สารประกอบไบแอนโทรน 1 สาร ได้แก่ biamthrone A สารประกอบแซนโทน 6 สาร ได้แก่ flomoxanthone B, macluraxanthone, gerontoxanthone I, Xanthone V, 6-deoxyjacareubin, 3,4-dihydrojacareubin สารประกอบ ไตรเทอร์พีน 3 สาร ได้แก่ lupeol, betulenic acid, friedelin ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งระบุว่าพบสาร pruniflorone A-J, formoxanthone A, dulxisxanthone F, α-mangostin, 30isomangostin, β-mangostin, 3,4-dihydro-5,9-dihydroxy-8-methoxy-7-3-methylbuthyl-2,2-dimethyl-2H, 6H-pyrano-3,2-b xanthen-6-one,3,4-dihydro-5,9-dihydroxy-7-3-hydroxy-3-mrthylbutyl-8-methoxy-2,2-dimethyl-2H,6H-pyrano-3,2-bxanthen-2-one, xanthone V, 10-o-methylmaaluraxanthone,physcion, empdin, 3-geranyloxy-6-methyl-1,8-dyhydroxyanthraquinone, isocudaniaxanthone B, 11-hydroxy-5-methoxy-2,2,9-trimethyl-2H-anthra-1,2-b pyran-7, 12-dione, madagascin, formoxanthone, macrulaxanthone, geronthoxanthone I, vismaiquinone A, 6-deoxyjacareubin,3,-dihydrojacareobin ส่วนสารสกัดจากรากพบสาร Formoxanthone A,B,C, macluraxanthone, dulxisxanthone F, xanthone V1, gerontoxanthone I, vismiaquinne A, madgascin และ pruniflorn A,B,C,D,E,F,E,H,I,J, mangostin, 3-isomangostin, 3,4-dihydrojacareubin เป็นต้น

โครงสร้างติ้วขน

 

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของติ้วขน

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากลำต้นของติ้วขนระบุไว้ดังนี้ จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนของลำต้นของต้นติ้วขน (Cratoxylum formusum ssp. Pruniflorum) พบสารชนิดใหม่ 6 ชนิด คือ pruniflorones M-R ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารแซนโทนที่มีสมบัติในการยับยั้ง Retinoid X receptors ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่างๆ อาทิเช่น การเจริญเติบโตของตัวอ่อน การรักษาสมดุลของแคลเซียมและไขมันในเลือด รวมทั้งการเผาผลาญกลูโคสในร่างกายได้ ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งได้มีการนำแยกสารประกอบที่ได้จากส่วนของเปลือกต้นไปทดสอบการออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียและทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง พบว่าสาร vismiaquinone E, Vismiaquinone D, gerontoxanyhone I มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย และมีความเป็นพิษต่อเซลล์ในขณะที่สาร xanthone V1, 6-deoxyjacareubin,3,4-dihydrojacareubin ออกฤทธิ์เฉพาะการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียที่ทดสอบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาสารสกัดจากลำต้นของติ้วขนด้วย 50% แอลกอฮอล์ พบว่า มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งเม็ดเลือด โดยมีค่า IC50=47.4+-9.7 มก./มล. และเซลล์มะเร็งตับ ค่า IC5064.7+-8.7 มก./มล. มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ โดยมีค่า EC50=10.25 มก./มล. มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัสโรคเริม (Herpes simplex virus type 1) โดยมีค่า IC50=52.33 มก./มล. มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียชนิด V.cholerae (ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอหิวาตกโรค) ที่ความเข้มข้น 3.125 มก./มล. และมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย S.aureus (สาเหตุของโรคแผลฝีหนอง) ที่ความเข้มข้น 6.25 มก./มล. นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อรา สาเหตุของโรคกลากเกลื้อนที่ความเข้มข้น 2-4 มก./มล.

การศึกษาทางพิษวิทยาของติ้วขน

มีผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเปลือกต้นของติ้วขนระบุว่า สารสกัดติ้วขนมีพิษต่อเซลล์ม้ามที่ค่า IC50=93.31 มก./มล. ไม่มีผลในการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์ภูมิคุ้มกันโดยตรง แต่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดทีเซลล์และบีเซลล์

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ใบอ่อนติ้วขนไม่สามารถรับประทานได้แต่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับติ้วขาวที่ใช้ใบอ่อนรับประทานเป็นผักได้ ดังนั้นจึงควรสังเกตุให้ดีก่อนนำไปรับประทาน สำหรับการใช้เป็นสมุนไพรก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้กำหนดไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่มากจนเกินไปหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไปเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังรวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำก่อนใช้ติ้วขนเป็นสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

เอกสารอ้างอิง ติ้วขน
  1. ก่องกานดา ชยามฤต, สมุนไพรไทยตอนที่ 6 กรุงเทพมหานคร 2540.
  2. สุรพงษ์ เก็งทอง. สมุนไพรพื้นบ้านในหมู่เกาะแสมสาร. รายงานการวิจัยโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. ภาควิชาและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 20-21
  3. พญ. เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. ติ้วขน. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. หน้าที่ 117.
  4. อรุณ จันทร์คำ. กาญจนา วงศ์กระจ่าง. สารสกัดสมุนไพรไทยต่อการต้านมะเร็งและต้านอนุมูลอิสระ. วารสารสิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาราชภัฎนครสวรรค์ปีที่9. ฉบับที่9 มกราคม-ธันวาคม 2560. หน้า 112-122.
  5. อัจฉราวดี แผนสนิทและคณะ. ไตรเทอร์ปีนและแซนโทน จากกิ่งอ่อนของต้นติ้วขาว. วารสารวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีปีที่13. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2559. หน้า 74-81.
  6. Boonnak N., Kalalai C., Chantrapromma S., Ponglimanont C., Fun H.K., Kanjana-Opas A. and Laphppkhieo S. Bioactive prenylated xanthones and anthraquinones from Cratoxylum formosum ssp. Pruniflorum. Tetrahedron,62,37,2006:8850-8859.
  7. Duan Y.H., Dia Y., Wanh G,H., Zhang H., Chen H.F., Chen J.B., et al. Bioactive xanthones from the stems of Cratoxylum formosum ssp. Pruniflorum. Journal of natural products. 73: 1283-7.
  8. Boonsri S., Karalai C., Ponglimanont C., Kanjana-opas A and Chantrapromma K. Antibacterial and cytotoxic xanthones from the roots of Cratoxylum formosum. Phytochemistry, 67,7,2006: 723-727.
  9. Boonnak N. 2011. Thesis: chemical Constituents from the Cratoxylum cochinchinense and Cratoxylum formosum ssp. Prunifolum. Prince of Songkla University.