เทียนหยด ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
เทียนหยด งานวิจัยและสรรพคุณ 28ข้อ
ชื่อสมุนไพร เทียนหยด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น พวงม่วง , ช่อม่วง , ฟองสมุทร , เทียนไข (ภาคกลาง) , สาวบ่อลด , เครือออน (ภาคเหนือ) , เอี่ยฉิ่ง (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Duranta repens Linn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Duranta erecta Linn.
ชื่อสามัญ Golden dewdrop, Pigeon berry, Sky flower, Crepping Sky
วงศ์ VERBENACEAE
ถิ่นกำเนิดเทียนหยด
เทียนหยดเป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกาตั้งมลรัฐแต่ฟลอริดาลงไปถึงบราซิลรวมถึงในหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วย สำหรับในประเทศไทยไม่ปรากฏบันทึกว่ามีผู้ใดนำเพียงเข้ามาปลูกเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าคงเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้เอง และในปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยมากจะใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามสวนสาธารณะหรือตามบ้านเรือนทั่วไป
ประโยชน์และสรรพคุณเทียนหยด
- ใช้ตำพอกเป็นยาห้ามเลือด
- ใช้เป็นยาแก้ฝี ฝักบัว
- แก้หนอง
- แก้อักเสบ
- แก้บวม
- รักษาปลายเท้าเป็นห้อเลือด
- แก้บวม
- แก้อักเสบ
- เป็นหนอง
- ใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย
- รักษาอาการปวดหน้าอกจากการถูกกระแทก
มีการนำเทียนหยดมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป เพราะดอกมีสีสันสวยงาน ผลแก่ก็ที่มีสีเหลืองสดเป็นมันดูสดใสสวยงามส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ และสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้มีการนำเอาผลแก่ของเทียนหยดที่มีสารแอลตาลอยด์ จำพวก NARCOTINE ไปหมักกับน้ำในอัตรา 1 ต่อ 100 ส่วนจะได้สารละลายซึ่งใช้ฆ่าลูกน้ำยุงในบ่อหรือที่น้ำขังได้
รูปแบบและขนาดวิธีใช้เทียนหยด
แก้ไข้มาลาเรียและใช้เร่งการคลอด ใช้เมล็ดแห้งประมาณ 10-20 เมล็ด บดให้เป็นผงรับประทานก่อนที่จะมีอาการไข้ขึ้นประมาณ 2 ชั่วโมง
รักษาปลายเท้าเป็นห้อเลือด แก้ฝีฝักบัว แก้หนอง แก้อักเสบ แก้บวม ใช้ใบสด พอประมาณตำผสมกับน้ำตาลทรายแดง 15 กรัม แล้วปั้นเป็นก้อน ลนด้วยไฟอุ่นๆ ใช้พอกบริเวณที่เป็น
รักษาอาการปวดหน้าอก จากการหกล้มหรือถูกกระแทก โดยใช้เมล็ดประมาณ 15 กรัม นำมาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้ากิน วันละ 1-2 เป๊ก
ใช้เป็นยาห้ามเลือด โดยใช้ใบสดพอประมาณตำให้ละเอียดพอกบริเวณที่เป็นแผล
ลักษณะทั่วไปเทียนหยด
เทียนหยดจัดเป็นไม้พุ่มขนาดย่อม มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ ดอก สีม่วง และสายพันธุ์ดอกสีขาว ชนาดของต้น สูง 1-3 เมตร ลำต้นมักจะแตกกิ่งก้านสาขามากตามกิ่งมีหนามเล็กน้อย ใบดอกเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับตรงข้าม ใบเป็นรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบเรียวยาวไปจนถึงก้านใบ ใบกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตรและยาว 5-6 เซนติเมตร ขอบใบเป็นจักเป็นฟันเลื่อยเล็กน้อยก้านใบสั้น ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ โดยจะห้อยลงยาวประมาณ 4-10 ซม. ในแต่ละช่อจะประกอบด้วยดอกขนาดเล็กจำนวนมาก โดยมีดอกย่อยจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. กลีบดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน หรือสีขาวโดยดอกจะค่อยๆ ทยอยบานครั้งละ 4-5ดอก ผล ติดผลเป็นพวงดกห้อยลงมาเป็นช่อเช่นเดียวกับดอกและจะมีผลขนาดเล็กจำนวนมาก ลักษณะกลมป้อม ผลอ่อนเปลือกผลสีเขียวเมื่อแก่ผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเป็นมันสดใส คล้ายกับขี้เทียนหยด
การขยายพันธุ์เทียนหยด
เทียนหยดสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและปลูกนั้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ด และปลูกพืชประเภทไม้พุ่มและไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ ในบทความก่อนหนักนี้ ทั้งนี้เทียนหยดยังเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ที่ต้องแสงแดดแบบเต็มวัน แต่ก็ต้องการความชื้นและอินทรียวัตถุในดินสูง โดยทั่วไปควรรดน้ำ 2 - 3 วัน/ครั้ง และยังเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยหรือดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี
นอกจากนี้ควรตัดแต่งทรงพุ่มภายหลังการออกดอกเพราะจะทำให้การออกดอกในงวดต่อไปรวดเร็วและก็ยังส่งผลให้ได้ทรงพุ่มตามที่เราต้องการอีกด้วย
องค์ประกอบทางเคมีเทียนหยด
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผลเทียนหยดมีสารจำพวกอัลคาลอยด์ ได้แก่ pyridine derivative , sterols ,fructose,glucose ใบเทียนหยดมีสารscutellarein ,pectolinarigenin, และยังมี durantoside I tethraacetate, durantoside I pentaacetate, durantoside IV tethraacetate, durantoside II tethraacetate, นอกจากนี้ยังมี chlorophyll, β-carotene, xanthophyll, แครอทีน ฯลฯ
นอกจากนี้ยังพบสารที่เป็นพิษในผลของต้นเทียนหยด ได้แก่ สารกลุ่มซาโปนินที่เป็นพิษ เช่น duratoside IV, duratoside V และในใบยังพบกรดไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid, HCN) หรือไซยาไนด์ อีกด้วย
รูปภาพองค์ประกอบทางเคมีของเทียนหยด
ที่มา : Wikipedia
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
จากการศึกษาวิจัยทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศพบว่า เทียนหยดได้ถูกจัดเป็นพืชที่มีพิษที่ต้องระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก เพราะในผลของเทียนหยดมีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ และอาจทำให้เกิดพิษที่รุนแรงจนเสียชีวิตได้
การศึกษาทางพิษวิทยา
จากการศึกษาวิจัยพบว่าในส่วนที่เป็นพิษของเทียนหยด คือ ใบและผลโดยในใบเทียนหยดพบกรดไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid) หรือไซยาไนด์ ผลเทียนหยดพบสารในกลุ่มซาโปนินที่เป็นพิษ เช่น duratoside IV, duratoside V หากรับประทานเข้าไปแล้วเคี้ยว อาจทำให้เสียชีวิตได้ (แต่หากไม่เคี้ยว ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด) ซึ่งหากรับประทานใบในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน ทำให้มีอาการตัวเขียว เสียชีวิต ถ้าได้รับประทานในปริมาณน้อยก็อาจมีอาการอาเจียน และท้องเสีย
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้เทียนหยดเป็นสมุนไพรนั้นควรมีการระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพืชที่มีพิษโดยเฉพาะส่วนที่จะนำมาเป็นสมุนไพร โดยก่อนที่จะใช้สมุนไพรชนิดนี้ควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอและไม่ควรนำมาใช้เอง เพราะอาจได้รับพิษและก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายได้ นอกจากนี้ตามตำรายาไทย ยังได้ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ในสตรีมีครรภ์อย่างเด็ดขาดอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
- เดชา ศิริภัทร.เทียนหยด.ไม้ประดับที่ผลงดงามกว่าดอก.คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 332. ธันวาคม.2549
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. “ฟองสมุทร”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 579-580.
- ราชันย์ ภู่มา และ สมราน สุดดี. (บรรณาธิการ). (2557). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืชกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. https://medthai.com/เทียนหยด , ฝอยทอง/
- รศ.ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์.ไม้ประดับมีพิษ...คิดสักนิดก่อนจะปลูก.ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- นพมาศ สุนทรเจริญนนท์. พืชพิษ (Poisonous Plants). ใน รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล และคณะ (บรรณาธิการ). สมุนไพร: ยาไทยที่ควรรู้. กรุงเทพมหานคร: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ๊งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2542.
- วีณา จิรัจฉริยากูล (บรรณาธิการ). จุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 2541;15(2):16-7.
- Kuo YH, Chen ZS, Len YL. Chemical components of the leaves Duranta repens Linn. Chem Pharm Bull 1996;44(2):429-36.
- Uamporn Veesommai and Thaya Janjittikul. Plant Materials in Thailand in 2001. 640 p.
- Council of Scientific & Industrial Research. The Wealth of India: A Dictionary of Indian Raw Materials and Industrial Products. Vol III: D-E. Calcutta: United Press, 1952.