เฉียงพร้านางแอ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
เฉียงพร้านางแอ งานวิจัยและสรรพคุณ 10ข้อ
ชื่อสมุนไพร เฉียงพร้านางแอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น แคแห้ง , สันพร้านางแอ , ต่อไส้ (ภาคกลาง) , สีฟันนางแอ (ภาคเหนือ) , สีฟัน (ภาคใต้) , ร่มคมขวาน (กรุงเทพฯ,ปริมณฑล) ,ส้มป้อง , นกข่อ (เชียงใหม่) ,บงคต (แพร่) , วงคต ,แก๊ก (ลำปาง) , เขียงพร้านางแอ (ชุมพร) , ม่วงม้ง , หมักม้ง (ปราจีนบุรี) , ขิงพร้า (ตราด)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carallia brachiata (Lour.) Merr.
วงศ์ Rhizophoraceae
ถิ่นกำเนิดเฉียงพร้านางแอ
เชื่อกันว่าเฉียงพร้านางแอมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปแอฟริกาบริเวณเกาะมาดากัสการ์แล้วจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนใกล้เคียง เช่นภูมิภาค เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบันสามารถพบได้ในเขตร้อนของโลกในหลายๆทวีป ส่วนในทวีปเอเชีย สามารถพบได้ในอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1800 เมตร บริเวณ ป่าเบญจพรรณป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และตามป่าพรุน้ำจืด
ประโยชน์และสรรพคุณเฉียงพร้านางแอ
- ใช้แก้โลหิตปิดธาตุ
- แก้ไข้
- ช่วยขับเสมหะ
- แก้ร้อนในกระหายน้ำ
- แก้บิด
- ช่วยสมานแผล
- แก้พิษผิดสำแดง
- ช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยเจริญอาหาร
- ช่วยขับลม ระบายความร้อน
ลักษณะทั่วไปเฉียงพร้านางแอ
เฉียงพร้านางแอ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูง 25-30 เมตร เรือนยอดทึบทรงพุ่มมีขนาด 6-8 เมตร รูปกรวยกว้าง ลำต้นตั้งตรง ผิวเรียบ เปลือกสีน้ำตาลอมแดงถึงน้ำตาลอมเทา มีรูอาการมาก หรือในบางต้นอาจพบเปลือกหนาแตกเป็นร่องลึกตามยาว และอาจพบลักษณะคล้ายรากค้ำจุนแบบ prop root เป็นเส้นยาว หรึอออกเป็นกระจุกตามลำต้นและโคนต้น ใบ ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม.และยาว 5-14 ซม. โคนใบสอบเรียว ปลายใบมนมีติ่งเล็ก ขอบใบเรียบ เป็นคลื่น แผ่นใบเกลี้ยง หนาและเหนียว หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนด้านล่างสีเขียวอมเหลือง มีจุดสีเข้มกระจาย มีก้านใบยาว 0.4-1 ซม. ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกแยกแขนง โดยจะออกบริเวณตามซอกใบปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมากขนาดเล็ก มักเรียงตัวแน่นเป็นช่อลมประมาณ 3-6 ดอก แต่ไม่มีก้านดอกย่อย กลีบดอกมี 5 กลีบ ซึ่งแต่ละกลีบมีขนาดเล็ก รูปร่างเป็นแผ่นกลม สีเขียวอมเหลืองมีเกสรเพศผู้ 10-16 อัน ส่วนกลีบเลี้ยง มี 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นรูประฆังปลายแยก 5-8 แฉก ผล เป็นผลสดแบบมีเนื้อ ลักษณะกลมแป้น มีขนาดเล็กโดยจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-1 ซม.และออกเป็น กระจุก มีกลีบเลี้ยงด้านบน คล้ายมงกุฎ ผิวผลเป็นมันสีเขียว เมื่อสุกมีสีแดงอมส้ม เมล็ดมี 1 เมล็ด เป็นรูปไต สีน้ำตาลเข้มหรือดำ
การขยายพันธุ์เฉียงพร้านางแอ
เฉียงพร้านางแอ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด โดยส่วนมากแล้วในปัจจุบันการขยายพันธุ์ของเฉียงพร้านางแอ จะเป็นการขยายพันธุทางธรรมชาติมากกว่าการถูกนำมาปลูกเพื่อใช้ประโยชน์หรือเพื่อการค้าขายเชิงพาณิชย์ เมื่อต้องการจะใช้ประโยชน์จากเฉียงพร้านางแอก็จะเป็นการไปเก็บมาใช้จากธรรมชาติเสียมากกว่า แต่หากต้องการจะปลูกเฉียงพร้านางแอก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับวิธีการขยายพันธุ์ (การเพาะเมล็ด) ไม้ยืนต้นทั่วไป ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนต่างๆของเฉียงพร้านางแอพบว่ามีสารสำคัญหลายชนิดในส่วนต่างๆ เช่น ในเปลือกรากพบสารกลุ่ม Ditepene เช่น Sterviol , ent-kaur-lb-en13-hydroxy-19-21 ในใบพบสารกลุ่ม Tritepenoid เช่น αและ β amyrin, taraxerol , lupcol , betulin, ursolic acid , gymnorhizol สารกลุ่ม β – sitosterol , stigmasterol , campesterol ในเปลือกต้นพบสารกลุ่ม Alkaloid เช่น cassipoureamide A และ B นอกจากนี้ยังพบสารอื่นๆอีกเช่น triacontanol , α-catechin , brugierol และ leucocyanidin เป็นต้น
ที่มา : Wikipedia
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ช่วยบำรุงร่างกาย เจริญอาหาร แก้ไข้ โดยใช้เนื้อไม้มาต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไอขับเสหะ แก้บิด โดยใช้เปลือกต้นมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้ผิดสำแดงโดยใช้เนื้อไม้หรือเปลือกต้นมาผสมกับเปลือกตับเต่าต้น กับไม้แคด ต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้ไข้ตัวร้อน ระบายความร้อนในร่างกายเนื่องจากพิษไข้โดยใช้เปลือกต้นมาต้มกับน้ำอาบ
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของเปลือกต้นเฉียงพร้านางแอ โดยได้ทำการแยกสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH จากสารสกัดขั้นไดคลอโรมีเธน และชั้นเอธิลอะซีเตดจากเปลือกต้นเฉียงพร้านางแอ พบสารกลุ่ม proanthocyanidin ได้แก่ carallidin และ mahuarmin นอกจากนั้นยังพบสารฟีนอลิกชนิด p-hydroxybenzoic acid อีกด้วย จากการศึกษาวิจัยพบว่า สาร caralldin แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ DPPH ที่ IC50 102 μM และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ superoxide radical ท 1.47 ที่ μM ส่วนสาร mahuarmin แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ IC50 182 μM และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ superoxide ที่ IC50 9.74 μM นอกจากนี้นั้น carallidin และ mahuarmin ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ xanthine oxidase ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกรดยูริกที่ IC50 12.9 และ 16.0 μM ตามลำดับ
มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์รักษาแผลของเปลือกต้นเฉียงพร้านางแอ โดยได้ทำการสกัดสารจากเปลือกต้นเฉียงพร้านางแอ ด้วยปิโตรเลียมอีเธอร์เอธิลอะซีเดต และเมธานอล เพื่อทดสอบฤทธิ์รักษาแผล พบว่าสารสกัดชั้นเอธลอะซีเดต และเมธานอล มีฤทธิ์รักษาแผลในหนูทดลองอย่างมีนัยสำคัญ และจากการตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีเบื้องต้นพบว่าสารสกัดประกอบด้วยสารหลายกลุ่ม เช่น สารกลุ่มเทอร์ปินอยด์ สเตอรอล ฟีนอล และแทนนิน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆของเฉียงพร้านางแอระบุว่า สารสกัดแอลกอฮอล์จากส่วนเหนือดิน มีฤทธิ์แก้แพ้ และลดการบีบตัวของลำไส้เล็กน้อยสัตว์ทดลอง
การศึกษาทางพิษวิทยา
มีการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาในส่วนของเปลือกต้นของเฉียงพร้านางแอ โดยทำการกรอกสารสกัดทางปาก และฉีดเข้าใต้ผิวหนังแก้หนูถีบจักรในปริมาณ 10 กรัม /น้ำหนักตัว (1 กิโลกรัม) ปรากฏว่าไม่พบความเป็นพิษเฉียบพลันแต่อย่างใด
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้เฉียงพร้านางแอเป็นสมุนไพรสำหรับบำบัดรักษาโรคต่างๆ ตามตำรับตำรายาต่างๆ ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยการใช้ในขนาดที่พอเหมาะที่ระบุไว้ในตำรับตำรายานั้นๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มาก หรือใช้ต่อเนื่องกันนานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ สำหรับ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำก่อนจะใช้เฉียงพร้านางแอเป็นสมุนไพรสำหรับบำบัดรักษาโรคต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
เอกสารอ้างอิง
- ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลหนังสือสารานุกรมสมุนไพร เล่ม 4: กกยาอีสาน.
- รศ.ดร.ระวิวรรณ แก้วอมตวงศ์.สมุนไพรในป่าอีสาน เฉียงพร้านางแอ.บทความสมุนไพร.คณะเภสัชศาสคร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- มงคล โมกขะสมิต,กมล สวัสดีมงคล,ประยุทธ สาตราวาหะ, การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย.วารสารกรมวิทยาศาสตร์แพทย์ปีที่13ฉบับที่1.หน้า33
- เฉียงพร้านางแอ.มะม่วงหาว มะนาวโห่ .ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=218
- Phuwapraisirisan P, Sowanthip P, Miles DH, et al. Reactive radical scavenging and xanthine oxidaseinhibition of proanthocyanidins from Carallia brachiata. Phytother Res. 2006;20:458-61.
- Krishnaveni B, Neeharika V, Venkatesh S, Padmavathy R, Reddy BM. Wound healing activity of Carallia brachiata bark. Indian J Pharm sci. 2009;71:576-78.
- Subrahmonyam,C.,Rao,V.B,Ward,R.S.,Hursthouse,M.B.and Aibbs,D.E.Diterpenes from the Marine Mangrove Bruguiera gymnonhiza, phytochemistry,1999,51,83
- Mirsa,S.,Choudhury,A.,Dutta,A.K.and Ghosh,A.,Steroids and Fatty Acids from Threes Species of Mangrove, Phytochemistry,1954,23(12),2823
- Kato,A.and Numato ,M.,Brugierol and Isobrugierol,Trans-and Cis-1,2-dithiolane-1-oxide,from Bruguie conjugate,Tet.Lett.,1978,3,203
- Sesshadri,T.R.and VenKataramani,B.<Leucocyanidin from Mangroves,J.Sci.and Research (India),1959,180,261
- Ghosh,A.,Misra,S.,Dutta,A.K.and Choudhury,A.,Pentacyclic Triterpenoide and Sterols from Seven species of Mangrove,Phytochemistry,1985,24(8),1725