กุยช่าย ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
กุยช่าย งานวิจัยและสรรพคุณ 24 ข้อ
ชื่อสมุนไพร กุยช่าย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ผักไม้กวาด (ภาคกลาง), หอมแป้น (ภาคเหนือ), ผักแป้น (ภาคอีสาน), กูไฉ่ (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium tuberosum Rottler ex Spreng.
ชื่อสามัญ Chinese chives, Garlic chives, Leek, Chinese leek, Oriental garlic.
วงศ์ ALLIOIDEAE
ถิ่นกำเนิดกุยช่าย
กุยช่ายเป็นพันธุ์พืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศจีน โดยเชื่อกันว่ากุยช่ายเป็นอาหารที่ชาวจีนรู้จักมากว่า 3 พันปีมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีบันทึกถึงการเพาะปลูกกุยช่าย เพื่อเป็นอาหารในสมัยเซี้ย (2205-1766 ก่อนคริสต์ศักราช) อีกด้วย แล้วต่อมามีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน และแถบภูเขาหิมาลัย รวมถึงในอินเดียด้วย แต่ในปัจจุบันยังสามารถพบเห็นได้ตามเขตร้อนต่างๆ ในเอเชียเช่นกัน ซึ่งกุยช่าย ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทุกวันนี้ ประกอบด้วย 3 ชนิด คือ กุยช่ายเขียว กุยช่ายขาว และกุยช่ายดอก
ประโยชน์และสรรพคุณกุยช่าย
- ช่วยขับน้ำนม
- ช่วยบำรุงกำหนัด
- ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ
- แก้อาการแน่นหน้าอก
- แก้อาเจียนเป็นเลือด
- แก้เลือดกำเดาออก
- ช่วยบำรุงเลือด
- ช่วยบำรุงกระดูก
- ช่วยบำรุงไต
- ช่วยขับน้ำตม
- แก้หวัด
- แก้ไอ
- ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด
- แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
- ช่วยขับลมในกระเพาะ
- แก้ริดสีดวงทวาร
- แก้นิ่ว
- แก้หนองใน
- แก้ปวดบวม และเคล็ดขัดยอก
- แก้ช้ำใน
- แก้ห้อเลือดบริเวณท้อง
- แก้แมลงสัตว์กัดต่อย
- ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่างๆ
- ช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใช้บำรุงเลือด บำรุงกระดูก บำรุงไต บำรุงกำหนัด เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ช่วยขับน้ำตม แก้หวัด แก้ไอ โดยนำต้น และใบของกุยช่าย มาประกอบอาหารรับประทาน หรือ ใช้ต้นแห้งต้มกับน้ำดื่มก็ได้ ใช้แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมในกระเพาะ โดยใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำดื่ม แก้โรคนิ่ว รักษาโรคหนองใน โดยใช้ใบ และต้นสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา และใส่สารส้มเล็กน้อย แล้วกรองเอาแต่น้ำมารับประทาน ใช้รักษาริดสีดวงทวาร โดยใช้ใบสดล้างสะอาดต้มกับน้ำร้อน แล้วนั่งเหนือภาชนะเพื่อให้ไอรมจนน้ำอุ่น หรือ จะใช้น้ำที่ต้มล้างที่แผลวันละ 2 ครั้ง ก็ได้
ส่วนในทางการแพทย์แผนจีน ระบุถึงการใช้กุยช่ายว่า แก้อาเจียนโดยใช้น้ำสดครึ่งแก้ว เติมน้ำคั้นจากกุยช่าย 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำขิง สักเล็กน้อยอุ่นให้ร้อนแล้วกิน ใช้แก้ห้อเลือดบริเวณท้อง โดยกินน้ำคั้นจากกุยช่ายจำนวนพอควร แก้ปวดบวม และเคล็ดขัดยอก ใช้กุยช่ายสด 3 ส่วน แป้ง 1 ส่วน ตำให้แหลก และคลุกเคล้ากัน พอกบริเวณที่เป็น วันละ 2 ครั้ง หรือ ใช้กุยช่ายสดล้างให้สะอาด ตำให้แหลก เติมเกลือเข้าไปเล็กน้อย แล้วนำไปพอกบริเวณที่เป็น ถ้าเป็นน้อยๆ พอกครั้งเดียวก็หาย ถ้าหนักต้องพอกหลายครั้ง ใช้ไล่แมลงที่เข้ารูหู โดยคั้นเอาน้ำจากกุยช่ายหยอดหู แมลงจะวิ่งออกมา (ต้องตะแคงหูขึ้น)
ลักษณะทั่วไปของกุยช่าย
กุยช่าย จัดเป็นไม้ล้มลุก สูง 30-45 เซนติเมตร มีลำต้นที่เป็นหัว หรือ เหง้าเล็กอยู่ใต้ดิน และแตกเป็นกอ ใบเป็นใบเดี่ยวแบน แบบเรียงสลับ รูปขอบขนาน ยาว 30-40 ซม. โดยใบจะเป็นสีเขียวส่วนโคนเป็นกาบบางซ้อนสลับกัน ดอกออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม โดยจะอยู่บนก้านดอกส่วนก้านช่อดอกกลมตันสีเขียว ยาว 40-45 ซม. สำหรับดอกมีสีขาว กลิ่นหอม กลีบดอกมี 6 กลีบ ยาวประมาณ 5 มม. โคนติดกัน ปลายแยก กลางกลีบดอกด้านนอกมีสัน หรือ เส้นสีเขียวอ่อนจากโคนกลีบไปหาปลาย มีใบประดับหุ้มช่อดอก เมื่อดอกบานจะกว้างประมาณ 1 ซม. มีเกสรเพศผู้ 6 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน และมีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล เป็นทรงกลม ภายในมีช่อง 3 ช่อง และมีผนังตื้นๆ เมื่อผลแก่แตกออกตามตะเข็บ ลักษณะแบน ขรุขระ สีน้ำตาลบรรจุอยู่ในช่องของผลทั้ง 3 ช่อง มีช่อละ 1-2 เมล็ด
การขยายพันธุ์กุยช่าย
กุยช่าย สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด และการแยกเหง้าปลูก แต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือการใช้เมล็ดเพาะ โดยมีวิธีการดังนี้
พื้นที่ที่มีระบบน้ำขังตลอด ทำการยกร่องสูงประมาณ 1 เมตร กว้าง 3-5 เมตร ความกว้างของร่องประมาณ 1.5-2 เมตร ไถพรวนแล้วตากแดดประมาณ 5-10 วัน ทำการหว่านปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมักพร้อมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตราส่วนปุ๋ยหมักต่อปุ๋ยเคมี 15:1 ใส่ในอัตรา 1000 กก./ไร่ พร้อมไถแปรอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน ส่วนพื้นที่ดอน หรือ ไม่มีน้ำท่วมขัง ให้ทำการยกร่องสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 1.5-2 เมตร ความกว้างของร่องประมาณ 50-70 เซนติเมตร แล้วไถพรวนแปลง และหว่านปุ๋ยตามวิธีที่กล่าวมาแล้ว จากนั้น หลังจากเตรียมแปลงเสร็จประมาณ 1 อาทิตย์ ให้หว่านด้วยเมล็ดพันธุ์ในอัตรา 1 กก./ไร่ คราดด้วยคราด 1 รอบ พร้อมคลุมแปลงด้วยฟางข้าว หรือ แกลบ รดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นดูแล ให้น้ำ ให้ปุ๋ย จนอายุประมาณ 7-8 เดือน ก็สามารถเก็บขายได้ จากนั้นเก็บครั้งต่อไปอีกประมาณ 45 วัน
องค์ประกอบทางเคมี
มีผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของกุยช่าย พบว่ามีสารสำคัญ เช่น Allicin, flavonoid, Tuberoside B, Allyl methyl trisulfide, Methyt 1-Propenyl disulfide, Glycoside และ β-carotene เป็นต้น นอกจากนี้ต้นและดอกของกุยช่ายยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของดอกกุยช่าย (100 กรัม)
- พลังงาน 38 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 6.3 กรัม
- เส้นใย 3.4 กรัม
- ไขมัน 0.2 กรัม
- เบต้าแคโรทีน 152.92 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 13 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 31 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.6 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม
คุณค่าทางโภชนาการของต้นกุยช่าย (100 กรัม)
- พลังงาน 28 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม
- เส้นใย 3.9 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- วิตามิน A 275.5 หน่วยสากล
- วิตามิน B1 0.06 มิลลิกรัม
- วิตามิน B2 0.12 มิลลิกรัม
- วิตามิน B3 0.57 มิลลิกรัม
- วิตามิน B6 0.15 มิลลิกรัม
- วิตามิน C 18.05 มิลลิกรัม
- วิตามิน E 2.38 มิลลิกรัม
- วิตามิน K 171 หน่อยสากล
- เบตาแคโรทีน 136.79 ไมโครกรีม
- แคลเซียม 98 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 484.5 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.20 มิลลิกรัม
ที่มา : Wikipedia
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกุยช่าย
มีการศึกษาวิจัยในต่างประเทศหลายฉบับถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของส่วนต่างๆ ของกุยช่าย เช่น ฤทธิ์เพิ่มความต้องการทางเพศ มีการศึกษาวิจัยทดลองให้หนูตัวผู้กินสารสกัดจากเมล็ดกุยช่าย ซึ่งผลการศึกษาพบว่าสารสกัดดังกล่าวช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศได้ทั้งหนูที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และหนูที่มีสมรรถภาพทางเพศเป็นปกติ เช่นเดียวกับการทดลองอีกฉบับหนึ่ง ที่พบว่าหนูตัวผู้และตัวเมียที่กินสารสกัดจากกุยช่ายมีความตื่นตัวทางเพศมากขึ้น ฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบของหลอดเลือด มีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองโดยใช้สารสกัดกุยช่ายหยดลงบนเซลล์หลอดเลือดที่ทำงานผิดปกติ พบว่าสารสกัดกุยช่าย มีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่เกิดจากโรคหลอดเลือด และช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งในระยะเริ่มต้นได้
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยที่ระบุถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของกุยช่ายอื่นๆ อีกเช่น ต้นแลใบมีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อ (Antiseptic) มีฤทธิ์ลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ และมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด เป็นต้น
การศึกษาทางพิษวิทยาของกุยช่าย
มีการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาที่น่าสนใจของกุยช่าย โดยการนำน้ำที่ได้จากการคั้นต้นกุยช่ายซึ่งเจริญเติบโตเต็มที่ ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดดำของหนูถีบจักร ในปริมาณ 0.1-0.5 มก./10 กรัม มีฤทธิ์ทำให้หนูสลบ จากนั้นมีอาการเกร็ง คลุ้มคลั่ง และจะทำให้หลับในเวลาต่อมาร่วมกับการเกิดภาวะ Cyanosis ทำให้ผิวหนังเป็นสีเขียว (น้ำเงิน) เนื่องจากขาดเลือด ขาดออกซิเจน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงก็ตาย และเมื่อฉีดเข้าไปในกระต่ายจะทำให้ความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- กุยช่ายมีสรรพคุณให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ตามตำรายาจีนหากรับประทานมากเกินไป หรือ บ่อยเกินไปจะทำให้ตัวร้อน และร้อนในได้
- ไม่ควรดื่มสุราร่วมกับกุยช่าย รวมถึงไม่ควรรับประทานกุยช่ายหลังจากดื่มเหล้า เพราะกุยช่าย และเหล้ามีฤทธิ์ร้อนเหมือนกัน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารไม่ดี ไม่ควรรับประทานกุยช่ายมาก โดยเฉพาะกุยช่ายแก่เพราะมีเส้นใยมาก และเหนียว ซึ่งจะทำให้ย่อยยาก และระบบลำไส้ทำงานหนักมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง กุยช่าย
- ราชันย์ ภู่มา และ สมราน สุดดี. (บรรณาธิการ). (2557). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ ส้านักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้ และพันธุ์พืชกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. https://medthai.com/กุยช่าย/
- วิทิต วัฒนาวิบูล. กุยช่าย-แก้ช้ำใน. คอลัมน์ อาหารสมุนไพร. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 85. พฤษภาคม 2529
- กุยช่าย. กลุ่มยาขับน้ำนม. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด. โครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_13.htm
- การปลูกกุยช่าย . พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.puechkaset.com
- กุยช่าย คุณค่าอาหารและสรรพคุณบำรุงร่างกาย. พบแพทย์ดอทคอม. ออนไลน์เข้าถึงได้จาก http://www.pobpad.com