มะดัน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย
มะดัน งานวิจัยและสรรพคุณ 16 ข้อ
ชื่อสมุนไพร มะดัน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ส้มไม่รู้ถอย (ทั่วไป)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Garcinia schomburgkiana Pierre
วงศ์ CLUSIACEAE – GUTTIFERAE
ถิ่นกำเนิดมะดัน
เชื่อกันว่ามะดันมีแหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตที่ราบลุ่มของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่น เวียดนาม ลาว ไทย พม่า กัมพูชา และมาเลเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่จะพบมากในภาคกลาง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นสูง หรือ ที่มีน้ำท่วมขัง อาทิเช่น ริมฝั่งแม่น้ำ และพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทั่วไป
ประโยชน์และสพรรคุณมะดัน
- แก้กษัย
- ช่วยแก้ระดูเสียในสตรี
- ช่วยขับฟอกเลือด
- เป็นระบายอ่อนๆ
- แก้ไอ
- แก้เสมหะในลำคอ
- แก้เบาหวาน
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้น้ำลายเหนียว เป็นเมือกในลำคอ
- ช่วยแก้อาการคอแห้ง
- ช่วยทำให้ชุ่มชื่นคอ
- ช่วยขับเสมหะ
- แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ช่วยฟอกประจำเดือน
- ช่วยเจริญอาหาร
- แก้ประจำเดือนพิการ
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ช่วยแก้กษัย ฟอกโลหิต ฟอกประจำเดือน เป็นยาระบายอ่อนๆ โดยใช้ใบหรือผลประมาณ 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมยาแล้วต้มให้เดือดประมาณ 10 นาที หรือ ต้มแบบไม่ใช้ไฟแรง ให้น้ำค่อยเดือดๆ และ เคี่ยวจนเหลือ 1 ส่วน แล้วจึงนำมารับประทานครึ่งแก้วถึงหนึ่งแก้ว (125-250 cc) ช่วยแก้ระดูเสียในสตรี แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติโดยใช้ใบ และรากมะดันมาต้มน้ำดื่ม โดยนำแก้อาการน้ำลายเหนียว และเป็นเมือกในลำคอ โดยนำผลมะดันนำมาดองน้ำเกลือรับประทาน ช่วยแก้อาการคอแห้ง ช่วยทำให้ชุ่มชื่นคอ ขับปัสสาวะ แก้กษัย โดยใช้ผลสดมารับประทาน
ลักษณะทั่วไปของมะดัน
มะดันจัดเป็นไม้ยืนตันขนาดกลางไม่ผลัดใบ ลำต้นสูงประมาณ 10 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่มหนา เปลือกต้นเรียงสีน้ำตาลอมดำ เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว กิ่งจะแตกตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น กิ่งมีลักษณะค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยม ผิวกิ่งค่อนข้างดำ และสามารถโค้งงอได้ง่าย ใบออกเป็นใบเดี่ยวดอกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ มี สีเขียวเข้ม ใบค่อนข้างหนารูปขอบขนาน กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 6-12 เซนติเมตร ขอบใบเรียบออกเรียงสลับกัน โคนใบ และปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบลื่น ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว หรือ เป็นกระจุก 3-6 ดอก ซึ่งจะตามซอกใบ สีเหลืองอมส้มเกสรสีเหลือง มีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกเพศผู้ กลีบดอกมี 4 กลีบ รูปรีแกมรูปไข่ ปลายกลีบดอกมน ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 10-12 อัน กลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ ค่อนข้างกลม ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาวสีเขียว ปลายแหลม ยาวราว 6 เซนติเมตร ผิวบางเรียบ เป็นมันและฉ่ำน้ำภายในมีเมล็ด 3-6 เมล็ด เมล็ด มีลักษณะกลมรี และส่วนปลายค่อนข้างแหลม ขรุขระและแข็ง เมื่อผลยังอ่อน เมล็ดจะมีสีขาว เมื่อผลแก่ เมล็ดจะมีสีน้ำตาล
การขยายพันธุ์มะดัน
มะดันสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง แต่การขยายพันธุ์ที่นิยมกันในปัจจุบัน คือ การเพาะเมล็ด สำหรับการเพาะเมล็ด และการปลูกมะดันนั้น สามารทำได้เช่นเดียวกันกับไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ทั้งนี้มะดัน เป็นพันธุ์ไม้ที่ค่อนข้างชอบดินชุ่มชื้น และทนต่อโรคได้ดีชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงสามารถนำมาปลูกได้ในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังหรือบริเวณพื้นที่กลุ่มน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี
องค์ประกอบทางเคมี
มีการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนต่างๆ ของมะดัน พบว่ามีสารสำคัญหลายชนิด อาทิเช่น hydroxycitric acid, schomburgdepsidone A , B, oliveridepsidone B, nigroline axanthone E, aucuparin, vismiaquinome A และ geranylemodin เป็นต้น
นอกจากนี้มะดันยังมีคุณค่าทางโภชนาการจากส่วนที่รับประทานได้ดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของผลมะดันดิบ (100 กรัม)
⦁ คาร์โบไฮเดรต 6.5 กรัม
⦁ ไขมัน 0.1 กรัม
⦁ โปรตีน 0.3 กรัม
เส้นใย 0.4 มิลลิกรัม
⦁ แคลเซียม 17 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 7 มิลลิกรัม
⦁ วิตามินเอ 431 หน่วยสากล
วิตามินบี 2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินซี 5 มิลลิกรัม
คุณค่าทางโภชนาการของใบอ่อนมะดัน (100 กรัม)
คาร์โบไฮเดรต 7.3 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
⦁ โปรตีน 0.3 กรัม
⦁ แคลเซียม 103 มิลลิกรัม
⦁ ฟอสฟอรัส 8 มิลลิกรัม
⦁ วิตามินเอ 225 หน่วยสากล
⦁ วิตามินบี 1 0.01 มิลลิกรัม
⦁ วิตามินบี 2 0.04 มิลลิกรัม
⦁ วิตามินบี 3 0.02 มิลลิกรัม
⦁ วิตามินซี 16 มิลลิกรัม
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของมะดัน
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของมะดันที่ได้ระบุถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาจากส่วนต่างๆ ของมะดันไว้ว่า มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์เนื้องอก ต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย และมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของมะดัน
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทานมะดัน เพราะมีรสเปรี้ยวมาก ซึ่งอาจไปกระตุ้นให้มีการขับปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ไตทำงานขึ้นได้ ในส่วนของผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางไม่ควรรับประทานมะดันซึ่งมีรสเปรี้ยวเพราะจะทำให้ไปกัดฟอกโลหิตมากขึ้น และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
นอกจกนี้หากรับประทานมะดันมากเกินไป กรดที่ให้รสเปรี้ยวจากผลของมะดัน อาจจะกัดกร่อนผิวเคลือบฟันทำให้ฟันสึกกร่อนเร็วกว่าปกติอีกทั้งยังทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้
เอกสารอ้างอิง มะดัน
⦁ นิตตา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์.มะดัน ในผลไส้ 111 ชนิด.คุณค่าอาหารและการกิน.กทม.แสงแดด.2550 หน้า 155
⦁ มะดัน : หนึ่งในความเปรี้ยวที่ครองใจชาวกลองยาว.คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 258.กุมภาพันธ์ 2542
⦁ มะดัน.กลุ่มยาขับเสมหะ แก้ไอ.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากประราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีฯ (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_08.7.htm
⦁ มะดันประโยชน์และสรรพคุณมะดัน.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อพืชเกษตรไทย (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก ⦁ http://www.puechkaset.com
⦁ Subhadrabandhu , S., 2001.Under-Utilized Tropical Fruits of Thailand. Food and Agrieulture Organization of the United Nations Rrgional Office for Asia and the Pacific.