เกล็ดนาคราช ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
เกล็ดนาคราช งานวิจัยและสรรพคุณ 15 ข้อ
ชื่อสมุนไพร เกล็ดนาคราช
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เบี้ยไม้, ม้าถีบลม, กีบมะรุม (ภาคเหนือ), เถานาคราช, เถาเกล็ดนาคราช (ภาคกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dischidia imbricata (Blume) Steud.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Dischidia depressa C.B.Clarke ex King & Gamble, Conchophyllum imbricatum Blume.
วงศ์ ASCLEPIADACEAE
ถิ่นกำเนิดเกล็ดนาคราช
เกล็ดนาคราช จัดเป็นพืชในวงศ์ นมตำเลีย (ASCLEPIADACAEA) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ในพม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ต่อมาจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังอินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา จีนตอนใต้ รวมถึงในอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ สำหรับในประเทศไทยสามารถพบเกล็ดนาคราช ได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณบนต้นไม้ในป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ ทั่วไป
ประโยชน์และสรรพคุณเกล็ดนาคราช
- แก้ไข้
- ใช้เป็นยาถอนพิษไข้
- แก้พิษไข้กาฬ
- แก้พิษตานซาง
- แก้ปวดบวมตามร่างกาย
- แก้อักเสบ
- แก้ปวดบวม
- แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ใช้แก้แผลพุพอง
- ใช้ทาแก้กลากเกลื้อน
- ใช้แก้ปวดเอว
- แก้ปวดสันหลัง
- แก้เส้นเอ็น
- แก้ระดูไม่ปกติ
- ช่วยขับระดูในสตรี
เกล็ดนาคราช ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรในประเทศไทยมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้เป็นยาถอนพิษไข้ พิษไข้กาฬ พิษตานซาง แก้ปวดบวมตามร่างกาย โดยนำทั้งต้นเกล็ดนาคราช มาต้มกับน้ำดื่มและใช้อมควบคู่ไปด้วย
- ใช้แก้อาการปวดเอว แก้ปวดสันหลัง แก้ปวดเส้นเอ็น แก้เลือดระดูไม่ปกติ ขับเลือดระดูของสตรี โดยนำเกล็ดนาคราช เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปคั่วไฟให้เหลือง ใช้ดองกับเหล้าดื่มวันละเป๊ก
- ใช้รักษาพิษแมงป่อง พิษตะขาบ และพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย โดยนำเถาเกล็ดนาคราชสดมาฝนกับเหล้าทาบริเวณที่เป็น
- ใช้แก้กลากเกลื้อน โดยนำน้ำคั้นจากใบเกล็ดนาคราชสดมาทาบริเวณที่เป็น
- ใช้แก้แผลพุพองทั่วไป โดยนำใบเกล็ดนาคราช สดมาตำให้ละเอียดพอกบริเวณที่เป็น
ลักษณะทั่วไปของเกล็ดนาคราช
เกล็ดนาคราช จัดเป็นไม้ล้มลุก หรือ ไม้เลื้อยอิงอาศัยเกาะได้ไปตามต้นไม้อื่นและจะมีเกล็ดเล็กๆ ลายตลอดเถา เป็นสีด่างๆ เหลืองขาว ลำต้นมีลักษณะเล็กเรียว เป็นข้อๆ และมีรากลักษณะเป็นฝอยเล็กๆ ออกดอกตามข้อเถาเป็นกระจุก โดยทุกส่วนจะมีน้ำยางสีขาว
ใบเกล็ดนาคราช เป็นใบเดี่ยวแตกออกมาตามเถาเป็นตอนๆ ตรงข้ามข้อของลำต้นใบเป็นรูปโค้งคล้ายกระทะคว่ำ อวบน้ำมีขนาดกว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 1.5-4 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวอ่อน หรือ เขียวอมเหลือง สีแดงคล้ำ ขอบใบสีเขียว มักเกยขึ้นเล็กน้อย เนื้อใบมีลักษณะเป็นตุ่ม เหมือนกับมีถุงลมอยู่ข้างใน มีก้านใบยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร อยู่ด้านล่าง
ดอกเกล็ดนาคราช ออกเป็นช่อกระจะขนาดเล็ก โดยจะออกบริเวณซอกใบโดยใน 1 ช่อดอก จะมีก้านช่อดอกยาว 4 เซนติเมตร ปลายก้านเป็นแกนช่อดอกแยกได้ 2-4 แกน ส่วนดอกย่อยจะออกบริเวณปลายสูงของแกนประมาณ 1-5 ดอก ดอกเกล็ดนาคราช มีขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปโคนโท หรือ รูปไข่ กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ปลายแยก 5 แฉก แต่ละแฉกเล็กประมาณ 1 มิลลิเมตร กลีบดอกเป็นสีขาว หรือ สีเหลืองอ่อน ข้างในกลีบดอกมีขนยาวสีขาวและมีเกสรเพศผู้ 5 อัน เชื่อมติดกัน รังไข่มี 2 อัน แยกออกจากกัน แต่ติดกันตรงปลาย ส่วนก้านดอกย่อยจะยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร
ผลเกล็ดนาคราช ออกเป็นฝักลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาว 2-3 เซนติเมตร ฝักมีสีเขียวเมื่อฝักแก่จะแตกออกแนวเดียว ด้านในฝักจะมีเมล็ดขนาดเล็ก สีน้ำตาล จำนวนมาก โดยเมล็ดจะมีขนยาวเป็นพู่สีขาวที่ปลายด้านหนึ่ง
การขยายพันธุ์เกล็ดนาคราช
เกล็ดนาคราช สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการแยกลำต้น ซึ่งการขยายพันธุ์ของเกล็ดนาคราชนั้น โดยทั้งหมดจะเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติ เนื่องจากไม่พบข้อมูลการนำเกล็ดนาคราชมาขยายพันธุ์โดยมนุษย์และในส่วนที่พบเจอเกล็ดนาคราช ทั้งหมดก็จะเป็นการเกิดขึ้นเองบนต้นไม้ในธรรมชาติเท่านั้น สำหรับวิธีการแยกลำต้นเกล็ดนาคราชนั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการแยกต้นปลูกของพืชไม้เลื้อย หรือ ไม้เลื้อยอิงอาศัยชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนใบของเกล็ดนาคราช ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น ß-amyrin, friedelin, lupeol, lupenone, Dischidiol, Disformone, 3α‑hydroxyglutin-5-en, 30-norcyclopterospemol, capnesterone A, B, 4β-hydroxy-24-methylene-5-cholesten-7-one, gorgostan-5, 25-dien-3β-ol, 3β‑hydroxy-24-methylene-5-cholesten-7-one รวมถึงสารในกลุ่ม Flavonoids เช่น isovitexin และ 2-O-rhamnosyivitexin เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเกล็ดนาคราช
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากใบของเกล็ดนาคราชระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชหลายประการดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่า สาร isovitexin และ 2-O-rhamnosylvitexin ที่สกัดได้จากส่วนใบของเกล็ดนาคราช แสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (free radical scavenging )> 90%โดยเข้าไปช่วยลดการผลิต ROS, TNF-α, IL-6, myeloperoxidase, malondialdehyde และยับยั้งเอนไซม์ iNOS/COX-2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบในงานวิจัยแบบ in vivo/in vitro ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับอื่นๆ ยังได้ระบุว่าสารสกัดเกล็ดนาคราช จากส่วนใบของเกล็ดนาคราชยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย และต้านเชื้อราได้อีกด้วย
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเกล็ดนาคราช
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สตรีมีครรภ์ห้ามใช้เกล็ดนาคราช เป็นยาสมุนไพร เนื่องจากมีสรรพคุณขับระดู ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้ สำหรับการใช้ในบุคคลกลุ่มอื่นๆ ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง เกล็ดนาคราช
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.เกล็ดนาคราช, หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 74.
- ราชบัณฑิตยสถาน. 2538. อนุกรมวิธานพืชอักษร ก. กรุงเทพมหานคร. เพื่อนพิมพ์.
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. เถาเกล็ดนาคราช, หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า340-341.
- ฐานข้อมูลสมุนไพรเขตอีสานใต้ คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. เกล็ดนาคราช. (ออนไลน์). 2025, แหล่งที่มา: https://phar.ubu.ac.th/herb-DetailPhargarden/16.
- Krumsri R. et al. (2019). Evaluation of the Allelopathic Potential of Leaf Extracts from Dischidia imbricata. Notulae Botanicae Horti Agrobotanici Cluj-Napoca, 47(4):1019-1024.
- Chen S. et al. (1993). “Disformone and dischidiol from Dischidia formosana.” Phytochemistry, 34(3), 783-78