พลับพลึงดอกแดง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

พลับพลึงดอกแดง งานวิจัยและสรรพคุณ 22 ข้อ

ชื่อสมุนไพร พลับพลึงดอกแดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น พลับพลึง, พลับพลึงแดง, พลับพลึงแดงสลับขาว, พลับพลึงสีชมพู (ทั่วไป), ลิลัว (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Crinum amabile Donn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Crinum x amabile Donn. Ex Ker Gawl., Crinum x augustum Roxb.
ชื่อสามัญ Red crinum. Giant lily, Crinum lily
วงศ์ AMARYLLIDACEAE


ถิ่นกำเนิดพลับพลึงดอกแดง

พลับพลึงดอกแดง จัดเป็นพืชในวงศ์พลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) ชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนชื้นของทวีปแอฟริกา ต่อมาจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนต่างๆ ในทวีปเอเชียและออสเตรเลีย สำหรับในประเทศไทยสามารถพบพลับพลึงดอกแดง ได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยมีการนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับตามบ้านเรือน และอาคารสถานที่ต่างๆ หรือ สามารถพบได้ในพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือ ในพื้นที่ที่มีความชื้นค่อนข้างสูง เช่น ริมคลอง ริมแม่น้ำ ริมบึง เป็นต้น


ประโยชน์และสรรพคุณพลับพลึงดอกแดง

  1. ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
  2. ทำให้อาเจียน
  3. ใช้เป็นยาระบาย
  4. รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ
  5. แก้น้ำดี
  6. ใช้ลดไข้
  7. แก้ปวดศีรษะ
  8. ใช้ฆ่าเชื้อ
  9. แก้อาการปวดบวมฟกช้ำ ดำเขียว
  10. แก้อาการเคล็ดขัดยอก
  11. ใช้คล้ายเส้น
  12. แก้ปวดกระดูก
  13. รักษาปวดกล้ามเนื้อ
  14. ใช้รักษาพิษยางน่อง
  15. ใช้พอกแผง
  16. ช่วยขับปัสสาวะ
  17. ช่วยขับประจำเดือนในสตรี
  18. ใช้รักษาอาการอาเจียน
  19. ช่วยรักษาโรคไขข้อ
  20. ช่วยรักาาอาการปวดหู
  21. รักษาอาการอักเสบ
  22. รักษาโรคริดสีดวงทวาร

           พลับพลึบดอกแดง ถูกนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับตามอาคารสถานที่ สวนสาธารณะ หรือ ตามบ้านเรือนทั่วไป เช่นเดียวกันกับพลับพลึงดอกขาว เนื่องจากมีดอกที่มีสีสันสวยงาม ดอกมีความคงทนบานได้หลายวันและยังมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะตอนพลบค่ำ และยังมีการนำดอกพลับพลึงดอกแดง มาจัดแจกัน อีกทั้งยังมีการนำใบพลับพลึงดอกแดงมาใช้ทำกลีบกระทง หรือ นำมาใช้ทำงานฝีมืออื่นๆ อีกด้วย

พลับพลึบดอกแดง

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน ใช้เป็นยาระบายโดยนำเมล็ดพลับพลึบดอกแดง มาทุบให้แตกชงกับน้ำร้อนดื่ม
  • ใช้ทำให้อาเจียน โดยนำใบพลับพลึบดอกแดงมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ นำรากพลับพลึบดอกแดง สดมาเคี้ยวกลืนน้ำก็ได้
  • ใช้แก้อาการปวดศีรษะ ลดไข้ โดยนำใบพลับพลึบดอกแดงมาลนไฟ จากนั้นใช้พันรอบศีรษะ
  • ใช้แก้อาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว คล้ายเส้น แก้ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ โดยนำใบพลับพลึบดอกแดงมายังไฟแล้วนำมาพัน หรือ ประคบบริเวณที่เป็น
  • ใช้พอกแผล โดยนำรากพลับพลึบดอกแดงมาตำให้แหลกก็ใช้พอกบริเวณที่เป็น
  • ในเวียดนามมีการนำพลับพลึงดอกแดง มาใช้รักษาอาการอาเจียน รักษาโรคไขข้อ และอาการปวดหู ส่วนในเอกวาดอร์ ใช้พลับพลึงดอกแดง รักษาอาการอักเสบ และโรคริดสีดวงทวาร อีกด้วย


ลักษณะทั่วไปของพลับพลึงดอกแดง

พลับพลึงดอกแดง จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีหัวสีขาวลักษณะกลมอวบน้ำอยู่ใต้ดิน ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีกาบใบสีขาวหุ้มซ้อนกันเป็นชั้นๆ อยู่เหนือดินขึ้นไป

           ใบพลับพลึงดอกแดง เป็นใบเดี่ยวออกเรียงซ้อนสลับกันเป็นวงกลม ลักษณะของใบเป็นรูปหอกมีขนาดกว้าง 7-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1 เมตร โคนใบเป็นกาบทำหน้าที่เป็นลำต้นเทียม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบเป็นสีเขียวเป็นมันอวบน้ำ ผิวใบอ่อนนุ่มหนาและเหนียว

           ดอกพลับพลึงดอกแดง ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ช่อดอกของพลับพลึงแดง จะมีขนาดใหญ่กว่าพลับพลึงขาว โดยก้านดอกจะแทงขึ้นออกมากตรงกลางกอ ซึ่งในหนึ่งช่อดอกจะมีดอกย่อยเป็นกระจุกประมาณ 10-40 ดอก กลีบดอกมีลักษณะเรียวยาว กลีบของดอกจะงองุ้มเข้าหาก้านดอก เมื่อดอกบานเต็มที่ ตรงกลางดอกมีเกสรยาวยื่นออกมาก กลีบดอกมีสีขาวแกมชมพู หรือ กลีบด้านบนเป็นสีม่วง หรือ เป็นสีชมพู ส่วนกลีบด้านล่างเป็นสีแดงเข้ม หรือ สีแดงเลือดหมูดอกมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะตอนค่ำจะหอมมาก

           ผลพลับพลึงดอกแดง เป็นผลสดลักษณะของผลค่อนข้างกลม สีเขียวอ่อนด้านในผลมีเมล็ดลักษณะกลม

พลับพลึบดอกแดง

การขยายพันธุ์พลับพลึงดอกแดง

พลับพลึงดอกแดง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการแยกหน่อ แต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ วิธีการแยกหน่อ เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็ว สำหรับวิธีการแยกหน่อพลับพลึงดอกแดง นั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการแยกหน่อไม้ล้มลุกประเภทหัวอื่นๆ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้

           ทั้งนี้พลับพลึงดอกแดงจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำ และต้องการน้ำมากในการเจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรปลูกในพื้นที่มีความชื้นค่อนข้างสูง แต่ก็มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อมสูง โดยหากต้องการให้มีดอกมากควรปลูกกลางแจ้ง แต่หากต้องการให้ใบสวย ควรปลูกในที่มีแสงแดดรำไร


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาถึงองค์ประกอบทางเคมีของส่วนหัวและส่วนใบขอบพลับพลึงดอกแดง ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดดังนี้ 1-O-acetyllycorine, narcyclasine, sternbergine, galanthamine, homotycorine, lycorine, Augustine, ambelline, buphanisine, crininne, sanguinine, 3-O-acetylsanguinine, 6-hydroxybuphanidrine, 6-methoxybuphanidrine และ crinamine เป็นต้น

โครงสร้างพลับพลึงดอกแดง

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของพลับพลึงดอกแดง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดพลับพลึงดอกแดง จากส่วนหัวและใบของพลับพลึงแดงระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้

           มีรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่าสารสกัดจากหัวของพลับพลึงแดง มีฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาท acetylcholinesterase (AChE) ได้ดีกว่าสารสกัดจากใบโดยมีค่า IC50 เท่ากับ 1.35±0.13 และ 1.67±0.16 µg mL ตามลำดับ แต่ทั้งนี้สารสกัดจากใบของพลับพลึงแดงแสดงฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาท butyrylcholinesterase BuChE สูงกว่าสารสกัดจากหัวโดยมีค่า IC50 เท่ากับ 8.50±0.76 และ 45.42±3.72 µg mL ตามลำดับ ซึ่งสารสื่อประสาททั้ง 2 นั้นมีผลต่อโรคอัลไซเมอร์ (AD)

           นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่าสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของพลับพลึงดอกแดง ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา ต้านแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และเป็นพิษต่อเซลล์อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของพลับพลึงดอกแดง

มีรายงานว่าพืชในวงศ์ “พลับพลึง” ซึ่งรวมถึงพลับพลึงดอกแดง มีสารพิษกลุ่มแอลคาลอยด์ เช่น lycorine, crinamine, criridine, narciclasine เป็นต้น ซึ่งพบได้ในส่วนหัวของพืช หากรับประทานเข้าไปจะออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และมีผลระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สตรีมีครรภ์ห้ามใช้พลับพลึงดอกแดง เป็นยาสมุนไพรโดยเฉพาะในรูปแบบการรับประทาน เนื่องจากมีสรรพคุณขับประจำเดือน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ส่วนหัวของพลับพลึงดอกแดง มีสารพิษที่ชื่อว่า lycorine ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะทำให้เกิดอาการ อาเจียน ตัวตื่น ท้องเดินไม่รุนแรง เหงื่อออก น้ำลายออกมาก ถ้ามีอาการมากอาจเกิดภาวะอัมพาต และหมดสติได้


เอกสารอ้างอิง พลับพลึงดอกแดง
  1. ดร.วิทย์. เที่ยงบูรณธรรม. พลับพลึงดอกแดง (กรุงเทพฯ). หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. หน้า 144.
  2. TALLINI. L.R., GIORDANI. R.B., ANDRADE. J.R., BASTIDA J. and. ZUANAZZI J.A.S., 2021b. Structural diversity diversity and biological potential of alkaloids from the genus Hippeastrum. Amaryllidaceae : an update. From Revista Brasileira de Farmacognosia. Vol. 31. No. 5. Pp.648-657http://dx.doi.org/10.1007/s-43450-021-00211-z. PMid4924642.
  3. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม กรุงเทพมหานคร บริษัทประชาชน จำกัด 2544.
  4. ปิยะ เฉลิมกลิ่น. พลับพลึงดอกแดง (กรุงเทพฯ) หนังสือไม้ดอกหอม เล่ม 1.หน้า 147.
  5. นพมาศ สุนทรเจริญนนท์. ไม่ประดับมีพิษ...คิดสักนิดก่อนจะปลูก. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน. คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  6. นพมาศ สุนทรเจริญนนท์. พืชพิษ (Poisonous Plants) ใน รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล และคณะ (บรรณาธิการ) สมุนไพร ยาไทยที่ควรรู้ กรุงเทพมหานคร บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชซิ่ง จำกัด(มหาชน) 2542.
  7. พลับพลึงดอกแดง. หนังสือสมุนไพรสวนสิริรุกขชาติ. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. หน้า 91.
  8. พลับพลึงดอกแดง. ศูนย์ข้อมูลพืชพิษ. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  9. Meerow A.W., Lehmiller D.J., Clayton J.R. Phylogeny and biogeography of Crinum L. (Amaryllidaceae) inferred from nuclear and limited plastid non-coding DNA sequences. Bot. J. Linn. Soc. 2003;141:349-363. doi: 10.1046/j.1095-8339.2003.00142.x.
  10. Rojas-Vera J., Buitrago-Díaz A.A., Possamai L.M., Timmers L.F.S.M., Tallini L.R., Bastida J. Alkaloid profile and cholinesterase inhibition activity of five species of Amaryllidaceae family collected from Mérida state-Venezuela. S. Afr. J. Bot. 2021;136:126–136. doi: 10.1016/j.sajb.2020.03.001.
  11. Pham L.H., Döpke W., Wagner J., Mügge C. Alkaloids from Crinum amabile. Phytochemistry. 1998;48:371-376. doi: 10.1016/S0031-9422(97)01081-9.
  12. Chen M.-X., Huo J.-M., Hu J., Xu Z.-P., Zhang X. Amaryllidaceae alkaloids from Crinum latifolium with cytotoxic, antimicrobial, antioxidant, and anti-inflammatory activities. Fitoterapia. 2018;130:48–53. doi: 10.1016/j.fitote.2018.08.003.
  13. HAVELEK. R.,MUTHNA. D., TOMSIK P., KRALOVEC. K. SEIFRTOVA. M., CERMAKOVA. E. and REZACOVA M., 2017. Anticancer potential of Amaryllidaceae alkaloids evaluated by screening with a panel of human cells, real-time cellular analysis and Ehrlich tumor-bearing mice. Chemico-Biological Interactions. Vol 275. Pp. 121-132 http://dx.doi.org/10.1016/j.cbi2017.07.018.PMid:2876149.