แสมทะเล ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

แสมทะเล งานวิจัยและสรรพคุณ 26 ข้อ

ชื่อสมุนไพร แสมทะเล
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น แสมขาว (ทั่วไป), ปีปีดำ (ภูเก็ต), พีพีเล (กระบี่, ตรัง), แสมทะเลขาว (สุราษฎร์ธานี), แหมเล, แหม (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Avicennia marina (Forssk.) Vierh
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Avicennia intermedia Griff., sceura marina Forssk.
ชื่อสามัญ Grey mangrove, Olive mangrove
วงศ์ ACANTHACEAE


ถิ่นกำเนิดแสมทะเล

แสมทะเล จัดเป็นพืชในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิม ในเขตร้อนของชายฝั่งตะวันออกในทวีปแอฟริกาและในคาบสมุทรอาหรับ เช่นในอียิปต์ โซมาเลีย กาตาร์ เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน ซาอูดีอาระเบียบ บริเวณรวมถึงในทะเลแดง ภูมิภาคเอเชียใต้ ต่อมาจึงได้มีการกระจายพันธุ์ไปยังบริเวณชายฝั่งทะเลเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนในมหาสมุทรอินเดียตลอดถึงทะเลจีนใต้ ไปจนถึงออสเตรเลียและเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ สำหรับในประเทศไทยสามารถพบแสมทะเล ได้แนวชายฝั่งทะเล ชายฝั่งปากแม่น้ำและพื้นที่เลนปนทรายไม่อ่อนเหลวมาก รวมถึงป่าชายเลนและป่าชายหาดในสมุทรปราการ, กระบี่, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นต้น


ประโยชน์และสรรพคุณแสมทะเล

  1. แก้ลมในกระดูก
  2. ใช้ฟอกและขับโลหิต
  3. แก้ปวดเมื่อยตามเส้นเอ็น
  4. ช่วยถ่ายเสมหะ
  5. แก้ปัสสาวะพิการ
  6. ช่วยบำรุงกำหนัด
  7. ช่วยเจริญอาหาร
  8. แก้กษัยเส้น
  9. แก้อาการปวดฟัน
  10. ช่วยขับโลหิตเสียของสตรี
  11. ใช้สมานแผล สมานแผลในปาก
  12. ช่วยห้ามเลือด
  13. ใช้รักษาฝี ฝีหนอง
  14. แก้ท้องร่วง ท้องเสีย
  15. ใช้แก้พิษสัตว์น้ำต่างๆ
  16. แก้พิษงู
  17. แก้อาการหิด
  18. ใช้รักษาโรคผิวหนัง
  19. ใช้รักษาแผลในกระเพาะ
  20. แก้ข้ออักเสบ
  21. รักษาอีสุกอีใส
  22. รักษาแผลไฟไหม้
  23. ช่วยขับน้ำคาวปลาในเรือนไฟ
  24. ช่วยให้มดลูกเข้าอู่
  25. ช่วยบำรุงโลหิต
  26. แก้เบาหวาน

           ซึ่งแก่นแสมทะเลเป็นตัวยาหนึ่งในตำรับยา “ยาไฟประลับกัลป์” ซึ่งเป็นบัญชียาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2555 มีสรรพคุณขับน้ำคาวปลาในเรือนไฟ ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ รวมถึงยังเป็นส่วนประกอบในตำรับ “ยาบำรุงโลหิต” ซึ่งมีสรรพคุณ บำรุงโลหิต อีกด้วย

           ในปัจจุบันมีการณรงค์ให้ปลูกแสมทะเล เพื่อเพิ่มระบบนิเวศน์ ให้แก่พื้นที่ชายฝั่งทะเล ฟื้นฟูป่าชายเลนและช่วยอนุบาลสัตว์น้ำได้อีกด้วย ส่วนของเนื้อไม้สามารถทำมาใช้เป็นฟืน เผาเป็นถ่ายมาใช้ในครัวเรือน ขี้เถ้าจากไม้สามารถนำมาใช้ทำปูนขาว เปลือกต้นนำมาเป็นสีย้อมได้โดยจะให้สีแดงและน้ำตาล อีกทั้งในต่างประเทศมีรายงานว่า ชนพื้นเมืองของออสเตรเลีย นำผลแสมทะเล และเมล็ดมากินเป็นอาหาร โดยการเผาให้สุกและในอินเดียเก็บผลแสมทะเลมาเลี้ยงวัวโดยเฉพาะเมืองคุยราย ส่วนในอียิปต์นำมาใช้เลี้ยงอูฐ 

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้แก้ลมในกระดูก ฟอกโลหิต ขับโลหิตในสตรี แก้กษัย ปวดเมื่อยเส้นเอ็น แก้ปัสสาวะพิการ ถ่ายเสมหะ โดยนำทั้งต้นแสมทะเลมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้ท้องร่วง ท้องเสีย โดยนำแก่นแสมทะเล มาต้มน้ำดื่ม
  • ใช้สมานแผลในปาก โดยนำเปลือกไม้แสมทะเลมาต้มอมกลั้วปาก
  • ใช้แก้พิษปลา หรือ สัตว์มีพิษในทะเลอื่นๆ ใช้ใบ หรือ รากแสมทะเลตำให้ละเอียดใช้พอกที่แผล
  • ใช้แก้พิษงู ให้ตำแสมทะเลผสมกับในเสลดพังพอน หัวหอม และกระถิน พอกที่แผลและละลายน้ำรับประทาน
  • ใช้แก้เบาหวาน โดยนำรากและต้นแสมทะเลสับให้ละเอียด แล้วนำมาต้มรวมกับแก่นกำแพงเจ็ดชั้นใบต้นหูกวาง ต้นตายปลายเป็นนำน้ำที่ได้มาดื่ม วันละ 2 ครั้ง
  • ใช้แก้ฝีหนอง อีสุกอีใส แผลไฟไหม้ โดยนำใบแสมทะเลสดมาตำพอก หรือ ทาบริเวณที่เป็น


ลักษณะทั่วไปของแสมทะเล

แสมทะเล จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กเรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง สูงได้ 5-8 เมตร โดยส่วนใหญ่จะมีสองลำต้น หรือ มากกว่า ไม่มีพูพอน แต่มีรากหายใจรูปทรงกระบอกแคบ ยาว 10-20 เซนติเมตร แผ่กระจายรอบลำต้น เหนือผิวดิน เปลือกต้นสีขาวอมเทา หรือ ขาวอมชมพู เรียบเป็นมัน ต้นที่อายุมากเปลือกจะหลุดออกเป็นเกล็ดบางๆ คล้ายแผ่นกระด และผิวของเปลือกใหม่จะมีสีเขียว

           ใบแสมทะเล เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉากบนกึ่งก้าน แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ขนาดกว้าง 1.5-4 เซนติเมตร ยาว 3-12 เซนติเมตร โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบมน หรือ อาจแหลมเล็กน้อย ขอบใบเรียบม้วนเข้าหากันทางท้องใบ มีลักษณะคล้ายหลอดกลม แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนด้านท้องใบมีสีขาวอมเทา หรือ ขาวนวลมีขนสั้นขึ้นปกคลุมและมีก้านใบยาว 0.5-1.5 เซนติเมตร

           ดอกแสมทะเล ออกเป็นช่อกระจุกแบบช่อเชิงลด ที่ปลายกิ่ง หรือ ง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 1-5 เซนติเมตร โดยในแต่ละช่อมีดอกย่อย 8-14 ดอก ก้านดอกยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกแสมทะเล ย่อยมีขนาดเล็ก โดยจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกประมาณ 0.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดคงทนมีกลีบดอก 4 กลีบ รูปไข่กว้าง ยาวประมาณ 5-6 มิลลิเมตร โคนกลีบเชื่อมติดกัน ส่วนปลายแยกเป็น 4 แฉก ดอกแสมทะเลมีสีส้มอมเหลือง ถึงเหลืองมีเกสรเพศผู้ 4 อัน

           ผลแสมทะเล เป็นแบบผลแห้ง รูปไข่กว้างถึงค่อนข้างกลมเบี้ยวคล้ายผลพริกเบี้ยว มีขนาดกว้าง 1.5-2 เซนติเมตร ยาว 1.5-2.5 เซนติเมตร เปลือกผลย่น บาง อ่อนนุ่ม มีขนสั้นอ่อนนุ่มปกคลุมหนาแน่น ผลมีสีเขียวอมเหลือง ผลแก่เปลือกแตกด้านข้าง ม้วนเป็นหลอดกลมตามยามภายในผลมีเมล็ดรูปไข่กว้าง 1 เมล็ด


การขยายพันธุ์แสมทะเล

แสมทะเล สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด เช่นเดียวกันกับการขยายพันธุ์ในธรรมชาติของพืชสกุลนี้ และในปัจจุบันเริ่มพบการนำเมล็ดมาทำการเพาะขยายพันธุ์ โดยมีวิธีการเริ่มจากการเก็บเมล็ดแก่ของแสมทะเล แล้วนำมาเพาะในถาดหลุมเพาะ โดยใช้ขุยมะพร้าวเป็นวัสดุเพาะ จากนั้นรดน้ำดูแล ไปอีกประมาณ 30 วัน จึงทำการย้ายกล้าลงมาปลูกในที่เตรียมไว้ต่อไปได้ ทั้งนี้แสมทะเลจะสามารถขึ้นได้ดีในที่โล่งติดชายฝั่งทะเล หรือ บริเวณพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ที่ค่อนข้างเป็นทราบ


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีเกี่ยวกับสารสกัดจากส่วน ใบ กิ่ง ลำต้น ผลและราก ของแสมทะเล ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น กิ่งและลำต้นแสมทะเล พบสารในกลุ่ม Naphthoquinones และ furanonaphthoquinones เช่น Avicennone A-G, Avicequinone A, Avicequinone B, Avicequinone C, Stenocarpoquinone B, Avicenol A, Avicenol C.

           ใบและส่วนเหนือดินพบ

  • สารกลุ่ม Iridoid glucosides เช่น geniposidic acid, geniposide, mussaenoside, 2′-cinnamoyl-mussaenosidic acid, marinoid A-E, cinnamoyl และ coumaroyl
  • สารกลุ่ม Flavonoids เช่น chrysoeriol 7-O-glucoside, isorhamnetin 3-O-rutinoside, luteolin 7-O-methylether 3-O-β-D-glucoside, Marinoids A-E, mussaenosidic และ geniposidic derivatives
  • สารกลุ่ม Phenylpropanoid glycosides และ Phenylethanoid glycosides เช่น Verbascoside (acteoside), isoverbascoside, derhamnosylverbascoside
  • ยังพบสารกลุ่ม Phenolics, Polyphenols และ Tannins เช่น p-methoxycinnamic acid , syringaresinol, indolyl-3-carboxylic acid


การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของแสมทะเล

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนเหนือดิน และส่วนใบของแสมทะเล ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการ เช่น มีรายงานผลการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองระบุว่า สารสกัดเมทานอล เอทานอล และเอทิลแอซีเดตจากส่วนใบของแสมทะเลแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) โดยพบว่าสารกลุ่มโพลีฟีนอลที่พบในสารสกัดดังกล่าว มีบทบาทสำคัญ และมีการศึกษาวิจัยทดสอบฤทธิ์ cytotoxicity ต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น เซลล์มะเร็งเต้านม (MCF-7), มะเร็งตับ (HepG2) มะเร็งปอด (NCI-H23) พบว่าสารสกัดบางส่วนมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ (แต่มีฤทธิ์ไม่แรงเท่ายารักษามะเร็งมาตรฐาน)

ส่วนอีกรายงานการศึกษาวิจัยอีกฉบับหนึ่ง ระบุสารสกัดจากส่วนเหนือดินของแสมทะเล มีฤทธิ์ปกป้องตับ (hepatoprotective) โดยสามารถลดค่าชีวเคมีในเลือดที่บ่งชี้การบาดเจ็บของตับ (liver injury biomarkers) จากสารพิษ  CCl₄ ได้  นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์จากส่วนใบของแสมทะเลยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (hypoglycemic effect) และมีผลบวกในเชิง ต้านอนุมูลอิสระและพฤติกรรมของระบบประสาทในหนูทดลองอีกด้วย และมีการศึกษาวิจัยในสารสกัดแสมทะเล พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยสามารถยับยั้งการผลิตในดริกออกไซด์สูงถึงร้อนละ 87±1.94 ส่วนสารสกัดทั้งต้นด้วยเอทานอลและบิวาทานอลพบว่า ส่วนที่สกัดได้จากบิวทานอลให้ผลในการต้านจุลินทรีย์ได้ดีกว่าส่วนที่สกัดจกเอทานอล โดยสามารถต้านเชื้อจุลินทรีย์ ทั้งแกรมบวกและแกรมลบ นอกจานี้ ยังต้านเชื้อราชนิด Candidaalbicans และ Aspergillus flavus ได้ดี  อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยพรีคลินิกพบว่าแสมทะเลมีสารกลุ่มพอลิแซกคาโรด์ที่มีคุณสมบัติเป็นกรด (acidic polysaccharides) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งโปรตีนคอนพลีเมนต์ (arti-complement activity) ของระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนสารสสกัดแสมทะเลด้วยเอทานอลก็มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียชนิด Streptococcus mutans ที่ทำให้ฟันผุได้อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของแสมทะเล

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสารสกัดจากส่วนใบและผลของแสมทะเลในหนูทดลองสายพันธุ์ Wistar พบว่าเมื่อทำการป้อนสารสกัดที่ขนาด ≤ 500 มก./กก. (น้ำหนักตัว) ไม่ก่อให้เกิดการตาย และไม่มีอาการพิษเฉียบพลันของตับหนูทดลองอย่างชัดเจน แต่ในขนาดที่ขนาดสูงกว่า พบว่ามีการลดขนาดตับเล็กน้อย และ มีความเสียหายต่อไตเล็กน้อย


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

มีรายานการศึกษาทางพิษวิทยาระบุว่า เมื่อหนูทดลองได้รับยาในขนาดที่สูงกว่า 500 มก./กก.(น้ำหนักตัว) พบการเสียหายที่ตับและไตเล็กน้อย ดังนั้นในการใช้แสมทะเลเป็นยาสมุนไพร จึงควรใช้ในขนาดที่พอดีที่ได้ระบุไว้ในตำรายาต่างๆ ห้ามใช้ในขนาดที่สูง หรือใช้ต่อเนื่องกันในระยะยาวเพราะอาจมีผลเสียต่อไตและตับ นอกจากนี้หากให้ในขนาดที่สูงมาก อาจทำให้คุณภาพอสุจิและอาจมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญพันธุ์ได้


เอกสารอ้างอิง แสมทะเล
  1. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิติ นันทน์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). กรุงเทพฯ : บริษัทประชาชน จำกัด. 2544. หน้า 62.
  2. วุฒิ วฺฒิธรรมเวช. สารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พริ้นติ้งเฮ้าส์. 2540. หน้า 446
  3. สมาคมโรงเรียนแพทย์แผนโบราณในประเทศไทย สำนักวัดพระเชตุพนฯ. ประมวลสรรพคุณยาไทย (ภาคสอง) ว่าด้วยพฤกษชาติ วัตถุธาตุ และ สัตว์วัตถุนานาชนิด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อำพลพิทยา.2520. หน้า 135-6.
  4. เสงี่ยม พงษ์บุญรอด. ไม้เทศเมืองไทย สรรพคุณของยาเทศและยาไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เฟื่อง อักษร. 2514. หน้า 517.
  5. แสมทะเล.สมุนไพรในตำรับยาแผนไทยที่ประกาศกำหนดให้เป็นตำรับยาเสพติดให้โทษประเภท & ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่อนุญาตให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ ตามแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท & ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. ๒๕๖๒.สำนักงานจัดการกัญชาและกระท่อมทางการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข. หน้า 287-289.
  6. พันธุ์ทิพย์ วิเศษพงษ์พันธุ์, ทศพล โปร่งจิตร,ชัชรี แก้วสุรลิชิต และ อรรถวุฒิ กันทะวงศ์ (2558) ฤทธิ์ด้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากพรรณไม้ชายเลนในการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 53.กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
  7. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2555. บัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2555 แนบท้ายประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนพิเศษ 85 ง 25 พฤษภาคม 2555.
  8. Jain, R., Monthakantirat, O., Tengamnuay, P., & De-Eknamkul, W. (2014). Avicequinone C isolated from Avicennia marina exhibits 5α-reductase-type 1 inhibitory activity using an androgenic alopecia relevant cell-based assay system. Molecules, 19(5), 6809–6821.
  9. Moldenke HN, Moldenke AL. Avicenniaceae. In: Dassanayake MD, Fosberg FR,editors. A revised handbook to the Flora of Ceylon. Vol. 4. Rotterdam: AA Balkema. 1983.p. 127-30.
  10. Cerri, F., De Santes, B., Spena, F., Salvioni, L., Forcella, M., Fusi, P., … Campone, L. (2025). Phytochemical Profiling, Antioxidant Activity, and In Vitro Cytotoxic Potential of Mangrove Avicennia marina (Forssk.) Vierh. Pharmaceuticals, 18(9), 1308. 
  11. Chua LSL. Avicennia. In : Sosef MSM, Hong LT, Prawirohatmodjo S, editer. PlantResources of South- East Asia No. 5 ( 3 ) , Timber Trees : Lesses- know timbers. Leiden :Backhuys Publishers. 1998. p. 94.
  12. Sun, Y., Ouyang, J., Deng, Z., Li, Q., & Lin, W. (2008). Structure elucidation of five new iridoid glucosides from the leaves of Avicennia marina. Magnetic Resonance in Chemistry, 46(7), 638–642.
  13. Backer CA, Bakhuizen van den Brink RC. Verbenaceae. Flora of Java. Vol. 2 .Groningen (The Netherlands): N.V.P. Noordhoff. 1965. p. 613.
  14. Rozirwan, R. Y., Nugroho, M. H., Hendri, M., Fauziyah, W. A. E., Putri, R., & Agussalim, A. (2022). Phytochemical profile and toxicity of extracts from the leaf of Avicennia marina (Forssk.) Vierh. collected in mangrove areas affected by port activities. South African Journal of Botany, 150, 903-919.
  15. Joycharat N, Limsuwan S, Subhadhirasakul S, Voravuthikunchai SP, Pratumwan S,Madahin I, et al. Anti- Streptococcus mutans efficacy of Thai herbal formula used as aremedy for dental caries. Pharm Biol. 2012;50(8):941-7.
  16. Feng, Y., Li, X.-M., Duan, X.-J., & Wang, B.-G. (2006). Iridoid glucosides and flavones from the aerial parts of Avicennia marina. Chemistry & Biodiversity, 3(7), 799–806.
  17. Chen SL, Gilbert MG. Verbenaceae. In: Wu ZY, Raven PH, Hong DY, editors. Flora ofChina. Vol. 17. Beijing: Science Press. 1994. p. 49.
  18. Zhu, F. (2009). The chemical investigations of the mangrove plant Avicennia marina. The Open Natural Products Journal, 2, 24–32. 
  19. Han, L., Huang, X., Dahse, H.-M., Moellmann, U., Fu, H., Grabley, S., Sattler, I., & Lin, W. (2007). Unusual naphthoquinone derivatives from the twigs of Avicennia marina. Journal of Natural Products, 70(6), 923–927.