กาบา
กาบา
ชื่อสามัญ Gamma-Amino butyric acid (GABA)
ประเภทและข้อแตกต่างสารกาบา
สาร GABA (Y–aminobutyric acid) หรือ 4-aminobutanoic acid เป็นกรดอะมิโนอิสระที่ไม่ใช่โปรตีน ที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ มีสูตรโมเลกุล คือ C4 H9 NO2 ซึ่งได้มีการสังเคราะห์ขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ.1683 และเป็นที่รู้จักในนามของผลผลิตจากเมแทบอไลต์ของพืช และเชื้อจุลินทรีย์ที่มีบทบาทในวงจรเครบส์ (Krebs cycle) ต่อมาในปี ค.ศ.1950 Eugene Roberts และ Jorge Awapara ได้ค้นพบสาร GABA และพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ครวจไม่พบในเนื้อเยื่อชนิดอื่นๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1960 จึงได้มีการพบสารดังกล่าว ในสมอง และไขสันหลังของสัตว์มีกระดูกสันหลัง โดยมีปริมาณสูงถึง 100 เท่าของสาร สื่อประสาทประเภทโมโนเอมีน (monoamine)
สำหรับประเภทของกาบา นั้น จากรายงานการศึกษาวิจับพบว่า กาบามีเพียงชนิดเดียว ซึ่งจะอยู่ในรูปของไอออนที่มีทั้งขั้วบวก และขั้วลบ โดยขึ้นกับสภาวะแวดล้อม ซึ่งหมู่คาร์บอกซิล (-COOH) รับโปรตอนส่วนหมู่อะมิโน (-NH2 ) จะให้โปรตอน เช่น ในสภาวะที่เป็นก๊าซจะต่อกันเป็นสายยาวขดไปมา เนื่องจากแรงดึงดูดทางเคมีไฟฟ้าระหว่างหมู่ไออน และในสารละลายเกิดการจัดเรียงตัว โดยโมเลกุลบางส่วนพับตัวไปมาและบางส่วนยืดออก ดังนั้นการจัดเรียงตัวของ GABA จึงมีความสำคัญต่อหน้าที่ทางชีวภาพในการรวมตัวกับสารรับสัญญาณที่แตกต่างกัน
แหล่งที่พบและแหล่งที่มาสารกาบา
สำหรับแหล่งที่มาของกาบา นั้น สามารถแยกได้ 2 ประเภท คือ 1.ได้จากอาหารที่เป็นแหล่งของกาบา เช่น ข้าว ใบถั่ว และธัญพืชต่างๆ ใบชาแห้ง ข้าวกล้องงอก เต้าหู้ แตงเมลอน มะเขือเทศ ช็อคโกแลต (chocolate) กิมจิ (kimchi) และฟักทอง โดยกาบาที่ได้ในพืชเหล่านี้จะผ่านกระบวนการดีคาร์บอกซิเลชั่น (decarboxylation) ของกรดอะมิโนกลูตามิก (glutamic acid) โดยการเร่งของเอนไซม์ กลูตาเมตคาร์บอกซิเลส (glutamate decarboxylase) และ ใช้วิตามินบี6 ในรูปไพริดอกซอลฟอสเฟต (pyridoxal phosphate; PLP) ได้จากการสังเคราะห์ขึ้นเองในร่างกาย โดยการย่อยสลายน้ำตาลกลูโคสผ่านกระบวนการไกลโคไลซิส เพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นสารไพรูเวท จากนั้นสารไพรูเวทจะเข้าสู่วัฎจักรเครปส์ ทำให้ได้สารตัวกลางคือ แอลฟา คีโตกลูตาเรต (a-ketoglutarate) ที่สามารถนำไปใช้สำหรับการสังเคราะห์กรดกลูตามิกที่เป็นสารตั้งต้นสำหรับสารกาบา โดยอาศัยการทำงานของเอนไซม์ GABA a-oxoglutarate transaminase (GABA-T) โดยจะพบสารกาบาที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นปริมาณสูงในสมอง
ปริมาณสารกาบาที่พบจากแหล่งต่างๆ จากกาบา
ข้าวกล้องข้าวเหนียว
สายพันธุ์ กข. 10 1065.0 มิลลิกรัม
สายพันธุ์ สกลนคร 34.6 มิลลิกรัม
สายพันธุ์ ข้าวขาวโป่งไคร้ 58.4 มิลลิกรัม
ข้าวกล้องข้าวเจ้า
พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 37.3 มิลลิกรัม
พันธุ์ข้าวขาวปทุมธานี 1 31.0 มิลลิกรัม
พันธุ์ข้าวชัยนาท 1 28.8 มิลลิกรัม
พันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี 1 21.4 มิลลิกรัม
พันธุ์ข้าวเหลืองประทิว 123 22.6 มิลลิกรัม
พันธุ์ข้าวพลายงาม 23.4 มิลลิกรัม
ปริมาณที่ควรได้รับจากสารกาบา
ในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณที่ควรได้รับ หรือ ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคกาบาต่อวันแต่อย่างใด แต่จากรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่า หากเป็นการได้รับกาบาในรูปแบบการรับประทานอาหารจากพืชชนิดต่างๆ ที่แหล่งของกาบา แล้วนั้น ก็ไม่น่าที่จะส่งผลกระทบ และผลเสียต่อร่างกายได้ แต่ที่ควรระมัดระวังในการใช้กาบา คือ การรับประทานในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยถึงการได้รับสารสกัดกาบา ว่าจะมีผลต่อสุขภาพอย่างไร และควรบริโภคในปริมาณเท่าใด
ประโยชน์และโทษของสารกาบา
สารกาบามีความสำคัญหลักๆ ในการทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท (Neurotransmilter) ประเภทสารยับยั้ง (Inhibitor) ในระบบประสาทส่วนกลางหลักการทำงานของสารกาบา คือ เมื่อสมอง หรือ ระบบประสาทของมนุษย์มีความเครียดมากๆ โดยอาจเกิดจากนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) หรือ อิพิเนฟริน (epinephrine) สารจากพวกนี้เป็นสารที่ทำให้ ตื่นเต้นเกิดความเครียด ความวิตกกังวล หรือ ความกลัว และเพื่อลดอาการเหล่านี้สมองจึงผลิตสารสื่อประสารทซึ่งกาบา เป็นหนึ่งในสารดังกล่าวที่มีผลยับยั้งระบบประสาทโดยจะทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ทำให้สามารถต้านทานคลื่นกระตุ้นประสาทได้ดีช่วยทำให้สมองผ่อนคลาย และนอนหลับสบาย หากในสมองมีสารกาบาน้อยเกินไปทำให้มีอาการวิตกกังวล เพราะหยุด หรือ ควบคุมความคิดของตนเองไม่ได้
โดย GABA ทำหน้าที่ส่งไอออนคลอไรด์กระจายเข้าสู่ภายในเซลล์ประสาทหรือส่งไอออนบวกของโพแทสเซียม ออกจากเซลล์ทำให้เนื้อเยื่อมีขั้วประจุเพิ่มขึ้น และเกิดการกระตุ้นเซลล์ลักษณะดังกล่าวเรียกว่า hyperpolarizing inhibition ในขณะที่บางเซลล์มีปริมาณไอออนคลอไรด์อยู่สูงกว่าระดับสมดุลย์ซึ่งทำให้เกิดกระแสคลอไรด์ภายใน และทำให้สูญเสียประจุจากเนื้อเยื่อ (depolarization) แต่ยังสามารถยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อได้ดังนั้นการกระตุ้นตัวรับส่ง GABA จะยับยั้งกิจกรรมภายในเซลล์ได้ไม่ว่าจะเกิดแบบ hyperpolarizes หรือ depolarizes ป้องกันโรคอ้วน โดยการลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ (TG) ในตับ และในกระแสโลหิต ทำให้น้ำหนักลดลง กระตุ้นต่อมไร้ท่อซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต สร้างเนื้อเยื่อ สร้างสารป้องกันการสะสมของไขมัน และ LDL (low density lipoprotein)
นอกจากนี้กาบายังมีประโยชน์อื่นๆ อีกเช่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยให้นอนหลับง่าย ช่วยลดความเครียด และภาวะซึมเศร้า ชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ลดความดันโลหิต และช่วยป้องกันโรคเรื้อรังได้อีกหลายโรค
การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวของกาบา
มีผลการศึกษาวิจัยของกาบาเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
ลดโรคเครียด โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการได้รับสารกาบา กรดอะมิโนกลูตามีน (glutamine) และกรดอะมิโนไกลซีน (glycine) เข้าสู่ร่างกายพบว่าสามารถช่วยลดการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และความรู้สึก เช่น การลดความเครียด ความกังวล อาการหลงลืม และอาการสั่นกระตุกได้ โดยกลไกการทำงานของสารกาบาจะเริ่มจาก สารกาบาจะไปจับกับตัวรับ (GABAA receptors) ทำให้คลอไรค์อิออน (Cl -) เข้าเซลล์มากขึ้น พร้อมกับขับไปแตสเซียมอิออน (K +) ออกจากเซลล์ จึงส่วผลให้ภายในเซลล์ประสาทมีความเป็นลบมากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ยากแก่การกระตุ้นเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทเกิดการผ่อนคลายได้
ยับยั้งการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง จากการศึกษาวิจัย ซึ่งได้ทำการทดลองโดยการให้สารสกัดกาบาในเซลล์ Mouse leukemia L1210, เซลล์ human acute lymphoblastic leukemia Molt4 และ human cervical cancer HeLa cells เปรียบเทียบกับการทดลองควบคุมที่ไม่ให้สารกสัดกาบา พบว่า สารกาบาสามารถยับยั้งการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งเหล่านี้ได้ นอกจากนี้สารสกัดกาบายังช่วยเพิ่มการเกิด apoptosis ของเซลล์ Mouse leukemia L1210 ได้อีกด้วย
ผลต่อการเรียนรู้และความจำ จากรายงานการศึกษาวิจัย พบว่าสารกาบา สามารถลดการเกิดอาการอัลไซเมอร์ และโรคผิดปกติของสมอง เช่น อาการหลงลืม และโรควิตกจริตได้ มีงานวิจัยหนึ่งที่สนับสนุนผลของสารกาบาต่อการเรียนรู้ที่จะส่งผลต่อการลดอาการของโรคอัลไซเมอร์ โดยได้ทำการทดลองในหนูพบว่าการบริโภคข้าวกล่องงอกที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมองจากสารเบต้า-อไมลอยด์เปปไทด์ (Beta-amyloid peptide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ได้
ลดความดันโลหิตสูง จากรายงานการศึกษาวิจัย โดยได้ทดลองใช้นมเปรี้ยวที่มีส่วนผสมของสารกาบากับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงในระดับกลาง (mild hypertensive) พบว่า ความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ และยังคงลดต่อเนื่องนานถึง 12 สัปดาห์ ตลอดระยะเวลาที่ได้มีการรับประทานนมดังกล่าวเข้าไป พบว่าค่าความดันโลหิตที่ลดลงไป จะมีค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตในช่วงหัวใจบีบตัว (systolicBP) ประมาณ 17.4+/-4.3 มิลลิเมตรปรอท และมีค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตในช่วงหัวใจคลายตัว (diastolic BP) ประมาณ 7.2+/-5.7 มิลลิเมตรปรอทที่สำคัญ ผลของการลดความดันโลหิตสูงแล้ว ยังลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากความดันโลหิตสูง เช่น โรคไต โรคหัวใจ หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และการเกิดโปรตีนในปัสสาวะ ได้อีกด้วย
ผลต่อการรักษาผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง จากรายงานการศึกษาวิจัยที่ได้ศึกษาปริมาณความเข้มข้นของไลโปโปรตีนโคเลสเตอรอลในซีรั่มของตับ และเอนไซม์ที่บ่งบอกถึงการถูกทำลายของตับ ได้แก่ เอนไซม์ alanine aminotransferase aspartate และเอนไซม์aminotransferase ในหนูที่ให้อาหารที่มีเอทานอล และอาหารที่มีเอทานอล และสารกาบาเพื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ให้อาหารอย่างเดียวที่เป็นชุดควบคุมเป็นเวลา 30 วัน พบว่า หนูที่ได้รับอาหารที่มีเอทานอลร่วมด้วยจะมีปริมาณ Serum low-density lipoprotein cholesterol (LDL-C) ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแดงแข็งในซีรั่ม โดยมีปริมาณของเอนไซม์ aspartate aminotransferase และ alanine aminotransferase เพิ่มขึ้นในขณะที่หนูที่ได้รับอาหารที่มีเอทานอล และสารกาบาจะมีปริมาณของ high-density lipoprotein cholesterol (HDL-C) ซึ่งเป็นโคเสลเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้น และยังลดปริมาณของเอนไซม์ที่ทำลายเซลล์ตับลง นอกจากนี้ยังพบว่าการได้รับสารกาบายังช่วยป้องกันการเพิ่มขึ้นของไตรกลีเซอไรด์ และปริมาณโคเลสเตอรอลรวม จากการได้รับเอทานอลเช่นกัน
ข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติ
ถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยที่บ่งชี้ว่า กาบามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สามารถป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความเป็นพิษของกาบา ออกมา รวมถึงในปัจจุบันก็ยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์ในการใช้ และรับประทานกาบา หรือ ปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันที่แน่ชัด ดังนั้นในการใช้กาบาในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรระมัดระวังในการใช้โดยความปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้เสมอ
เอกสารอ้างอิง กาบา
- อินทาวุธ สรรพวรสถิตย์ และคณะ. 2558. ผลของวิธีการหุงต่อปริมาณกรดแกมมาอะมิโนบิวทิริก (กาบา ) และสมบัติทางเคมีกายภาพของข่าวกล้องงอก. วารสารเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยสยาม. 10(1) : 30-41.
- จันทรพร ทองเอกแก้ว. คุณประโยชน์ของสารกาบาที่มีต่อสุขภาพ. วารสารวิทยาศาสตร์ มข.ปีที่ 43.ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2558 หน้า 205-211
- อิงฟ้า คําแพง, อรพิน เกิดชูชื่น และณัฏฐา เลาหกุลจิตต์. 2552. การเปลี่ยนแปลงสารอาหารของข้าว และธัญพืชในระหว่างการงอก. วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร. ปีที่ 40. ฉบับที่ 3. หน้า 341-344.
- ผศ.จุฬาภรณ์ เลิศบวรวงศ์.สารกาบ้า และกระบวนการแปรรูปอาหาร.วารสารอาหารปีที่ 40.ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2556. หน้า 23-29
- มณฑา หมีไพรพฤกษ์, นัตติกาล ปานสุด, ทรงพร วัฒนะโฉมยง. ปริมาณสารเบต้าแครอทีน กาบา และสารต้านอนุมูลอิสระของข้าว 4 สายพันธุ์. วารสารวิทยาศาสตร์แห่ลมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีปีที่ 15. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2531 .หน้า 11-17
- ชนากานต์ คํามี, สุภาพร ปานแก้ว, จุฬาลักษณ์ วิใจยา, พิมพาพรรณ ปฏิมา, จิตราภัทรณ์ กันธพงษ์ และ นพพล เล็กสวัสดิ์. 2557. กรดแอมิโนบิวทิริกในข้าวกล้องงอกมีบทบาทในการบํารุงระบบประสาทได้จริง หรือ (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.agro.cmu.ac.th/ absc/data/57/57-015.pdf. 2/3/2557
- Inoue, K., Shirai, T., Ochiai, H., Kasao, M., Hayakawa, K., Kimura, M. and Sansawa, H. (2003). Bloodpressure-lowering effect of a novel fermented milk containing gammaaminobutyric acid (GABA) in mild hypertensives. European Journal of Clinical Nutrition 57(3): 490-495
- Kayahara, H., Tsukahara, K. 2000. Flavor, health and nutritional quality of pre-germinated brown rice. Presented at 2000 Int Chem Congr Pac Basin Soc in Hawaii, December 2000
- Ito, S. and Ishikawa, Y. (2004). Marketing of valueadded rice products in Japan: Germinated Brown Rice and Rice Bread. FAO International Rice Year, 2004
- Lehninger, A.L., Nelson, D.L. and Cox, M.M. (1993), Principles of Biochemistry. 2 nd edition. New York: Worth publishers. pp. 714.
- Oh, C.H. and Oh, S.H. (2004). Effect of germinated brown rice extracts with enhanced levels of GABA on cancer cell proliferation and apoptosis. Journal of Medicinal Food 7(1): 19-23
- Tiansawang K., P. Luangpituksa, W. Varanyanond, and C. Hansawasdi 2014. GABA (GAMMA-AMINOBUTYRICACID) PRODUCTION OF MUNGBEAN (PHASEOLUS AUREUS) DURING GERMINATION AND THE COOKING EFFECT. J. Suranaree J. Sci. Technol. 21(4): 307-323.
- Mamiya, T., Kise, M., Morikawa, K., Aoto, H., Ukai, M. and Noda, Y. (2007). Effects of pregerminated brown rice on depression-like behavior in mice. Pharmacology Biochemistry and Behavior 86(1): 62-67
- Shelp, B. J., A. W. Bown and M. D. McLean, 1999. Metabolism and functions of γ-aminobutyric acid. J. Trends in plant science. 4: 446-452
- Oh, S.H., Soh, J.R. and Cha, Y.S. (2003). Germinated brown rice extract shows a nutraceutical effect in the recovery of chronic alcoholrelated symptoms. Journal of Medicinal Food 6(2): 115-121
- Matsumoto, Y., Ohno, K. and Hiraoka, Y. (1997). Studies on the utilization of functional food materials containing high levels of gammaaminobutyric acid (Part1). Ehime Kougi Kenkyu Houkoku (In Japanese) 35: 97-100
- Abdou, A.M., Higashiguchi, S., Horie, K., Kim, M., Hatta, H. and Yokogoshi, H. (2006). Relaxation and immunity enhancement effects of gammaaminobutyric acid (GABA) administration in humans. Biofactor 26(3): 201-208.
- Matsuyama, A., K. Yoshimura, C. Shimizu, Y. Murano, H. Takeuchi and M. Ishimotobut, 2009. Characterizationof glutamate decarboxylase mediating γ-amino butyric acid increase in the early germination stage of soybean (Glycine max [L.] Merr). J. Biosci. Bioeng. 107 (5): 538-543.
- Osen, R.W. and DeLrey, T.M. (1999). GABA Synthesis, Uptake and Release. In Basic Neurochemistry: Molecular, Cellular and Medical Aspects. 6 th edition. Siegel, G.J., Symposium Rome, Italy February 12, 2004.
- Zhang, Q., Xiang, J., Zhang, L., Zhu, X.F., Evers, J., der Werf, W. and Duan, L.s. 2014. Optimizing soaking and germination conditions to improve gamma-amino butyric acid content in japonica and indica germinated brown rice. Journal of Functional Foods. 10: 283291