คริโซฟานอล
คริโซฟานอล
ชื่อสามัญ Chrysophanol, Chrysiphanic acid, 1, 8-Dihydroxy-3-methylanthracene-9, 10-dione
ประเภทและข้อแตกต่างสารคริโซฟานอล
คริโซฟานอล (Chrysophanol) จัดเป็นสารแอนทราควิโนน (anthraquinone) ที่พบได้ในธรรมชาติชนิดหนึ่งโดยเป็นไตรไฮดรอกซีแอนทราควิโนนที่เป็นไครซาซินที่มีสารทดแทนเมทิลที่ C-3 มีสูตรทางเคมีคือ C15H10O4 มีมวลโมเลกุล 254.241 g/mol มีจุดหลอมเหลวที่ 196.1 องศาเซลเซียส ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพเป็นสีเหลืองทองหรือผงสีน้ำตาลละลายได้เล็กน้อยในน้ำ โดยจะได้เป็นสารละลายสีเหลืองซีดและจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเติมอัลคาไล และเมื่อละลายในกรดซัลฟิวริกเข้มข้นจะได้สารละลายสีแดง สำหรับประเภทของคริโซฟานอลนั้น จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลงานวิจัยต่างๆ พบว่าสารคริโซฟานอลนั้นมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น แต่ทั้งนี้คริโซฟานอล ยังมีอนุพันธ์ต่างๆ แยกย่อยอีกที อาทิเช่น 1, 8-Dihydroxy-2-methylonthracen-9, 10-dione และ chrysophanol-8-0-glucoside เป็นต้น
แหล่งที่พบและแหล่งที่สารมาคริโซฟานอล
สาร Chrysophanol ถูกแยกได้ครั้งแรกจากต้นรูบาร์บ (Rheum rhabarbarum) ซึ่งเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Polygonaceae ต่อมาจึงมีรายงานการศึกษาวิจัยว่าสามารถแยกสารดังกล่าวได้จากพืชชนิดอื่นๆ อีกอาทิเช่น ชุมเห็ดเทศ (Senna alata (L.) Roxb.) ชุมเห็ดไทย (senna tora (L.) Roxb.) ขี้เหล็ก (senna siamea (Lam.)) แสมสาร (senna garrettiana (craib) H.S.Irwin & Barneby) และโกศน้ำเต้า (Rheum palmatum L.) เป็นต้น โดยมีข้อมูลว่า ณ ปี พ.ศ.2562 สามารถพบพืชที่เป็นแหล่งของคริโซฟานอลถึง 65 สายพันธุ์จาก 14 สกุล นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าสามารถพบได้ในแมลงบางชนิดและในเชื้อรา 7 สกุล ได้แก่ Pleosporaceae, Dothideomycetes, Trichocomaceae, Cortinariaceae, Cortinariaceae, Didymellaceae, Montagnulaceae และ Hypocreaceae อีกด้วย
ปริมาณที่ควรได้รับสารคริโซฟานอล
สำหรับขนาดและปริมาณของสารคริโซฟานอล (chrysophanol) ในรูปแบบสารเดี่ยวที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยต่อวันนั้นในปัจจุบันพบว่ายังไม่มีการกำหนดเกณฑ์การใช้รวมถึงขนาดและปริมาณการใช้จากหน่วยงานี่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้สำหรับการใช้สารคริโซฟานอลในรูปแบบสารที่อยู่ในพืชบางชนิดที่เป็นสมุนไพรโดยใช้ร่วมกับสารอื่นๆ ในสมุนไพรชนิดเดียวกันนั้น จากการศึกษาค้นคว้าพบว่ามีการใช้ในรูปแบบยาชุมเห็ดเทศที่ใช้รักษาอาการท้องผูกโดยใช้ ใช้ใบ 8-12 ใบ ตากแดดให้แห้ง ป่นเป็นผงชงกับน้ำเดือด รินเฉพาะน้ำมาดื่มหรือ ใช้ดอก 1 ช่อกินสดๆ เป็นยาระบายหรือ ใช้ใบและก้านขนาดใหญ่ ประมาณ 3-5 ช่อ นำมาต้มกับน้ำประมาณ 2 ขัน (1500 ซี.ซี) ต้มให้เดือดเหลือน้ำประมาณ ½ ขัน ใส่เกลือพอมีรสเค็มเล็กน้อย ดื่มน้ำวันละ 1 แก้ว (250 ซี.ซี) ครั้งต่อไป รับประทานดอกครั้งละประมาณ 1 ช่อ อีกทั้งในปัจจุบันยังได้มีการจัดทำยาในตำรับยาสมุนไพร โดยให้ผลิตยาชุมเห็ดเทศขึ้นมาในรูปแบบแคปซูลและยาชงโดยมีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องผูกโดยให้มีขนาดการใช้ดังนี้ ยาชงรับประทานครั้งละ 1-2 ซอง (ใบชุมเห็ดเทศแห้งซองละ 3 กรัม) (3-6 กรัม) ชงในน้ำเดือด 120 มิลลิลิตร นาน 10 นาที วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ส่วนยาแคปซูลรับประทานครั้งละ 6-12 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
ประโยชน์และโทษสารคริโซฟานอล
ประโยชน์ของสารคริโซฟานอล (Chrysophanol) ที่มีรายงานการวิจัยนั้นระบุว่ามีฤทธิ์เป็นยาระบาย ใช้รักษาอาการท้องผูก ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันโรคเบาหวาน ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา รักษาโรคกลากเกลื้อน ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคหอบหืด โรคกระดูกพรุน โรคข้อเข่าเสื่อม และช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อมได้ เป็นต้น
ซึ่งจากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่าสารคริโซฟานอล เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ในการใช้สารดังกล่าวในรูปแบบสารสกัดแบบสารเดี่ยวก็ยังคงต้องรอการศึกษาวิจัย และพัฒนาเพิ่มเติมทั้งในด้านความปลอดภัย ขนาดและปริมาณที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยต่อไป
การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องของสารคริโซฟานอล
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยด้านเภสัชวิทยาของสารคริโซฟานอล (Chrysophanol) หลายฉบับดังนี้
ฤทธิ์รักษาอาการท้องผูก มีการศึกษาวิจัยโดยให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศแห้ง (ที่ประกอบไปด้วยสาร anthraquinone glycoside ได้แก่ isocrysophanol, physcion-l-glycoside, emodine, rhein, และ aloe-emodin ด้วยน้ำร้อนกับหนูแรททางปากในขนาด 500 และ 800 มิลลิกรัม/กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์ช่วยระบายและเมื่อให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำกับหนูเม้าส์ทางปากในขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5, 10 และ 20 กรัม/กิโลกรัม พบว่าทำให้หนูเม้าส์ถ่ายเหลวและการให้ในขนาดต่ำ (5 กรัม/กิโลกรัม) จะออกฤทธิ์ช้ากว่าในขนาดสูง (10 และ 20 กรัม/กิโลกรัม) และเมื่อกรอกสารสกัดชุมเห็ดเทศแก่หนูถีบจักรเพศผู้และเพศเมีย จับเวลาตั้งแต่กรอกยาจนกระทั่งหนูเริ่มถ่ายเหลว (onset time) เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำแทนสารสกัด พบว่า สารสกัดที่มีขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 10 กรัมต่อกิโลกรัม และ 20 กรัมต่อกิโลกรัม มีผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ มีการศึกษาวิจัยสาร chrysophanol จากใบชุมเห็ดเทศพบว่า มีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังได้แก่ Epidermophyton floccosum, Microsporium gypseum, Trichophyton rubrum, T.mentagrophytes และ M. canis เมื่อเทียบกับยา tolnaftate และยังมีการศึกษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคกลากและเกลื้อน โดยการทดลองฤทธิ์ต้านเชื้อราของสารคริโซฟานอลในชุมเห็ดเทศที่เป็นรูปแบบครีมความเข้มข้นร้อยละ 20 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกลาก 30 ราย และโรคเกลื้อน 10 ราย โดยศึกษาเปรียบเทียบกับการใช้ขี้ผึ้ง Whitfield พบว่าได้ผลใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้ผลในยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคพบว่าสารสกัดจากชุมเห็ดเทศสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคได้หลายชนิด เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิตผู้ป่วยที่มีรอยโรคที่เล็บและผม
ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งพบว่าสารดังกล่าว สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคโดยพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลชีพที่ก่อโรคได้หลายชนิด เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิต เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัด Chrysophanol ของใบชุมเห็ดเทศ ในการต้านเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลาก คือ Trichophyton mentagrophytes โดยใช้สารสกัดด้วยน้ำของใบชุมเห็ดเทศ พบว่าสามารถช่วยต้านเชื้อราที่เป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังดังกล่าวได้
ฤทธิ์ลดการอักเสบ มีรายงานว่า Chrysophanol สามารถยับยั้งการกระตุ้น T-Cell และปกป้องหนูจากโรคลำไส้อักเสบจาก dextran sulphate sodium ได้โดยแสดงให้เห็นว่าสามารถลดทอนไซโตไคน์ (Cytokines) ที่ก่อให้เกิดการอักเสบจากการอักเสบของลำไส้ที่เกิดจากโซเดียมซัลเฟต
ข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติ
ถึงแม้ว่าจะมีรายงานผลการศึกษาวิจัยของสารคริโซฟานอลที่ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญๆ หลายอย่างแต่ทั้งนี้ส่วนมากจะเป็นการศึกษาในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง ส่วนการศึกษาทางคลินิกก็จะมีเพียงฤทธิ์การระบายและบรรเทาอาการท้องผูก เท่านั้น สำหรับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ก่อนที่จะถูกนำมาใช้ในมนุษย์นั้นยังคงต้องรอการวิจัยเพิ่มเติมทั้งในด้านความปลอดภัย ขนาดและปริมาณในการใช้ต่อไป ส่วนการใช้สารคริโซฟานอล ในรูปแบบของยาบรรเทาอาการท้องผูกจากใบชุมเห็ดเทศทั้งในยาชง และแคปซูลนั้น มีข้อควรระวังดังนี้ อาการไม่พึงประสงค์ของยานี้ อาจทำให้เกิดอาการปวดมวนท้อง เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือผู้ป่วย inflammatory bowel disease และการรับประทานยานี้ในขนาดสูงอาจทำให้เกิดไตอักเสบ (nephritis อีกทั้งไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไปโดยเฉพาะโพแทสเซียม และอาจทำให้ลำไส้ใหญ่ชินต่อยา
เอกสารอ้างอิง คริโซฟานอล
- บวร เอี่ยมสมบูรณ์. ดงไม้.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, 2518.
- ฉัตรไชย สวัวดิไชย, สุรศักดิ์ อิ่มเอี่ยม.ชุมเห็ดเทศ. วารสารศูนย์การศึกษาแพทย์ศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้าปีที่ 34. ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2560. หน้า 352-355.
- วีณา ศิลปะอาชา. ตำรับยากลางบ้าน. กรุงเทพฯ: โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตัวเอง,2529.
- ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2562 (2562, 17 เมษายน). ราชกิจนุเบกษา. เล่ม 136 ตอนพิเศษ 95 ง. หน้า 8. (เอกสารแนบท้ายประกาศ หน้า 272)
- เกสร นันทจิต.ฤทธิ์ต้านจุลชีพของใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.). รายงานการวิจัยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2538.
- ชุมเห็ดเทศ. ฐานข้อมูลสมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- เสาวลักษณ์ พงษ์ไพจิตร. ฤทธิ์ต้านจุลชีพของสารสกัดจากพืชสกุล Cassia sp. รายงานการวิจัย สำนักงาคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2543.
- จินตนา สุทธชนานนท์ และคณะ. ฤทธิ์ต้านเชื้อราของใบชุมเห็ดเทศ. รวมบทคัดย่องานวิจัยการแพทย์แผนไทยและทิศทางการวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
- วันดี กฤษณพันธ์ แม้นทรวง วุฒิอุดมเลิศ มิลลิกา ไตรเดช สุภาวี อาชวาคม. การศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อราของสารแอนทราควิโนนจากใบชุมเห็ดเทศ. การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 24, 19-21 ตุลาคม ณ.ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพฯ, 2541.
- Reawthianchai S, Wacharothyangkul w, Chumsri P. The experimental and comparative in anthraquinones quality of Cassia species. Special project for the degree of B. Sc. (Pharm), Faculty of Pharmacy, Bangkok: Mahidol University 1980.
- Department of Medical Sciences. Ministry of Public Health. Herbal guideline for primary health care. Bangkok: Research and Development of Herbs Division; 1990.
- Thamlikitkul V, Dechatiwonges T, Chantrakul C, et al. Randomized controlled trial of Cassia Alata Linn. For constipation. J Med Assoc Thai 1990;73(4) :217-21.
- Lee HS, Jeong GS (March 2021). “Chrysophanol Attenuates Manifestations of Immune Bowel Diseases by Regulation of colorectal Cells and T Cells Activation In Vivo” Molecules. 26(6) : 1682.
- Rao JVLN, Sastry PSR, Poa RVK, Vimaladevi M. Occurrence of kaempferol and aloe-emodin in the leaves of Cassia alata. Curr Sci 1975;44 (20) : 736-7.
- Owoyale JA, Olatunji GA, Oguntoye SO. Antifungal and antibacterial activity of an alcoholic extract of Senna alata leaves. J Appl Sci Environ Mgt 2005; 9: 105-7.
- Elujoka BA, ajulo AA, Lweibo GO. Chemical and biological analysis of Nigerian cassia species for laxative activity. J Pharm Biomed Anal 1989;7 (12) : 1453-1457.
- Boonyaprapat N, Chokechaicharoenporn O. Traditional herbs. Bangkok: Prachachon; 1996.
- Mulchandani NB, Hassarajani SA. Isolation of 1,3,8-trihydroxy-2-methylanthraquinone from Cassia alata (leaves). Lbid 1975;14:2728B.