ถอบแถบเครือ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
ถอบแถบเครือ งานวิจัยและสรรพคุณ 16 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ถอบแถบเครือ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ขางขาว, ขางน้ำครั่ง, เครือไหลน้อย, ขี้อ้ายเครือ (ภาคเหนือ), เครือหม้วย (ภาคอีสาน), กะลำเพาะ, ทอบแทบ (ภาคกลาง), ลาโพ, หมากสง (ภาคใต้), ลำเพาะ, ตองตีน (ภาคตะวันออก)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Connarus semidecandrus Jack.
วงศ์ CONNARACEAE
ถิ่นกำเนิดถอบแถบเครือ
ถอบแถบเครือ จัดเป็นพืชในวงศ์ถอบแถบ (CONNARACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นของทวีปเอเชียโดยมีเขตการกระจายพันธุ์ใน ไทย ลาว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนต่างๆ ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยสามารถพบถอบแถบเครือ ได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณที่รกร้างว่างเปล่า ป่าดิบแล้ง ป่าละเมาะ และตามป่าผลัดใบ หรือ ตามริมฝั่งแม่น้ำ ที่มีความสูงเท่ากับระดับน้ำทะเลจนถึง 1,000 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณถอบแถบเครือ
- ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
- ใช้เป็นยาระบาย
- ช่วยขับพยาธิ
- ใช้เป็นยาแก้พิษต้านซาง
- ช่วยถ่ายเสมหะ
- แก้อัมพฤกษ์
- แก้หิด
- ใช้แก้ปวดท้อง
- ใช้แก้ท้องผูก
- แก้เจ็บหน้าอก
- ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
- ใช้ดื่มแก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ใช้เป็นยาบำรุงมดลูก
- ใช้รากรักษากาฬโรค
- แก้ตานขโมย
- แก้ไข้
ถอบแถบเครือ สามารถนำมาใช้รับประทานได้โดยมีการนำยอดอ่อนที่มีรสมันฝาดเล็กน้อย มารับประทานเป็นผักสดกับลาบ ก้อย หรือ นำมาลวกรับประทานร่วมกับน้ำพริกก็ได้เช่นกัน เช่นเดียวกันกับประเทศอินโดนีเซียที่นำใบอ่อนและยอดอ่อนของถอบแถบเครือ มารับประทานเป็นผักสด
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง เป็นยาพิษตานซาง ตานขโมย แก้ไข้ ถ่ายเสมหะ ขับพยาธิ ใช้เป็นยาระบาย โดยนำทั้งต้นถอบแถบเครือมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ไข้ ถ่ายเสมหะ โดยนำรากถอบแถบเครือมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ท้องผูก แก้เจ็บหน้าอก โดยนำใบถอบแถบเครือ มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้อัมพฤกษ์ โดยนำรากถอบแถบเครือมาต้มร่วมกับรากกะตังใบ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม
- ใช้แก้ปวดท้อง โดยนำเปลือกถอบแถบเครือมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้หิด โดยนำรากถอบแถบเครือ สดมาตำพอกบริเวณที่เป็น
- ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โดยนำใบถอบแถบเครือมาต้มกับน้ำใช้ล้างแผล
ลักษณะทั่วไปของถอบแถบเครือ
ถอบแถบเครือ จัดเป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น โดยเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดเล็กถึงใหญ่ สามารถเลื้อยขึ้นพาดพันไม้อื่นสูงได้ 2-6 เมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาลผิวค่อนข้างเรียบ หรือ อาจเป็นตุ่มเล็กๆ ทั่วทั้งเถา กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนขึ้นปกคลุม
ใบถอบแถบเครือ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงสลับบริเวณปลายกิ่งโดยในแต่ละช่อใบจะมีใบย่อย 3-7 ใบ ใบย่อยมีขนาดกว้าง 2-9 เซนติเมตร ยาว 4-25 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นรูปรียาว หรือ รูปใบหอก โคนใบมนสอบแคบปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้มค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนังและเป็นมัน หลังใบเรียบลื่น ส่วนท้องมีสีอ่อนกว่าหลังใบ ใบเรียบเป็นมันและเส้นใบมี 4-12 คู่
ดอกถอบแถบเครือ ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบและปลายกิ่ง โดยช่อดอกมีความยาวมากถึง 35 เซนติเมตร และในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกเป็นกระจุก ดอกย่อยมีขนาดเล็กมีกลีบดอก 5 กลีบ สีขาวและเปลือกเป็นสีขาว น้ำตาล เมื่อดอกแก่กลีบดอกเป็นรูปหอก หรือ รูปขอบขนานแคบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ดอกมีเกสรยื่นออกมาและมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เป็นรูปไข่ หรือ รูปรี ปลายทู่ หรือ อาจแหลม ด้านในเกลี้ยง ด้านนอกมีขนนุ่ม
ผลถอบแถบเครือ มีลักษณะเป็นกระเปาะสั้น ไม่มีเนื้อ ทรงกระบอกเบี้ยว มีสันเล็กน้อยกว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 1.5-3.5 เซนติเมตร และมีกลีบเลี้ยงติดคงทน เปลือกผลค่อนข้างบาง ผิวผลด้านนอกเรียบเกลี้ยง ด้านในมีขนนุ่ม ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มและเมื่อผลแก่จัดจะแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดมีเยื่อหุ้มสีเหลืองอมส้มที่โคนเมล็ดส่วนตัวเมล็ดมีสีดำ ผิวเรียบมัน
แหล่งที่มาภาพ ww.efloraofindia.com
การขยายพันธุ์ถอบแถบเครือ
ถอบแถบเครือ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่วิธีที่เป็นที่นิยม คือ การปักชำเนื่องจากเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและต้นพันธุ์จะเจริญเติบโตได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ด สำหรับวิธีการปักชำและการปลูกถอบแถบเครือนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการปักชำและการปลูกไม้เถาเลื้อยชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดเอทานอลจากทุกส่วนของถอบแถบเครือ ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น Ethanol, 2-(1-methylethoxy), acetate, Acetic acid, Trehalose, Dihydroxyacetone, Glycerin, Maltol, 2,6-Dimethoxyhydroquinone, 5-Hydroxymethylfurfural,1,2,3-Propanetriol, 1-acetate,2-Propanone, 1-hydroxy, Glyceraldehyde, 2-Furanmethanol, Benzoic acid, Catechol, Hexadecanoic Acid และ 2-Pyrrolidinone เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของถอบแถบเครือ
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดถอบแถบเครือ จากทุกส่วนของถอบแถบเครือระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านผมร่วงของสารสกัดเอทานอลจากส่วนเหนือดินของถอบแถบเครือ พบว่าสารสกัดดังกล่าวช่วยลดการแสดงออกของ androgenic receptor และช่วยยับยั้งการตายของเซลล์ผม ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของ Bcl-2 ในระดับ mRNA และโปรตีน อีกทั้งในการทดลองแบบ in vitro สารสกัดดังกล่าวยังมีผลยับยั้งกิจกรรมของ 5-α reductase และการแพร่กระจายของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสารสกัดจากส่วนต่างของถอบแถบเครือ ยังมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางและมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของถอบแถบเครือ
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการใช้ถอบแถบเครือ เป็นยาสมุนไพรนั้น ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานเกินไปเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง ถอบแถบเครือ
- พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. ถอบแถบเครือ. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. หน้า 118.
- วงศ์สถิตย์ ฉั่วกุล, วิชิต เปานิล, รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล และคณะ. สมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. ใน: วงศ์สถิตย์ ฉั่วกุล, พร้อมจิต ศรลัมพ์, วิชิต เปานิลและคณะ (บรรณาธิการ). สมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. กรุงเทพมหานคร. อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จํากัด (มหาชน), 2539: น. 1-262
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. ถอบแถบเครือ. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 324-325.
- วงศ์สถิต ฉั่วกุล. สมุนไพรพื้นบ้านแก้อัมพฤกษ์และอัมพาต. วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพปีที่ 5 ฉบับที่ 3. กรกฎาคม-กันยายน 2553. หน้า 193-200.
- ดร.นิจศิริ เรืองรังสี, ธวัชชัย มังคละคุปต์. ถอบแถบเครือ (Thopthaep Khruea) หนังสือสมุนไพรไทย, เล่ม 1. หน้า 135.
- Wantana, R.; Subhadhirasakul, S.; Kritawan, M.; Kaesorn, N.; Gomol, R.; Hiromitsu, T. Antipyretic activity of Connarus semidecandrus extract in rats. Songklanakarin J. Sci. Technol. 2000, 22, 191-198.
- Nunes Alves Paim, L.F.; Patrocínio Toledo, C.A.; Lima da Paz, J.R.; Picolotto, A.; Ballardin, G.; Souza, V.C.; Salvador, M.; Moura, S. Connaraceae: An updated overview of research and the pharmacological potential of 39 species. J. Ethnopharmacol. 2020, 261, 112980.
- Vidal JE. Connaraceae. In: Smitinand T, Larsen K (eds.). Flora of Thailand, Vol. 2 Part 2. Bangkok. Chutima Press, 1972: pp.25-26.
- Junsongduang, A.; Kasemwan, W.; Lumjoomjung, S.; Sabprachai, W.; Tanming, W.; Balslev, H. Ethnomedicinal knowledge of traditional healers in Roi Et, Thailand. Plants 2020, 9, 1177.
- Rideley, H.N. The flora of the Malay Peninsula. Nature 1923, 111, 6-7.