ตีนเป็ดน้ำ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ตีนเป็ดน้ำ งานวิจัยและสรรพคุณ 26 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ตีนเป็ดน้ำ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ตีนเป็ดทะเล, ตีนเป็ด (ภาคกลาง), ตุม, ตูม (กาญจนบุรี), สั่งลา (กระบี่), มะตะกอ (มลายู)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cerbera odollam Gaeeth
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Cerbera dilatata Markgr., Cerbera forsteri Seem., Cerbera lactaria Buch.-Ham. Ex Spreng., Tanghinia lactaria (Buch.-Ham.) ex Spreng.) G.Don Tang odolam Odolamia malabarica Raf.
ชื่อสามัญ Pong pong
วงศ์ APOCYNACEAE


ถิ่นกำเนิดตีนเป็ดน้ำ

ตีนเป็นน้ำ (ตีนเป็นทะเล) จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดบริเวณภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น ศรีลังกา อินเดีย เนปาล รวมถึงจีนตอนใต้ จากนั้นจึงได้มีการกระจายพันธุ์ไปยังบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่า ไทย เวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้มากทางภาคใต้ของประเทศบริเวณ ป่าชายเลน บึงน้ำจืด และตามป่าชายหาดทั่วไป


ประโยชน์และสรรพคุณตีนเป็ดน้ำ

  • ใช้แก้หวัด
  • แก้อาเจียนเป็นเลือด
  • ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง
  • แก้กลากเกลื้อน
  • ใช้ขับโลหิต
  • แก้ริดสีดวงทวาร
  • ใช้ขับนิ่ว
  • แก้ไข้
  • แก้บิด
  • ใช้เป็นยาถ่ายยาระบายขับพยาธิ
  • แก้หลอดลมอักเสบ
  • ช่วยให้เจริญอาหาร
  • ช่วยสมานลำไส้
  • แก้หิด
  • แก้ผมหงอก
  • ใช้เบื่อปลา
  • ใช้ขับเสมหะ
  • ช่วยขับผายลม
  • ใช้ฆ่าเหา
  • รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง
  • แก้ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ
  • บำรุงรักษาขน
  • ใช้ขับน้ำคาวปลาในสตรีคลอดบุตร
  • ใช้แก้ไข้ตัวร้อน
  • ไข้เหนือ
  • แก้โลหิตพิการ

           นอกจากนี้ยังมีการใช้ตีนเป็ดน้ำ ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาตามสวนสาธารณะ อาคาร สถานที่ ตามลานจอดรถ หรือ ริมถนนเนื่องจากต้นตีนเป็ดน้ำมีทรงพุ่มสวยงาม ดอกสวย มีกลิ่นหอม ใบไม่ค่อยหลุดร่วง


รูปแบบและขนาดวิธีใช้ตีนเป็ดน้ำ

ใช้แก้ปวดตามข้อ และปวดตามกล้ามเนื้อ โดยใช้ผลมาเผาไฟแล้วจึงนำไปตำผสมกับน้ำมันพืชแล้วจึงนำไปทาบริเวณที่ปวด ใช้แก้ลมให้กระจาย ขับผายลม ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้อาเจียน โดยใช้รากแห้งมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้กระจายเลือดลม กระจายลมอันฑพฤกษ์ แก้อัมพาต โดยใช้แก่นไม้แห้งมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้อาการบิด สมานลำไส้ แก้หลอดลมอักเสบ ขับนิ่ว แก้ไข้ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบาย เป็นยาถ่าย ขับพยาธิ โดยใช้เปลือกต้นตากให้แห้งแล้วจึงนำมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้ขับน้ำคาวปลาในสตรีคลอดบุตรโดยใช้เนื้อไม้ต้มกับน้ำดื่มวันละ 2-4 ครั้ง รักษาโรคริดสีดวงทวาร รักษาโรคผิวหนัง โดยนำผลสดมาเผาไฟให้ร้อน และเอาผ้าห่อประคบบริเวณที่เป็น ใช้ฆ่าเหา รักษาหิด โดยนำเมล็ดบดให้ละเอียดผสมน้ำ นำมาสระผม หรือ มาบริเวณที่เป็นหิด ใช้แก้ไข้ตัวร้อน ไข้เหนือ และโลหิตพิการ โดยใช้ดอกแห้งมาต้มกับน้ำดื่ม มีการใช้เมล็ด และน้ำมันจากเมล็ด เป็นยาใส่ผมแก้ผมหงอก และบำรุงรักษาขน ใส่ผมเป็นยาแก้เหา โดยใช้ส่วนผสมของเมล็ดตีนเป็ดน้ำ กับน้ำในอัตราส่วน 1:1 และยังใช้เมล็ดเป็นยาเบื่อปลา ส่วนน้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นยาฆ่าแมลง


ลักษณะทั่วไปของตีนเป็ดน้ำ

ตีนเป็ดน้ำ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ เรือนยอดแผ่กว้างเป็นทรงกลมทึบ หรือ ทรงร่ม ความสูงของต้นประมาณ 5-15 เมตร แตกกิ่งก้านต่ำ เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือ เทา และมีช่องระบายอากาศเป็นร่องยาว มีน้ำยางสีขาวข้น

           ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามบริเวณปลายกิ่งโดยจะออกรอบวงกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับแกมรูปหอก หรือ รูปขอบขนานแกมใบหอก โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ใบมีขนาดกว้าง 2.5-8 ซม. ยาว 9-30 ซม. ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบหนาเรียบเกลี้ยง ผิวเป็นมัน มีเส้นแขนงใบ 12-25 เส้น และมีก้านใบยาว 2-3 ซม.

           ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกแขนงตามปลายกิ่ง ซึ่งช่อดอกจะยาวประมาณ 8-35 ซม. โดยแต่ละช่อมีดอกย่อยสีขาว ประมาณ 10-14 ดอก และจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกย่อยมี 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอดโดยหลอดกลีบยาวประมาณ 1-2 ซม. แฉกกลีบยางประมาณ 1.2-3.8 ซม. เรียงซ้อนทับกัน ปลายกลีบดอกแหลม เมื่อดอกบานจะมีแต้มเหลือง ตรงกลางดอก และมีก้านดอกยาวประมาณ 1-4 ซม. เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 6-7 ซม.

           ผล เป็นผลสดแบบมีเนื้อรูปทรงกลม หรือ ค่อนข้างกลมรีเป็นสองพูตื้นๆ มีขนาดกว้าง 6 ซม. ยาว 7 ซม. ผิวผลเรียบเนียนกว้างเป็นมัน มีจุดเล็กๆ สีขาวกระจายทั่ว ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ภายในผลมีเมล็ดขนาดใหญ่รูปรีแข็ง และเบามีประมาณ 1-2 เมล็ด ซึ่งเมล็ดสามารถลอยน้ำได้

ผลตีนเป็นน้ำ

ตีนเป็นน้ำ

การขยายพันธุ์ตีนเป็ดน้ำ

ตีนเป็ดน้ำ สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธีอาทิเช่น การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด แต่วิธีที่เป็นที่นิยม คือ การเพาะเมล็ด และยังเป็นพรรณไม้ที่ปลูกได้ดีในทุกสภาพดิน ชอบแสงแดดเต็มวัน เจริญเติบโตได้เร็ว และไม่ต้องการดูแลมาก สำหรับการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่งของต้นเป็ดน้ำนั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของตีนเป็ดน้ำ ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด

           สารสกัดจากเปลือกลำต้นพบสาร triticusterol 2, 6-dihydroxy-4-methoxy benzoic acid, 2-hydroxy-4-methoxy-6-methyl benzoic acid

           ส่วนสารสกัดจากเมล็ดพบสาร vebioside, Deacetyl-tanghinin, neriifolin, tanghinin, monoacetylneriifolin 17 alpha-neriifolin, 17 beta-neriifolin, cerberin เป็นต้น

โครงสร้างตีนเป็ดน้ำ

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของตีนเป็ดน้ำ

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาสารสกัดจากเมล็ดและเปลือกต้นของตีนเป็ดน้ำ ระบุว่า

           ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ และเสริมยานอนหลับ มีรายงานการทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพโดยใช้สารสกัด methanol จากเมล็ดตีนเป็ดน้ำ ทดสอบกับเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก และแกรมลบ ด้วยวิธี agae well diffusion method โดยใช้สารสกัดขนาด 500 ไมโครกรัม/หลุม เปรียบเทียบกับสารมาตรฐาน gentamicin 30 ไมโครกรัม/หลุม จากการทดสอบพบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพในระดับปานกลางในการต้านเชื้อ salmonella typhi, streptococcus pyogenes, Streptpcoccus saprophyticus (เชื้อเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อจากอาหารเป็นพิษ ไข้รูห์มาติก และติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ) โดยมีบริเวณใสในการยับยั้งเชื้อ (zone of inhibition) เท่ากับ 15, 11, 16 มิลลิเมตร ตามลำดับ (ซึ่งยามาตรฐาน gentamicin มี zone of inhibition เท่ากับ 28, 28, 30 มิลลิเมตร ตามลำดับ)

           ส่วนสารสกัดเอทานอลจากเมล็ด เมื่อให้หนูถีบจักรสายพันธุ์ Swiss-albino ขนาด 25 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ก่อนเป็นเวลา 60 นาที หลังจากนั้นจึงฉีดยานอนหลับ pentobarbital ขนาด 45 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม เข้าทางบริเวณช่องท้องของหนู พบว่ามีผลเพิ่มระยะเวลาการนอนหลับให้ยาวนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าระยะการนอนหลับโดยรวมของหนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัด และหนูกลุ่มควบคุมเท่ากับ 56.45+-5.61, 49.09+-2.44 นาที ตามลำดับ และทำให้ลดพฤติกรรมการสำรวจของหนูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อทดสอบด้วยวิธีพื้นที่เปิดโล่ง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม และวี hole cross (พฤติกรรมการข้ามจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง)

           อีกทั้งยังพบว่าสารสกัดจากใบของตีนเป็ดน้ำยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยมีการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเอทิลอะซิเตต จากใบตีนเป็ดน้ำ พบว่าสามารถกำจัดอนุมูล DPPH ได้ดีที่สุด และรีดิวซ์ Fe ได้ดีที่สุด (2.08+-0.42 มิลลิกรัม วิตามินซี สมมูลต่อกรัมของส่วนสารสกัด) แต่มีความสามารถในการจับกับไอออน Fe ได้น้อยกว่าส่วนสกัดเฮกเซน นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นของตีนเป็ดน้ำยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ตานเชื้อจุลชีพ และขับปัสสาวะ อีกด้วย


การศึกษาทางพิษวิทยาของตีนเป็ดน้ำ

มีการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของส่วนยาง และสารสกัดจากเมล็ด, ผล และใบของตีนเป็ดน้ำ ระบุถึงความเป็นพิษดังนี้ น้ำยางสีขาวจากต้น ผล รวมถึงเมล็ด พบสารพิษกลุ่ม cardiac glycoside เช่น cerberin, carebroside, cerberetin, odollin และ thevobioside เป็นต้น

           ส่วนสารสกัดจากเนื้อในเมล็ดพบว่ามีความเป็นพิษสูงมาก โดยเมื่อทดสอบกับไรน้ำเค็ม พบว่าค่าความเข้มข้นที่ทำให้ไรน้ำเค็มตายครึ่งหนึ่ง เท่ากับ 3 มคก./มล. นอกจากนี้ยังมีรายงานความเป็นพิษในผู้ป่วย 6 ราย ที่รับประทานเมล็ดของลูกตีนเป็ดไป ½-1 เมล็ด พบว่าผู้ป่วยหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ คลื่นไส้ อาเจียน และรายหนึ่งเสียชีวิตอีกด้วย


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ส่วนของน้ำยางผล และเนื้อในผลมีสารพิษกลุ่ม cardiac glycoside ซึ่งหากสัมผัสโดยจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังแพ้เป็นผื่นแดง หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้ แต่หากเคี้ยวผล หรือ ส่วนเนื้อในของเมล็ด จะทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน ภายในช่องปาก คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ ท้องเสีย ง่วงนอน ม่านตาขยาย ความดันโลหิตลด การเต้นของหัวในผิดปกติ ชีพจรเต้นช้า และถึงตายได้ นอกจากนี้ส่วนของเมล็ดยังมีฤทธิ์เป็นยาถ่าย และเป็นยาที่ทำให้แท้งบุตรได้ ดังนั้นสตรีมีครรภ์ห้ามใช้ตีนเป็ดน้ำเป็นยาสมุนไพร เด็ดขาด


เอกสารอ้างอิง ตีนเป็ดน้ำ
  1. เต็ม สมิตินันท์. (๒๕๕๓). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการ อนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม.
  2. พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ. ตีนเป็ดน้ำ . หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. หน้า 100.
  3. ราชัน ภู่มา. (๒๕๕๙). สารานุกรมพืชในประเทศ (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖. พรรษา. กรุงเทพฯ : สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการ อนุรักษ์ป่าไม้ และพันธุ์พืช กรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม.
  4. ดร.นิจศิริ เรืองรังสี. ดร.ธวัชชัย มังคละคุปต์. ตีนเป็ดน้ำ. หนังสือสมุนไพรไทยเล่ม 1. หนน้า 130.
  5. สุธิดา ไชยราช, ชลธิชา สว่างวงศ์. 2548. คู่มีอฐานข้อมูลพืชพิษ. ดิจิตัล เอ็กซ์-ชายด์ จำกัด:กรุงเทพมหานคร.
  6. กรมวิชาการเกษตร. (๒๕๔๓). พรรณไม้หอมเฉลิมพระเกียรติพระบาทมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : กรมวิซาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
  7. ผาญิตา เอี้ยวซิโป, แวววลี โชคแสวงการ, ชฎาพร พรมแดน, พิมพ์หทัย นิลเกษม. ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดใบตีนเป็ดน้ำ และใบตีนเป็ดทราย. วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา ปีที่ 22. (ฉบับพิเศษ) การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาศาสตร์วิจัยครั้งที่ 9. หน้า 129-140.
  8. ตีนเป็ดน้ำ. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http:///www.pargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=138.
  9. Hasan, C.M., Kuddus, M.R., Rumi, F. and Masud, M.M.2011 Phytochemical screening an activity studies of cerbera odollam gaertn. Int. d. Pharma. and Bio. Sci. 2, ISSN 0975-6299.
  10. Laphookhieo, S., Cheenpracha, S, Karalai, C., Chantrapromma, s, Pongimanont, c. and 196906m2 ศารธอ msllobo Chantrapromma, K,, Cytotoxic cardenolide glycoside from the seeds of Cerbera odollam. Phytochemistry, 2004; 65(4):507-510.
  11. )Laphookhieo, S., Cheenpracha, S., Karalai, C., Chantrapromma, S., Rat-a-Pa, Y, Ponglimanont, c. and Chantrapromma, K. 2004. Cytotoxic Cardenolide Glycoside From the seeds of cerbera odollam Phytochemistry. 65,507-10.
  12. Somwang, T. & Wanichwatanadecha, P. (2015), Comparative study of antibacterial activity of extracts from Cerbera odollam and Cerbera manghas leaves. In Proceedings of The T" National Science ResearchConference. (pp. 1-5). Phitsanulok: Naresuan University. (in Thai)
  13. Syarifah, M.M.S., Nurhanan, M.Y., Hafiz J. M., IIham,A.M., Getha, k., Asiah, O., Norhayati, 1, Sahira,H.L. andSuryani, S.A. 2011, Potential anticancer compound from Cerbera Odollam. J. Tropical Forest sci.23,89-96.
  14. Bitset, N.G., The occurrence of alkaloids in the Apocynaceae. Part II. A recent developments. In Annales Bogoriensis, 1961; 4: 65-144. 13. Laphookhieo, S., Cheenpracha, S., Karalai, C., Chantrapro mma, S., Ponglimanont, C. and Chantrapromma, K., Cytotoxic glycoside from the Cerbera llam. ytochemistry, 2004; 65(4): 507-510.
  15. Bitset, N.G. 1961. Cardiac glycosides, apocynaceae: A preliminary paper chromatographic glycosides from some species of Cerbera L. including Tanghiniab Thouars. Annales Bogorienses. Vol.
  16. chwatanadecha,P., Kasempin, N., Wilatong, S. and Khoonthong, W. (2015) Antibact Cerbera odollam Gaertn. extract against plant pathogenic Xanthomonas. In Proceedings of Pure and Applied Chemisty International Conference 2015 (PACCON 2015). (pp. 501-204). Bangkok: The Chemical Society of Thailand under the Patronage of Her Royal Highness Princess Chulabhorn Mahidol and Department of Chemistry, Faculty of Science, King Mongkut's University of Technology Thonburi.
  17. Ahmed F, Amin R, Shahid IZ., Sobhani MME. Antibacterial, cytotoxic and neuropharmadological activities of Cerbera odollam seeds. Oriental Pharmacy and Experimental Medicine. 2008;8(4):323-28.
  18. occhi, U. (20T2). CRC World Dictionary of Medicinal and Poisonous Plants: Common Na names, Eponyms, Synonyms and Etymology. Florida: CRC Press.