ผักอีนูน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ผักอีนูน งานวิจัยและสรรพคุณ 15 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ผักอีนูน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ผักนางนูน, ผักอะนูน (ภาคกลาง), ผักสาบ (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Adenia viridiflora Craib.
วงศ์ PASSIFLORACEAE


ถิ่นกำเนิดผักอีนูน

ผักอีนูนจัดเป็นพืชพื้นเมืองของไทย โดยมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในบริเวณประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะพบตามป่าเบญจพรรณ, ป่าเต็งรัง และป่าเต็งรังผสม สำหรับในประเทศไทยพบผักอีนูน ได้เกือบทั่วทุกภาคของประเทศยกเว้นภาคใต้ แต่จะพบได้มากในอุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ลพบุรี และนครราชสีมา


ประโยชน์และสรรพคุณผักอีนูน

  • บำรุงตับ
  • บำรุงเลือด บำรุงเลือดในสตรีหลังคลอด
  • แก้ท้องเสีย
  • แก้ไข้
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • แก้ปัสสาวะเป็นหนอง
  • แก้ตานซาง
  • แก้ไข้ออกตุ่ม
  • แก้ไข้เหงื่อออก
  • แก้วิงเวียน
  • แก้น้ำลายเหนียว
  • ช่วยเรียกน้ำย่อย
  • ช่วยเจริญอาหาร
  • แก้ไอ
  • แก้เป็นลม

           มีการนำผักอีนูน มาใช้รับประทานมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว โดยมีการระบุว่า ใบอ่อน ดอก และผลอ่อน ให้รสหวานมัน อมขมนิดๆ ติดลิ้น และเป็นผักป่าที่หารับประทานได้ยาก ซึ่งจะใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือ ใช้ลวกให้สุกรับประทานกับน้ำพริก หรือ กินกับอาหารรสจัดต่างๆ หรือ นำยอดอ่อนมาปรุงเป็นแกงคั่ว แกงเลียง แกงส้ม แกงอ่อม แกงแค แกงเปรอะ ส่วนช่อดอก และผลอ่อนก็นิยมนำมาดองรับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกได้อีกด้วย

           นอกจากนี้พรานป่ารู้จักผักอีนูนในชื่อว่า เครือน้ำ อีกด้วย เนื่องจากเถาผักอีนูนจะสะสมน้ำเอาไว้มาก เมื่อเวลาเดินป่า ขาดน้ำกิน ก็อาศัยตัดเถา หรือ เครือผักอีนูนรองกินน้ำที่หยดออกมาจากเถานั้นกินได้

ผักอีนูน

รูปแบบและขนาดวิธใช้

  • ใช้บำรุงตับ บำรุงเลือดหลังคลอด รสขมช่วยเรียกน้ำย่อย ช่วยย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้ การแก้ท้องเสีย โดยนำยอดอ่อนใบอ่อน ผลอ่อน มารับประทาน โดยอาจจะนำไปลวกรับประทาน หรือ นำไปประกอบอาหารรับประทานก็ได้
  • ใช้บำรุงเลือด โดยนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม 
  • ใช้แก้โรคปัสสาวะเป็นหนอง โดยนำรากผักอีนูน กับเถาผักฮ้วนหมู (กระทุงหมาบ้า) มาแช่น้ำ หรือ ต้มกับน้ำดื่ม  
  • ใช้แก้ตานซาง หรือ ร่างกายได้รับอาหารไม่สมดุล โดยนำส่วนของเครือ หรือ เถาผักอีนูนผสมกับเครือผักหวานบ้าน เครือดอกซ้อนน้อย (พุดซ้อน) และผลฝรั่งไส้มีขาวอย่างละเท่าๆ กันแช่น้ำใช้ดื่ม และอบ
  • ใช้แก้ไข้เหงื่อออก วิงเวียน น้ำลายเหนียว เป็นลม โดยนำรากผักอีนูน รากตะไคร้ รากถ่อน รากผักหวานบ้าน และรากย่านาง ฝนใส่น้ำข้างทาตามร่างกาย
  • ใช้แก้ไข้ออกตุ่ม แก้อาการไอ โดยใช้รากผักอีนูน เครือเขาแกบ  และรากกระดูกไก่ขาวฝนใส่น้ำรับประทาน


ลักษณะทั่วไปของผักอีนูน

ผักอีนูน จัดเป็นไม้เถาเลื้อยที่ชอบเลื่อยเกาะพาดพันต้นไม้อื่นๆ เถามีลักษณะกลม ผิวเรียบ สีเขียวเข้มแต่เมื่อมีมือเกาะตามข้อเถา เถาแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และเปลือกผิวจะขรุขระ และมีร่องเล็กๆ ตามเถาส่วนปลาย เถา หรือ บริเวณใกล้ยอดอ่อนจะเป็นสีม่วงแดง ส่วนราผักอีนูน มีทั้งรากแก้ว และรากฝอย อยู่ลึกไปในดินประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเยื้องสลับกันใบมีลักษณะรูปหัวใจ โคนใบเว้าลึกมาหาขั้วใบ ปลายใบแหลม แผ่นใบบางเรียบ มีสีเขียวเข้ม ขนาดใบกว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 8-15 เซนติเมตร เส้นกลางมีขนาดใหญ่ และมีเส้นแขนงใบแยกออกเป็นเส้นเล็กๆ 10-12 เส้น มีมือจับเป็นเส้นสีเขียวขนาดเล็กที่ซอกใบ ส่วนก้านใบสั้นและมีหูใบ 1 คู่ ดอกออกเป็นช่อบริเวณซอกใบที่อยู่ปลายกิ่ง โดยในแต่ละช่อมีก้านดอกยาวประมาณ 3 เซนติเมตร และจะมีดอกย่อย 1-3 ดอก ดอกย่อยมีกลีบดอกสีเขียวที่โคน และสีเหลืองที่ปลายดอกจำนวน 5 กลีบ ขนาดกว้าง 1 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น 5 แฉก ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 4-5 อัน และมีเกสรตัวเมีสีเหลือง 1 อัน ผลเป็นผลสดทรงกลม สีเขียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะมีสีส้มและเมื่อแก่จัดจะมีสีดำ และจะแตกเป็น 3 แฉก ด้านในผลมีเมล็ดสีเทาขนาดกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 0.8 เซนติเมตร อยู่ประมาณ 5-21 เมล็ด

ผักอีนูน

ผักอีนูน

การขยายพันธุ์ผักอีนูน

ผักอีนูนสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ แต่ในปัจจุบันพบว่าการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดจะมีอัตราการงอกต่ำจึงไม่นิยมทำวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ในปัจจุบัน คือ การปักชำ และการตอนกิ่ง ซึ่งวิธีการปักชำเถาผักอีนูนนั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการปักชำ ไม้เถาเลื้อยชนิดอื่นๆ ซึ่งได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ (เช่น สะค้าน) แต่ทั้งนี้ในการปักชำเถาผักอีนูน นั้น ต้องทำร้าน หรือ คาง ที่มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร ด้วยเนื่องจากเมื่อเถาผักสาบพันขึ้นค้างแล้ว จะแตกกิ่งก้านสาขามาก โดยสาขาหนึ่งจะมีข้อปล้อง และตายอด ตาดอก ออกตามข้อเป็นจำนวนมาก เมื่อแตกยอดยาวก็สามารถเก็บยอดวิธีใช้กรรไกรตัด หรือ เด็ด จากนั้นก็จะแตกยอดใหม่ต่อไป


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของใบอ่อน ผลอ่อน และส่วนยอดของผักอีนูนระบุว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดได้แก่ sinapic acid, ferulic acid, gallic acid, apigenin, ƿ-coumaric acid, naringenin และ caffeic acid เป็นต้น นอกจากนี้ส่วนที่กินได้ของผักอีนูน (ยอด, ใบ, ดอก, ผลอ่อน) ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

           ผักอีนูนส่วนที่รับประทานได้ (ยอด, ใบ, ดอก, ผลอ่อน) (100 กรัม)

  • โปรตีน                         1.7                   กรัม                 
  • แคลเซียม                   62                   มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก                     2.1                  มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ                     3800                หน่วยสากล
  • วิตามิซี                       54                    มิลลิกรัม

โครงสร้างผักอีนูน

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของผักอีนูน

จากการศึกษาค้นคว้าพบว่ามีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของผักอีนูน น้อยมาก จากที่ได้ค้นคว้ามามีเพียงการศึกษาวิจัยของไทยเพียงฉบับเดียวที่ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาดังนี้

           สารสกัดน้ำผักอีนูน ของใบและยอดอ่อน มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์หลักที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน (lipese) เบาหวาน (α-glucosidase และ dipeptidyl peptidase-IV) ความดันโลหิตสูง (angiotensin-converting enzyme) และโรคอัลไซเมอร์ (cholinesterases and β-secretase)


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของผักอีนูน

ไม่มีข้อมูล


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการใช้ผักอีนูน เป็นอาหาร น่าจะมีความปลอดภัยสูง แต่สำหรับการใช้ในรูปแบบสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกัน กับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมตามที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาด และปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลนานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้

เอกสารอ้างอิง ผักอีนูน
  1. กัญจนา ดีวิเศษ, จริญญา อาภาศรีทองกุล, ชัยพร กลิ่นจันทร์ และสุรีย์พร ลีลพนัง.(2548). ผักพื้นบ้านภาคกลาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. บริษัท สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด : กรุงเทพมหานคร. 280 หน้า
  2. เรณู ขำเลิศ, อัศจรรย์ สุขธำรง, ปริญญา เทพณรงค์, ปิยะรัษฏ์ ปริญญาพงษ์ เจริญทรัพย์ และพรชัย จุฑามาศ. (2561). การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ผักอีนูน. วารสารแก่นเกษตร ปีที่ 46 ฉบับที่ 1 (พิเศษ). หน้า 55
  3. ทักษิณอาชาคม. ผักสาบ.พืชกินได้ในป่าสะแกราช.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) หน้า 13-14.
  4. สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2542. ผักพื้นบ้านภาคกลาง 279 หน้า.
  5. ศูนย์ศึกษา และพัฒนาวนศาสตร์ชุมชนที่ 14 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขานครสวรรค์กรมป่าไม้. (2553) รายงานการศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่อง "ผักอีนูน" ผักเศรษฐกิจจากป่าชุมชน.
  6. เรณู ขำเลิศ. โครงการคนรักษ์ปลูกเลี้ยงเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังเก็บเกี่ยว ผักอีนูน (Adenia viridiflora Craib) เพื่อเข้าสู่ระบุเชิงพาณิชย์. รายงานการวิจัย ปีงบประมาณ 2561. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี. 124 หน้า
  7. ผักอีนูน หรื ผักสาบ ผักเศรษฐกิจตัวใหม่ รสหวานมันอมขม สรรพคุณ และวิธีปลูก.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อพืชเกษตรไทย (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.puechkaset.com
  8. Polito, L: Bortolotti, M; Maiello,S.; Battelli, M.G.; Bolognesi , A. Plants producing ribosome-inactivativateing proteins in traditional medicine. Molecules 2016,21, 1560.
  9. Wannasaksri W, On-Nom N, Chupeerach C, Temviriyanukul P, Charoenkiatkul S, Suttisansanee U. In Vitro Phytotherapeutic Properties of Aqueous Extracted Adenia viridiflora Craib. towards Civilization Diseases. Molecules. 2021 Feb 18;26(4):1082