เฮลเพอริดิน

เฮลเพอริดิน

ชื่อสามัญ Hesperidin

ประเภทและข้อแตกต่างของสารเฮสเพอริดิน

สารเฮสเพอริดินเป็นสารโพลิฟีนอลในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflaranoid) ที่มีสูตรทางเคมี คือ C28H34O15 มีมวลโมเลกุล 610.565 g/mol-1 โดยสารนี้มีการค้นพบเป็นครั้งแรกโดย  Lebreton ถูกแยกออกจากเปลือกชั้นสีขาว (เปลือกใน หรือ mesocarp) ของเปลือกส้ม สำหรับประเภทของสารเฮลเพอริดินนั้น พบว่ามีเพียงประเภทเดียวเท่านั้น

แหล่งที่พบและแหล่งที่มาของสารเฮสเพอริดิน

สารเฮสเพอริดินสามารถพบได้ในพืชและผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม (citrus) หรือในวงศ์ Rutaceae เช่น ส้ม ส้มโอ มะนาว ส้มซ่า ส้มโอมือ ส้มเช็ง เลมอน หรือเกรพฟรุต เป็นต้น โดยจะพบมากในส่วนของเปลือกผลเป็นส่วนใหญ่ โดยมีรายงานถึงปริมาณของสารเฮสเพอริดินว่า มีการศึกษาในขนาดของพืชและผลไม้ที่เป็นแหล่งของสารดังกล่าว พบว่าในปริมาณ 100 กรัม เท่ากันนั้น น้ำส้มเลือดมีสารเฮสเพอริดิน 44 มิลลิกรัม, น้ำส้ม (ไม่ระบุ) มี 26 มิลลิกรัม น้ำมะนาวมี 18 มิลลิกรัม และน้ำส้มโอมี 1 มิลลิกรัม นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการสกัดเอาสารเฮสเพอริดิน จากพืชตระกูลส้มมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อนำมาใช้ตามสรรพคุณและฤทธิ์ทางยาของสารดังกล่าวกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย


ปริมาณที่ควรได้รับจากสารเฮสเพอริดิน

สำหรับขนาดและปริมาณการใช้สารเฮสเพอริดินต่อวันนั้นยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์การใช้อย่างแน่ชัด ซึ่งโดยส่วนมากแล้วการใช้สารเฮสเพอริดินจะเป็นการใช้ควบคู่ไปกับ สาร Diosmin  ในการรักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ซึ่งมีขนาดและปริมาณการใช้ดังนี้   

          รักษาริดสีดวงทวาร โดยใช้สารเฮสเพอริดิน ขนาด 150 มิลลิกรัมกับ ไดออสมิน (Diesmin) ขนาด 1350 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทานติดต่อกัน 4 วัน หรือรักษาภาวะเลือดคั่ง (venous stasis ulcers) เฮสเพอริดิน ขนาด 100 มิลลิกรัมกับ ไดออสมิน 900 มิลลิกรัม รับประทานทุกวันติดต่อกัน 2 เดือน เป็นต้น

          นอกจากนี้ยงมีการกำหนดการใช้สารเฮสเพอริดินในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง รายชื่อพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560 โดยได้กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจาก มะนาว ไลม์ ส้มเขียวหวาน ส้ม ส้มเกลี้ยง ให้มีการระบุขนาดรับประทานโดยให้ได้รับสารเฮชเพอริดินไม่เกิน 20 มิลลิกรัม/วัน อีกด้วย

ประโยชน์และโทษสารเฮสเพอริดิน 

สารเฮสเพอริดินมักถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะถูกใช้เพื่อรักษาโรคหลอดเลือด เช่น ริดสีดวงทวาร, โรคลิ่มเลือด, เส้นเลือดขอด, ลดการอักเสบ และ  โรคหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันความผิดปกติในระบบประสาท ยับยั้งเชื้อไวรัส มะเร็งบางชนิด และยังถูกใช้รักษาอาการภาวะบวมน้ำเหลืองและอาการบวมน้ำ (ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดมะเร็งปอด)  ลดภาวะเครียดจากออกซิเดชั่นและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ รวมถึงยังมีส่วนช่วยลดความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุในหลอดเลือดและลดระดับตัวบ่งชี้ของการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็น metabolic syndrome ได้อีกด้วย

           อีกทั้งสารเฮสเพอริดินยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้าง เส้นเลือดดำ โดยเฉพาะการลดการซึมผ่านและความ อ่อนแอของเส้นเลือดดำ โดยเฉพาะโรคที่สัมพันธ์กับ การเพิ่มการซึมผ่านเส้นเลือด เช่น ริดสีดวงทวาร ลักปิดลักเปิด แผลเน่าเปื่อยพุพอง แผลถลอก และเมื่อร่างกายขาดเฮสเพอริดินมักจะเกิดความผิดปกติของ เส้นเลือดฝอย อาการอ่อนเพลีย และเกิดตะคริวที่ขาในเวลา กลางคืน เป็นต้น

การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องของสารเฮสเพอริดิน

มีผลการศึกษาวิจัยของเฮสเพอริดินเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ มากมายหลายฉบับ อาทิเช่น 

          ฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อไวรัส มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดน้ำเดือดจากผลส้มเกลี้ยง (Citrus aurantium L.) มีผลยับยั้งการติดเชื้อโรต้าไวรัส (rotavirus) (ที่เป็นสาเหตุสำคัญของอาการท้องเดินในทารกและเด็กเล็ก) โดยเมื่อทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยง (in vitro) สารสำคัญที่แสดงฤทธิ์คือเฮสเพอริดิน (hesperidin) และนีโอเฮสเพอริดิน (neohesperidin) ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งการติดเชื้อไวรัส 50% (IC50) เท่ากับ 10 และ 25 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ

          ฤทธิ์ลดความดันโลหิต มีการศึกษาวิจัยในหนูแรทเพศผู้ที่ถูกชักนำให้เกิดความดันเลือดสูงด้วยสารแอลเนม (40 มก./กก./วัน) ในน้ำกลั่น หรือได้รับร่วมกับการป้อนเฮสเพอริดิน (15 และ 30 มก./กก./วัน) เป็นเวลา 5 สัปดาห์ โดยวัดความดันซิสโทลิกสัปดาห์ละครั้ง และประเมินการทำงานของหลอดเลือดเอออตาร์และมีเซนเทอริกพบว่าหนูทดลองที่ได้รับสารแอลเนมมีความดันเลือดสูงและลดการตอบสนองของหลอดเลือดต่อสารอะซิติลโคลีน การตอบสนองต่อสารโซเดียมไนโตรปรัสไซด์ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่ม แต่เฮสเพอริดินป้องกันการเพิ่มขึ้นของความดันเลือดและบรรเทาการทำงานของหลอดเลือดที่ผิดปกติจากสารแอลเนมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ดังนั้นจึงสรุปว่าเฮสเพอริดินสามารถป้องกันการเกิดความดันเลือดสูง โดยสารแอลเนมได้บางส่วน

           ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและป้องกันระบบประสาท มีการศึกษาถึงกลไกการป้องกันและผลของการป้องกันระบบประสาทของเฮสเพอริดินพบว่าสารนี้ ปรับวิถีการส่งสัญญาณของเซลล์ประสาทซึ่งเกี่ยวข้องกัน synaptic plasticity นอกจากนี้เฮสเพอริดินยังสามารถเสริมสร้างการเรียนรู้และความจำและมีศักยภาพในการักษาความเสื่อมของโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทได้อีกด้วย

           และยังมีการศึกษาในหนูแรท เพศผู้ จำนวน 24 ตัว สายพันธุ์ Sprague Dawley อายุ 4-5 สัปดาห์ ถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มล่ะ 6 ตัว โดยในกลุ่มควบคุม (vehicle group) ได้รับน้ำเกลือและโพรพิลีนไกลคอล กลุ่มเฮสเพอริดิน (hesperidin group) ได้รับเฮสเพอริดิน กลุ่มเมโธเทรกเซท (methotrexate group) ได้รับเมโธเทรกเซท และกลุ่มเมโธเทรกเซทร่วมกับเฮสเพอริดิน (methotrexate+hesperidin group) ได้รับเมโธเทรกเซทร่วม กับเฮสเพอริดิน โดยเมโธเทรกเซทถูกฉีดให้กับหนูกลุ่มเมโธเทรกเซท และกลุ่มเมโธเทรกเซทร่วมกับเฮสเพอริดิน ในปริมาณ 75 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทางหลอดเลือดดำในวันที่ 8 และ 15 ของการทดลอง และได้รับเฮสเพอริดินทางปาก เป็นเวลา 21 วัน หลังจากสิ้นสุดการให้สาร 3 วัน หนูถูกทดสอบความจำโดยการทดสอบ novel object location และ novel object recognition ผลการศึกษา : ผลการศึกษา พบว่าการทดสอบ novel object location และ novel object recognition มีค่าระยะเวลาการสำรวจวัตถุทั้งหมดในแต่ละกลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) การทดสอบ novel object location พบว่าหนูในกลุ่มควบคุม กลุ่มเฮสเพอริดิน และกลุ่มเมโธเทรกเซทร่วมกับเฮสเพอริดิน สามารถแยกความแตกต่างระหว่างวัตถุในตำแหน่งใหม่และตำแหน่งเก่าได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าเฮสเพอริดิน สามารถป้องกันและฟื้นฟูความจำบกพร่องที่ถูกเหนี่ยวนำจากเมโธเทรกเซทในหนูแรทโตเต็มวัยได้

           นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยอื่นๆ ยังพบว่าเฮสเพอริดิน มีฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือดยับยั้งการอักเสบ ลดระดับไขมันในเลือดและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย อีกทั้งล่าสุดยังมีงานวิจัยหลายฉบับในวารสารนานาชาติ รายงานว่า เฮสเพอริดีนในเปลือกมะนาว อาจจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ในกลุ่ม Influenza A Virus และ Coronaviruses เช่น SARS MERS และ COVID-19 ได้ โดยมีหลักฐานการทดลองในหนูยืนยันว่า เฮสเพอร์ริดินที่ได้จากส้มสามารถเข้าไปจับกับโปรตีนตัวรับ (Protein receptor) ชื่อ ACE2 (Angiotensin Converting Enzyme 2) ของเซลล์ร่างกายได้อย่างจำเพาะ ซึ่งช่วยขัดขวางไม่ให้ spike โปรตีนของไวรัสสามารถเกาะกับเซลล์ร่างกาย จึงทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เฮสเพอริดินมีค่าพลังงานในการจับตัว (binding energy) ต่ำ หมายความว่าเฮสเพอร์ริดินสามารถจับกับ ACE2 ได้ดีกว่ายาต้านไวรัสหลายชนิด

ข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติ

ในการใช้สารเฮสเพอริดิน ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติถึงแม้ว่าจะไม่มีรายงานความเป็นพิษที่ระบุว่ามีความเป็นพิษ แต่ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับสารสกัดชนิดอื่นๆ เพราะยังไม่มีขนาดและปริมาณการใช้ที่แน่ชัด ดังนั้น จึงควรใช้ตามขนาดและปริมาณที่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญแนะนำอย่างเคร่งครัด รวมถึงไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ส่วนผู้ที่แพ้พืชตระกูลส้ม (RUTACEAE หรือ CITRUS) ไม่ควรใช้สารเฮสเพอริดิน เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงหรืออาการแพ้ที่รุนแรงได้ อีกทั้งควรใช้เฮสเพอริดินจะออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อมีวิตามินซีร่วมด้วย

เอกสารอ้างอิง เฮสเพอริดิน
  1. สารลินี แนวหล้า,กรรวี สุวรรณโคตร,วนันนันท์ แป้นนางรอง,จริยา อำดา เวลบาท.ผลของสารเฮสเพอริดินต่อความจำบกพร่องในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย เมโธเทรกเซท.ศรีนครินทร์เวชสาร ปีที่ 34.ฉบับที่ 1 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2562.หน้า 26-36
  2. พิจิตรา อ๊อกแอก,อิทธิพล พวงเพชร,วันทณี หาญช้าง,สะการะ ตันโสภณ.ผลของสารเฮสเพอริดินต่อการยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโอซิเดสและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของลำไส้เล็กในหนูเบาหวาน.วารสารมหาวิทยาลัยนเรศวร (วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ปีที่ 24.ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2553.หน้า 68-99
  3. ผลส้มเกลี้ยงยับยั้งการติดเชื้อไวรัส.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  4. ประภัสสร โพธิ์ติและคณะ.ผลของสารเฮสเพอริดินต่อความดันเลือดและการทำงานของหลอดเลือดผิดปกติในหนูแรทที่ถูกชักนำให้เกิดความดันเลือดสูงด้วยสารแอลเนม.ศรีนครินทร์เวชสารปีที่ 32.ฉบับที่ 1มกราคม-กุมภาพันธ์ 2560.หน้า 24-29
  5. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่องรายชือพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560
  6. Mandel S, Youdim MB. Catechin polyphenols: neurodegeneration and neuroprotection in neurodegenerative diseases. Free Radic Biol Med. 2004; 37: 304-17.
  7. Peterson.J.J.,Beexher,G.R.,Bhagwat,S,A.,Dwyer,J.T.,Gebhardt,S.E.,Haytowitz,D.B.,&Holden,and limes:A compilation and review of the data from analytical literature. Journal of Food Composition and Analysis, 19,S74-S80.
  8. Garg A, Garg S, Zaneveld LJ, Singla AK. Chemistry and pharmacology of the Citrus bioflavonoid hesperidin. Phytother Res. 2001; 15: 655-69.
  9. Inderjit, Dakshini KM (สิงหาคม 2534). "Hesperetin 7-rutinoside (hesperidin) และ Taxifolin 3-arabinoside เป็นสารยับยั้งการงอกและการเจริญเติบโตในดินที่เกี่ยวข้องกับวัชพืช Pluchea lanceolata (DC) CB Clarke (Asteraceae)" วารสารนิเวศวิทยาเคมี . 17 (8): 1585–91 ดอย : 10.1007 / BF00984690 . PMID  24257882 S2CID  3548350 4.
  10. Spencer JP. The interactions of flavonoids within neuronal signalling pathways. Genes Nutr. 2007; 2: 257-73.
  11. Agrawal.Y.O.,Sharma,P.K.,Shrivastava,B.,Ojha,S.,Upadhya,H.M.,Arya,D.S.,&Goyal,S,N,(2014).Hesperidin produces caedioprotective activity via PP AR-y pathway in ischemic heart disease model in diabetic rats. PLoS ONE.9(11),e111212.doi:10.1371/jourmal.pone.0111212
  12. Tamilselvam K, Braidy N, Manivasagam T, Essa MM, Prasad NR, Karthikeyan S, et al. Neuroprotective effects of hesperidin, a plant flavanone, on rotenone-induced oxidative stress and apoptosis in a cellular model for Parkinson’s disease. Oxid Med Cell Longev. 2013; 2013: 102741.