ขี้เหล็กเทศ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นและข้อมูลงานวิจัย
ขี้เหล็กเทศ งานวิจัยและสรรพคุณ 40 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ขี้เหล็กเทศ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ขี้เหล็กผี, ชุมเห็ดเล็ก, พรมดาน (ภาคกลาง), ขี้เหล็กเผือก, หมากกะลิงเทศ, ลับมืนน้อย (ภาคเหนือ), ผักจี๊ด (ไทยใหญ่), ว่างเจียงหนาน, กิมเต่าจี้, ม่อกังน้ำ (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia Occidentalis (Linn) Link
ชื่อสามัญ Coffeaweed, Coffce senna
วงศ์ FABACEAE-CAESALPINIACEAE
ถิ่นกำเนิดขี้เหล็กเทศ
ขี้เหล็กเทศ เป็นพันธุ์พืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตร้อนอื่นๆ ของโลก ในปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้นต่างๆ สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาคของประเทศ บริเวณที่รกร้าง หรือ ที่แห้งแล้งตามไหล่เขา ริมน้ำลำคลองและพื้นที่โล่งทั่วไป ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลจนจนถึงระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร โดยมักขึ้นทั่วไปในพื้นที่โล่ง
ประโยชน์และสรรพคุณขี้เหล็กเทศ
- แก้ไข้
- แก้ลม
- แก้ปวดศีรษะ
- แก้ร้อนใน
- แก้ไอ
- แก้หอบหืด
- ใช้เป็นยาระบาย
- ใช้ถ่ายพยาธิ
- แก้ปัสสาวะเป็นเลือด
- ช่วยดับพิษร้อนในตับ
- ใช้รักษาโรคผิวหนัง
- รักษากลากเกลื้อน
- รักษาผิวหนังพุพอง
- แก้ผื่นคัน
- รักษาแมลงสัตว์กัดต่อย
- แก้บวม
- แก้อักเสบภายนอก
- บำรุงธาตุ
- บำรุงกระเพาะอาหาร
- แก้โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- รักษาโรคกระเพาะอาหาร
- ช่วยลดความดันโลหิต
- แก้ไข้มาลาเรีย
- แก้ตาแดงบวม
- แก้วิงเวียน
- แก้จุกเสียด
- แก้บิด
- ขับปัสสาวะ
- ช่วยกล่อมตับ
- บำรุงร่างกาย
- แก้รำมะนาด
- รักษาแผลในหู
- แก้นิ่ว
- แก้บวมน้ำ
- บำรุงกำลัง
- แก้หนองใน
- แก้เบาหวาน
- แก้ไอหอบ
- แก้อาหารเป็นพิษ
- แก้ท้องผูก
ขี้เหล็กเทศ เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายประเภทเช่นเดียวกันกับขี้เหล็ก (Cassia siamea Lam.) ที่เรารู้จักกันดี โดยขี้เหล็กเทศถูกนำมาใช้ประโยชน์ เช่น ยอดอ่อนและใบอ่อนสามารถนำมานึ่งให้สุกรับประทานเช่นเดียวกันกับยอดอ่อนขี้เหล็กบ้านโดยนิยมนำมารับประทานกับแจ่ว หรือ นำไปปรุงอาหาร เช่น แกงยอดขี้เหล็กและแกงเลียง แกงเผ็ด ผัด เป็นต้น ส่วนเมล็ดสามารถนำมาคั่วแล้วบดใช้ชงดื่มแทนกาแฟ, ชา หรือ ใช้ผสมกับกาแฟ (สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการคาเฟอีน มาก) นอกจากนี้ต้นและใบยังสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารสัตว์ เช่น โค กระบือ แกะ หรือ อาจนำต้นสดทั้งต้น ทำปุ๋ยพืชสด โดยมีรายงานว่าจะให้ปริมาณโพแทสเซียม มาก
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- โรคหนองใน ปัสสาวะเป็นเลือด โดยใช้ทั้งต้นขี้เหล็กเทศสด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
- ลดความดันเลือดสูง โดยใช้เมล็ดขี้เหล็กเทศคั่วให้เกรียมมีกลิ่นหอม บดเป็นผงใช้ครั้งละ 3 กรัม ผสมน้ำตาลกรวดพอประมาณชงน้ำดื่มเป็นประจำ
- แก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเรื้อรัง ท้องผูกเป็นประจำ ระบบย่อยอาหารไม่ดี โดยใช้เมล็ดที่คั่วขี้เหล็กเทศจนเหลือง 15-30 กรัม บดเป็นผงกินติดต่อกันประมาณ 10 วัน
- แก้ไข้มาลาเรีย โดยใช้เมล็ดขี้เหล็กเทศที่คั่วให้เกรียมมีกลิ่นหอมบดเป็นผง กินครั้งละ 6-10 กรัม วันละ 2 ครั้ง
- ตาแดงบวม เห็นพร่ามัว โดยใช้เมล็ดขี้เหล็กเทศแห้ง 15-30 กรัม ผสมน้ำตาลกรวด 30 กรัม ชงน้ำดื่ม
- ใช้แก้ฝีบวมอักเสบ โดยใช้ใบขี้เหล็กเทศตากแห้งบดเป็นผง ผสมน้ำส้มสายชูพอก หรือ อาจผสมเหล้าพอกเพื่อเร่งให้หัวฝีออกเร็วขึ้น
- แมลงสัตว์กัดต่อย โดยใช้ใบขี้เหล็กเทศสดตำพอก
- ใช้บำรุงร่างกาย แก้เบาหวาน แก้มาลาเรีย แก้อาหารเป็นพิษโดยใช้ราก หรือ ทั้งต้นขี้เหล็กเทศนำมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้รักษารำมะนาด โดยใช้รากขี้เหล็กเทศ นำมาผสมกับข้าวสารเจ้า หรือ ข้าวเย็น ข้าวสารเหนียว ต้นกระไดลิง ต้นมะกอกเผือก รากเกล็ดลิ่น รากกรามช้าง รากงิ้ว รากแตงเถื่อน รากถั่วพู รากปอขาวและรากฟักข้าว ใช้ฝนกับน้ำซาวข้าวดื่ม
- ใช้แก้ปวดศีรษะ โดยใช้ฝักและเมล็ด หรือ ทั้งต้นและใบขี้เหล็กเทศนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ ใช้ใบสดประมาณ 20 กรัม และเนื้อหมูอีก 250 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้อาหารไม่ย่อย อาหารเป็นพิษโดยใช้ราก หรือ ทั้งต้นขี้เหล็กเทศนำมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้ขับของเสียออกจากไต ใช้กล่อมตับ โดยใช้ฝักและเมล็ดขี้เหล็กเทศนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ ใช้ต้นและใบแห้งประมาณ 6-10 กรัม
- ใช้แก้ปัสสาวะเป็นเลือด โดยใช้ทั้งต้นและใบแห้งประมาณ 6-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ จะใช้ยาชงจากเปลือกต้น หรือ รากก็ได้
- ใช้ขับปัสสาวะ โดยใช้ราก หรือ ต้นใช้ต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้รักษาอาการอักเสบภายนอก ด้วยการใช้ทั้งต้นและใบสดขี้เหล็กเทศประมาณ 30-60 กรัม นำมาตำพอกบริเวณที่เป็น หรือ จะใช้เมล็ดประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน
ลักษณะทั่วไปของขี้เหล็กเทศ
ขี้เหล็กเทศ จัดเป็นไม้พุ่ม (shrub) เนื้อแข็งอายุหลายปี ต้นสูง 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นมีสีเขียวอมม่วง ไม่มีขน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10.4-12.74 เซนติเมตร
ใบขี้เหล็กเทศ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ออกแบบเรียงสลับ โดยใน 1 ช่อใบ จะมีแกนกลางใบยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร และส่วนก้านใบประกอบยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร มีใบย่อย 3-5 คู่ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมใบหอก ไม่สมมาตรกัน มีขนาดกว้าง 2-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-10เซนติเมตร โคนใบกลม ปลายใบแหลมยาว ส่วนขอบใบมีขนครุยและมีสีม่วงแดง แผ่นใบเกลี้ยงบาง ผิวใบมีสีเขียวเข้มไม่มีขน ด้านหลังใบเห็นเส้นกลางใบสีม่วงแดงนูนขึ้นชัดเจน ก้านใบด้านหน้ามีสีม่วงแดง ส่วนด้านหลังเป็นสีเขียว หรือ อาจมีสีม่วงแดงประปราย ที่โคนก้านใบด้านในมีต่อมสีแดงเข้ม ก้านใบย่อยยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร มีหูใบเป็นขนแข็ง และยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
ดอกขี้เหล็กเทศ ออกเป็นช่อกระจายแบบแยกแขนง (panicle) ปลายยอดและตาข้าง ช่อดอกมีความยาว 5.26-12.62 เซนติเมตร ตรงโคนช่อดอกย่อยมีต่อมสีแดงเข้ม โดยใน 1 ช่อดอก จะมีดอกย่อย 12-22 ดอกต่อช่อ ลักษณะกลีบดอก (petal) รูปไข่มี 5 กลีบ ขนาด 5-6 มิลลิเมตร สีเหลือง ซึ่งกลีบบนค่อนข้างใหญ่กว่ากลีบล่างอีก 2 คู่ และมีอับเรณู (anther) เป็นสีน้ำตาลอ่อน
ผลขี้เหล็กเทศ เป็นฝักมีลักษณะเป็นรูปแถบ แบน เกลี้ยง มีขนาดกว้าง 0.7-0.8 เซนติเมตร และยาวได้ 10-12 เซนติเมตร มีรอยแบ่งระหว่างข้อไม่ชัดเจน แต่มีรอยขอบฝักชัดเจน สีฝักอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนฝักแก่เป็นน้ำตาล และไม่แตกเอง ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลประมาณ 30-40 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลม แบน ปลายข้างหนึ่งจะค่อนข้างแหลม ซึ่งเมล็ดจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 มิลลิเมตร
การขยายพันธุ์ขี้เหล็กเทศ
ขี้เหล็กเทศเป็นไม้พุ่มที่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ด ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นการขยายพันธุ์โดยธรรมชาติมากกว่าการปลูก โดยมนุษย์ แต่ในปัจจุบันได้เริ่มมีการนำขี้เหล็กเทศ มาเพาะเมล็ดปลูกกันบ้างแล้ว เนื่องจากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้หลายประการ สำหรับการเพาะเมล็ดและการปลูกขี้เหล็กเทศนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูกไม้พุ่มชนิดอื่นๆที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนต่างๆ ของขี้เหล็กเทศ ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดดังนี้
- ใบขี้เหล็กเทศพบสาร oxymethylanthraquinones และพบสาร physcion, hydroxyanthraquinone, dianthronic heteroside, heterodianthrones quercetin, chrysophanol, 4, 5, 5′, 5′, -tetrahydroxy-2, 2′-dimethybianthraquinone emodin, 1, 8-dihydroxyanthraquinone, matteucinol-7-rhamonside, jaceidin-7-rhamnoside
- รากขี้เหล็กเทศพบสาร anthraquinone, oxymethylanthraquinone, islandicin, chrysophanol, xanthorin, heterodianthrone, chrysophanol, cassiollin, emodin, helminthosportin, physcon quercetin, stigmasterol
- ดอกขี้เหล็กเทศพบสาร emodin, β-sitosterol, physcion, physcion-l-β-D-glucopyranoside
ผลขี้เหล็กเทศพบสาร oxymethylanthraquinones - เมล็ดขี้เหล็กเทศพบสาร Cassiollin, Aloe-emodin, Emodin, Dianthronie heteroside, Homodianthrone, Islandicin, Physcion, Physcion-l-glycoside, N-methylmorpholine alkaloid, Physcion homodianthrone, Chrysophanol, Toxalbulmin, Rhein และยังพบกรดอะมิโนต่างๆ อีกหลายชนิด เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของขี้เหล็กเทศ
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของขี้เหล็กเทศ ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
ฤทธิ์ป้องกันผลข้างเคียงของยารักษามะเร็ง มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ป้องกันผลข้างเคียงจากยารักษาโรคมะเร็งในหนูทดลอง โดยเมื่อป้อนสารสกัดน้ำจาก ขี้เหล็กเทศ (Cassia occidenta L.) แก่หนูถีบจักรขนาด 100 มก./กก.นน.ตัว ติดต่อกัน 14 วัน และฉีดไซโคลฟอสฟาไมด์ขนาด 50 มก./กก.นน.ตัว ทางช่องท้องในวันที่ 12 ของการทดลอง พบว่าสารสกัดมีผลป้องกันฤทธิ์ในการกดภูมิคุ้มกันชนิดฮิวมอลราลของไซโคลฟอสฟาไมด์ โดยวัดจาก plaque forming cell ( PFC ), antibody titre และการแตกของเม็ดเลือดแดง (Quantitative hemolysis of sheep red blood cells, QHS) ทั้งไซโคลฟอสฟาไมด์และสารสกัดขี้เหล็กเทศ มีผลทำให้น้ำหนักม้ามของหนูลดลง อย่างไรก็ตามเมื่อวัดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวในอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน คือ ม้าม ไขกระดูกและต่อมไธมัส พบว่าสารสกัดมีผลป้องกันการลดจำนวนเซลล์ของไซโคลฟอสฟาไมด์ในอวัยวะดังกล่าวข้างต้น
ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดด้วยปิโตรเลียมอีเธอร์ เบนซิน แอลกอฮอล์ จากใบ รากและเมล็ดของขี้เหล็กเทศระบุว่า มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis B. proteus และ Vibrio cholerae โดยฤทธิ์ฆ่าเชื้อนี้เกิดจากน้ำมันระเหยของขี้เหล็กเทศ นอกจากนี้สารสกัดด้วยน้ำของขี้เหล็กเทศยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้อีกด้วย
ส่วนน้ำต้มจากใบและต้น สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ของขี้เหล็กเทศ มีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อลำไส้เล็กและมดลูกของหนูใหญ่ ลดความดันเลือดสุนัขที่ใช้ในการทดลอง นอกจากนี้น้ำต้มจากใบและต้น ยังมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจของกระต่ายเล็กน้อย ยังมีการศึกษาวิจัยสารสกัดจากต้นขี้เหล็กเทศ ด้วยแอลกอฮอล์ผสมอีเธอร์ขนาด 100 มก. พบว่ามีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้อัตราปริมาณน้ำปัสสาวะของสุนัขที่ใช้ในการทดลองที่ทำให้สลบและให้น้ำสม่ำเสมอนั้น มีปัสสาวะเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ทดลองกลุ่มที่ไม่ให้สารสกัดนี้
ยังมีการศึกษาหลอดลมของหนูเม้าส์หรือหนูแรทในหลอดทดลองพบว่า สารสกัดจากใบขี้เหล็ก (Cassia occidentalis) ที่สกัดด้วยน้ำและเอทานอล มีฤทธิ์ขยายหลอดลม โดยสารสกัดเอทานอล ออกฤทธิ์ดีกว่าสารสกัดน้ำ โดยสารสกัดจากขี้เหล็กเทศขนาด 1 มก./มล. ทำให้มีการขยายของหลอดลมได้ถึง 70%
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของขี้เหล็กเทศ
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาจากส่วนของเมล็ดขี้เหล็กเทศ รวมถึงสารสกัดจากเมล็ดของขี้เหล็กเทศ ระบุว่ามีความเป็นพิษเนื่องจาก ในเมล็ดขี้เหล็กเทศจะมีโปรตีนที่เป็นพิษ ที่ชื่อ Toxalbumin ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีพิษทำให้มีอาการถ่ายท้องอย่างแรง ซึ่งมีการศึกษาวิจัยโดยให้หนูเล็ก หนูใหญ่และม้า กินเมล็ด หรือ ฉีด สารสกัดจากเมล็ดพบว่าสัตว์ทดลองมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรงสารสกัดด้วยเบนซินจากเมล็ด เมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำพบว่าเป็นพิษต่อตับและไต นอกจากนี้ยังมีการทดลองนำส่วนของทั้งต้นที่มีฝักแห้งหนัก 14 กก. ให้แกะกินติดต่อกันมากกว่า 17 วัน พบว่ามีผลระคายเคืองต่อระบบการย่อยอาหาร
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
การใช้ขี้เหล็กเทศไม่ว่าจะเป็นการรับประทานเป็นอาหาร หรือ ใช้เป็นยาสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้เฉพาะส่วนของเมล็ดเนื่องจากในเมล็ดมีโปรตีนที่เป็นพิษ คือ Toxalbumin ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดอาการถ่ายท้องอย่างแรง ซึ่งหากได้รับสารนี้เข้าไปจะมีอาการอาเจียนและท้องร่วงอย่างรุนแรง ดังนั้นการใช้ขี้เหล็กเทศเป็นยาสมุนไพรโดยเฉพาะส่วนของเมล็ดควรใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง ขี้เหล็กเทศ
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. “ขี้เหล็กเทศ”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 140-145.
- ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ. ข้าวฟ่าง สมุทรโคดมและขี้เหล็กเทศ. คอลัมน์อื่นๆ. นิตยสารหมอชาวบ้านเล่มที่ 24. เมษายน 2524.
- ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ชุมเห็ดเล็ก”. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. หน้า 63.
- ณัฎฐณิชชา มหาวงษ์. สมุนไพรกับโรคหอบหืด, จุลสารข้อมูลสมุนไพรปีที่ 29. ฉบับที่ 3 เมษายน 2555. หน้า 2-15
- วิทยา บุญวรพัฒน์. “ขี้เหล็กเทศ”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 138.
- ขี้เหล็กเทศป้องกันผลข้างเคียงของยารักษามะเร็ง. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Irie-N'guessan G, Champy P, Kouakou-Siransy G, Koffi A, Kablan BJ, Leblais V. Tracheal relaxation of five Ivorian anti-asthmatic plants: role of epithelium and K channels in the effect of the aqueous-alcoholic extract of Dichrostachys cinerea root bark. J Ethnopharmacol 2011;138(2):432-8.