โกฐกระดูก ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย
โกฐกระดูก งานวิจัยและสรรพคุณ 28 ข้อ
ชื่อสมุนไพร โกฐกระดูก
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น มู่เซียง, บักเฮียง (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Aucklandia lappa DC.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Saussurea lappa C.B.Clarke
ชื่อสามัญ Costus, Costus Root
วงศ์ COMPOSITAE - ASTERACEAE
ถิ่นกำเนิดโกฐกระดูก
โกฐกระดูกจัดเป็นพืชเฉพาะถิ่นที่มีถิ่นกำเนิดทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่บริเวณประเทศ จีน และ อินเดีย ต่อมาได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังบริเวณต่างๆ ของเทือกเขาหิมาลัย ปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีการปลูกโกฐกระดูก เช่น จีน อินเดียว เนปาล ภูฏาน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม เป็นต้น ส่วนในไทยมีการใช้โกฐกระดูกกันมาตั้งแต่อดีตแล้ว แต่จะเป็นการนำเข้าจากจีน และอินเดียเป็นส่วนมาก เพราะในไทยไม่สามารถเพาะปลูกได้ เนื่องจากโกฐกระดูก เป็นพืชที่เจริญเติบโตในสภาพอากาศเย็นจัดทั้งปี
ประโยชน์และสรรพคุณโกฐกระดูก
- ช่วยบำรุงหัวใจ
- ช่วยบำรุงกระดูก
- แก้โรคโลหิตจาง
- แก้ลมวิงเวียน
- ช่วยขับลมในลำไส้
- แก้อาเจียน
- แก้ปวด
- แก้หืดหอบ
- แก้ลมในกองเสมหะ
- แก้ท้องเสีย
- แก้บิด
- แก้ปวดท้อง
- ช่วยบำรุงธาตุ
- ช่วยบำรุงโลหิต
- ช่วยบำรุงตับ
- ช่วยบำรุงปอด
- แก้อุจจาระธาตุลามก (พิกัดสัตตะปะระเมหะ)
- ชำระเมือกมันในลำไส้ (พิกัดสัตตะปะระเมหะ)
- แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน
- ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย
- แก้ไข้
- แก้ไข้ร่วมกับมีเสมหะ
- แก้ลมในกองธาตุ
- ช่วยชูกำลัง
- ช่วยขับลม
- แก้สะอึก
- ช่วยปรับการไหลเวียนของพลังลมปราณ
- ช่วยในการไหลเวียนของพลัง (ชี่) ของกระเพาะอาหารและม้าม
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
สรรพคุณของโกฐกระดูก ใช้บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูก แก้ปวด แก้อาเจียน แก้โลหิตจาง แก้หืดหอบ แก้ลมวิงเวียน ขับลม แก้ปวดท้อง โดยการนำรากแห้งมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ บดเป็นผงใช้ชงแบบชาก็ได้ ใช้ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้โกฐกระดูก และโกฐเขมา ขาว 10 กรัม เปลือกส้ม 8 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน แก้ท้องเสีย แก้บิด ใช้โกฐกระดูก 30 กรัม, ข่าลิง 30 กรัม, หนังกระเพาะไก่,ดีปลี, ส้มมือ 15 กรัม, อบเชย 8 กรัม, และลิ้นทะเล 100 กรัม นำมาบดให้เป็นผง ใช้รับประทาน วันละ 2-3 ครั้ง
ส่วนในตำรับยาไทยอื่นๆ เช่น ยาหอมเทพจิตร ยาหอมนวโกฐ ยาปงสะกานพลู พิกัดโกฐทั้ง 7 และพิกัดโกฐทั้ง 9 ให้ใช้ผงยารับประทาน 200-1000 มิลลิกรัม หรือ ใช้ตามที่ระบุในตำรับยา
ลักษณะทั่วไปของโกฐกระดูก
โกฐกระดูก จัดเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นตั้งตรงไม่มีกิ่งก้านแตกออกไป และลำต้นก็มีขนาดเล็ก ตามลำต้นมีร่องเป็นริ้วๆรอบลำต้น มีขนสั้นๆ ขึ้นปกคลุม มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบออกเป็นใบเดี่ยว ขนาดใหญ่คล้ายกับใบบัว แต่จะยาวกว่า และขอบใบหยักรอบใบคล้ายหนาม และมีก้านใบยาว โดยใบมีความกว้าง 20-35 เซนติเมตร ยาว 80-100 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มีขนขึ้นปกคลุม ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวบริเวณโคนใบ โดยดอกจะมีสีม่วงคล้ายกับดอกบานไม่รู้โรย ซึ่งใน 1 ดอกใหญ่จะมีกลีบดอกประมาณ 10 ชั้น และกลีบดอกในแต่ละชั้นจะมีความยาว 10-25 มิลลิเมตร ผลออกเป็นเส้นแบนๆ
การขยายพันธุ์โกฐกระดูก
ไม่มีข้อมูล
องค์ประกอบทางเคมี
จากการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีในรากแห้งของโกฐกระดูกพบว่า โดยส่วนประกอบเป็นน้ำมันระเหยง่าย องค์ประกอบหลักเป็นสารกลุ่ม sesquiterpene lactone อัลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ และแอนทราควิโนน ส่วนในน้ำมันหอมระเหยจากรากของโกฐกระดูก พบสาร Aplotaxene, Costus acid, Costus Lactone,β-Pinene, α-Phellandrene, o-cymene, β-Linalool, Camphor, Borneol, Eugenol, Copaene, Cyperene, Isosativene, α-Curcumene, Valencene, Elemicin, Bergamotol
ที่มา : Wikipedia
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของโกฐกระดูก
ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย จากการศึกษาวิจัยพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากรากโกฐกระดูก ความเข้มข้น 0.5-4 มก./มล. มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus mutans ที่เป็นสาเหตุโรคฟันผุ โดยการยับยั้งการสร้างกรดของแบคทีเรีย การยึดเกาะของแบคทีเรียต่อแผ่นโมเดล hydroxyapatite beads ที่เคลือบด้วยน้ำลาย (saliva-coated hydroxyapatite beads) และการสังเคราะห์กลูแคน
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ส่วนในประเทศอินเดียมีการศึกษาทดลองในหนูทดลอง โดยป้อนสารสกัดแอลกอฮอลล์จากรากของโกฐกระดูกในขนาด 400 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เป็นเวลา 7 วัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองได้
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยอื่นๆ ระบุว่า โกฐกระดูก มีฤทธิ์ต้านการเกิดพิษต่อตับ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ต้านการเกิดแผลในกระเพาะ อาหาร และกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะ และลำไส้ ต้านมะเร็ง ต้านการเกิดออกซิเดชั่น ขับน้ำดี ฯลฯ
การศึกษาทางพิษวิทยาของโกฐกระดูก
มีการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาในรากของโกฐกระดูก โดยการกรอกและการฉีดใต้ผิวหนังสารสกัดเอทานอลจากราก ในปริมาณ 10 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (ซึ่งเทียบเท่ากับการรักษาในคน 3333 เท่า) พบว่าไม่พบพิษแต่อย่างใด
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้โกฐกระดูก เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรค ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยการใช้ในปริมาณที่พอดีที่ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไปเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ส่วนเด็ก สตรีมีครรภ์ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำ ก่อนใช้โกฐกระดูกควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
เอกสารอ้างอิง โกฐกระดูก
- จันคนา บูรณะโอสถ, ปนัดดา พัฒนวศิน, ภัทราวดี เหลืองธุวประณีต, อุทัย โสธนะพันธุ์. การวิเคราะห์หาองค์ประกอบของสารหอมระเหยจากเครื่องยาในพิกัดนาวโกฐด้วยวิธีโครมาโทกราฟีแบบแก๊ส, แมสสเปกโทรเมทรี. วารสารโภษัชยนิพนธ์ ปีที่ 11 .ฉบับที่ 2.กรกฏาคม-ธันวาคม 2559. หน้า 45-60
- เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก. “โกฐกระดูก”. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. หน้า 58.
- มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพร. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่ 12 ฉบับที่ 2-4. 2513. หน้า 17-42
- ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคฟันผุของโกฐกระดูก. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- วิทยา บุญวรพัฒน์. “โกฐกระดูก”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพร ไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 96.
- โกฐกระดูก. ฐานข้อมูลเครื่องยา. คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.thaicruddrug.com/main.php?action=viewpage&pid=25
- Department of Development of Thai Traditional and Alternative Medicine, Ministry of Public Health. Monograph of selected Thai materia medica, volume 1. Bangkok: Amarin Printing and Publishing; 2008.