สบู่แดง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

สบู่แดง งานวิจัยและสรรพคุณ 12 ข้อ

ชื่อสมุนไพร สบู่แดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ละหุ่งแดง (ภาคกลาง), มะหุ่งแดง (ภาคเหนือ), สบู่เลือด, ยาเกาะ, สบู่เลือด, สีลอด, หงส์เทศ (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Jatropha gossypifolia Linn.
ชื่อสามัญ Bellyache bush, Cotton leafed jatopha
วงศ์ EUPHORBIACEAE


ถิ่นกำเนิดสบู่แดง

สบู่แดง มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่นใน กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, นิการากัว, คอสตาริกา, ปานามา, บราซิล, อาร์เจนตินา เป็นต้น โดยมักพบขึ้นทั่วไปตามที่รกร้างทั่วไป สำหรับในประเทศไทยสามารถพบสบู่แดง ได้ทั่วทุกภาคของประเทศ บริเวณตามเรือกสวนไร่นา ตามสองข้างทาง หรือ ตามป่าละเมาะริมทุ่งนา


ประโยชน์และสรรพคุณสบู่แดง

  1. ใช้รักษาโรคหืด
  2. ใช้แก้ไข้ ระบายไข้
  3. แก้ปวดท้อง
  4. ใช้เป็นยาระบาย
  5. แก้ปวดเมื่อย
  6. แก้ฝี
  7. แก้ผื่นคัน
  8. ทำให้อาเจียน
  9. ช่วยขับพยาธิ
  10. ใช้ถ่ายน้ำเหลืองเสีย
  11. รักษาแผลโรคเรื้อน
  12. ก้านใบ ใช้แก้หูอื้อ

           สบู่แดง ถูกนำมาใช้ย้อมผ้าโดยมีการนำส่วนใบมาต้มเติมด้วยเกลือกรองด้วยผ้าขาวบาง 2-3 รอบ นำน้ำที่ได้มาต้มให้เดือด ใส่เส้นไหม หรือ ผ้าลงย้อมยกขึ้นทุกๆ 10 นาที เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำมาแช่ในน้ำปูนใส แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดจะได้เส้นไหม หรือ ผ้าสีเขียว หรือ สีน้ำตาลที่มีความคงทนต่อแสงและการซัก


รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้ระบายไข้ แก้ไข้ ลดไข้ แก้ปวดท้อง ให้เป็นยาระบาย โดยนำใบสบู่แดงมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้เป็นยาระบาย โดยนำเมล็ดสบู่แดง นำมาเผาให้สุกแล้วกิน แต่ควรกินในปริมาณแต่น้อย
  • ใช้รักษาโรคหืด โดยนำรากสบู่แดงมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้ผื่นคัน แก้ฝี โดยนำใบสบู่แดงมาตำพอกบริเวณที่เป็น
  • ใช้แก้แผลโรคเรื้อน โดยนำเมล็ดสบู่แดงนำมาตำใช้พอก
  • ใช้แก้อาการหูอื้อ โดยนำก้านใบสบู่แดง ลนไฟเป่าเข้าหู
  • ใช้แก้อาการปวดเมื่อย โดยนำใบสบู่แดงมาต้มน้ำอาบ


ลักษณะทั่วไปของสบู่แดง

สบู่แดง จัดเป็นไม้พุ่มลำต้นสูง 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านแผ่ออกข้าง กิ่งก้านค่อนข้างคดงอ บริเวณปลายยอดมีขนและมีตุ่มเล็กๆ ทุกส่วนมีน้ำยางสีใส หรือ สีเหลืองเหนียว

           ใบสบู่แดง เป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับ ลักษณะของใบคล้ายฝ่ามือมีเว้าลึกประมาณ 2-3 แฉก กว้าง 10-15 เซนติเมตร ยาว 15-18 เซนติเมตร โคนใบหยักมนรูปหัวใจปลายใบเป็นติ่งแหลม ขอบใบมีหยักเล็กน้อย ก้านใบและใบอ่อน มีสีแดง หรือ ม่วงแดง ใบอ่อนมีสีม่วงเข้ม หรือ เป็นสีน้ำตาลแดง ส่วนใบแก่จะมีสีเขียวปนแดงมีขนและมีก้านใบยาว 5-10 เซนติเมตร

           ดอกสบู่แดง เป็นช่อดอกแบบกระจุกช้อนเชิงประกอบ (compound dichasium) ออกบริเวณปลายกิ่ง โดยเป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ (inperfect flower) คือ มีดอกเพศผู้และออกเพศเมียแยกกันอยู่คนละดอกแต่อยู่ในก้านช่อเดียวกัน ใน 1 ช่อดอกจะมีจำนวนดอกย่อย 10-15 ดอก ดอกย่อยที่ยังตูมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.29 เซนติเมตร เมื่อดอกบานจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.45 เซนติเมตร กลีบดอกรูปไข่ (ovate) สีแดงมี 5 กลีบ ดอกเพศผู้มีอับเรณูเป็นสีเหลือง 8 อัน แบ่งเป็นวงนอก 5 อัน วงใน 3 อัน ดอกเพศเมียประกอบด้วยรังไข่และยอดเกสรเพศเมีย (stigma) มีรังไข่เหนือวงกลีบ (superior ovary) แบ่งเป็น 3 ช่อง (locule) ส่วนปลายแบ่งเป็น 3 แฉก และมีก้านช่อดอกยาว 6-8 เซนติเมตร

           ผลสบู่แดง เป็นรูปขอบขนาน (oblong) หรือ รูปรียาวแบ่งเป็น 3 พู มีความยาว 1-2 เซนติเมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน เมื่อสุกสีของผลเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนปนเหลือง ผลแก่จัดสีของเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวขี้ม้าอมน้ำตาล เมื่อผลแห้งจะแตก (dehiscent fit) และเมล็ดออกจากผลได้เอง ภายใน 1 ผล มีเมล็ด 3 เมล็ด เมล็ดมีสีน้ำตาลอ่อนสลับขาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร

สบู่แดง
สบู่แดง

การขยายพันธุ์สบู่แดง

สบู่แดงสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง เช่นเดียวกันกับสบู่ดำ แต่วีที่เป็นที่นิยม คือ การปักชำ โดยมีวิธีการดังนี้

           เริ่มจากคัดเลือกท่อนพันธุ์สบู่แดง ที่สมบูรณ์ไม่มีโรค หรือ แมลงรบกวน โดยต้องท่อนพันธุ์ยาว 45-50 เซนติเมตร เพาะกับวัสดุเพาะที่ผสมในแปลง แต่บอกเพาะชำในถุงจะตัดเป็นท่อนยาว 15-20 เซนติเมตร เมื่อเพาะชำจนท่อนพันธุ์สบู่แดง แตกกิ่งใบแล้วจึงย้ายลงปลูกในแปลง ซึ่งหากปลูกในที่ที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์จะเว้นระยะระหว่างแถว 1.25 เมตร และระยะระหว่างต้น 1.50 เมตร แต่หากปลูกในที่ที่ดินไม่ดีควรเว้นระยะระหว่างแถวและต้นที่ 1x1 เมตร ทั้งนี้พื้นที่ที่ปลูกสบู่แดงไม่ควรมีน้ำท่วมขังและควรปลูกบนพื้นที่ดอนมากกว่าที่ราบลุ่ม


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของสบู่แดงระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น 

  • สารสกัดจากใบสบู่แดงพบสาร ricinine, (2α,13α,14β,20S)-2,24,25-trihydroxylanost-7-en-3-one, gossypiline และ jatrophenone
  • สารสกัดจากรากสบู่แดงพบสาร gadain, jatrophan, propacih, 2α-hydroxyjatrophone, falodone, jatropholone A,B
  • สารสกัดจากลำต้นสบู่แดง พบสาร cleomiscosin A, gossypidien, isogodain, jatrodien, prasanthaline, gossypifan
  • สารสกัดจากเมล็ดสบู่แดงพบสาร 12-deoxy-16-hydroxylphorbol, jatrophan, gadain, jatrophin
  • น้ำยางสบู่แดงพบสาร cyclogossine A,B, phorbol esters

โครงสร้างสบู่แดง

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสบู่แดง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดสบู่แดง จากส่วนต่างๆ ของสบู่แดงระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้

           ยาฤทธิ์แก้ปวด มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดเมทานอลและปีโตรเลียมอีเธอร์ จากส่วนเหนือดินของสบู่แดง ระบุว่าเมื่อป้อนสารสกัดในขนาด 100 และ 200 มก./กก./วัน ทางปากในหนูเป็นเวลา 7 วัน พบว่ามีเพียงสารสกัดเมทานอลเท่านั้นที่แสดงฤทธิ์ระงับปวดที่สำคัญในแบบจำลอง Eddy's hot plate และ tail-flack ส่วนสารสกัดเมทานอลจากส่วนผล ในขนาด 200 และ 400 มก./กก. พบว่าสามารถยับยั้งการตอบสนองการกินที่เกิดจากกรดอะซิติกได้อย่างมีนัยสำคัญ

           ฤทธิ์สารด้านเชื้อแบคทีเรีย มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่า น้ำยางของสบู่แดง มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในหลอดทดลองต่อเชื้อ Shigella dysenteriaeListeria, monocytogenes, Salmonella tyhimurium, Salmonella typhi และ Staphylococcus aureus

           ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่า เมื่อป้อนสารสกัดเมทานอลและปิโตรเลียมอีเธอร์ จากส่วนเหนือดินของสบู่แดง ทางปากในหนูทดลองในขนาด 100 และ 200 มก./กก./วัน เป็นเวลา 7 วัน พบว่าสารสกัดเมทานอลเท่านั้นที่แสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบที่สำคัญต่ออาการบวมที่อุ้งเท้าที่เกิดจากคาร์ราจีแนนได้

           ฤทธิ์ปกป้องตับ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่าเมื่อป้อน สารสกัดปิโตรเลียมอีเธอร์ เมทานอลและน้ำ ทางปากแก่หนูทดลองในปริมาณ 200 มก,/กก./วัน เป็นเวลา 7 วัน พบว่าสารสกัดทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ในการปกป้องตับในการทำลายตับที่เกิดจากคาร์บอนเตตระคอลไรด์ โดยสารสกัดปิโตรเลียมอีเธอร์มีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเมทานอล

           ฤทธิ์ลดความดันโลหิตและคลายหลอดเลือด มีรายงานระบุว่าเมื่อป้อนสารสกัดเอทานอลจากส่วนเหนือดินของสบู่แดง ทางปากแก่หนูในปริมาณ 125 และ 250 มก./กก./วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดระดับความดันโลหิตซิลโดลิกและช่วยให้หลอดเลือดผ่อนคลายโดยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นในหลอดเลือดแดงในช่องท้องที่แยกจากหนู (ex vivo) ที่ไม่มีเอนโดทีเลียมซึ่งหดตัวล่วงหน้าด้วยนอร์เอพิเนฟรินหรือ CaCI2


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสบู่แดง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสบู่แดงระบุว่า มีรายงานผลการศึกษาทางพิษวิทยาในแกะพบว่า เมื่อให้แกะกินใยสดของสบู่แดงในปริมาณ 40 กรัม/น้ำหนัก/กิโลกรัม ครั้งเดียวมีผลทำให้สัตว์ตายได้ โดยพยาธิสภาพทางคลินิกและพยาธิวิทยาในแกะที่ใช้ทดลอง จะเกิดจากระบบย่อยอาหารปอดและหัวใจผิดปกติ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเยื่อของตับและไต นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ส่วนของน้ำยางและเมล็ดของสบู่แดง มีความเป็นพิษสูง โดยในน้ำยางมีสารพิษ กลุ่ม phorbol esters, toxic albomin และ curcin ส่วนในเมล็ดมีสารพิษกลุ่ม jatrophin (curcin) เป็นต้น


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

เนื่องจากสบู่แดงเป็นพืชที่มีส่วนของน้ำยางและเมล็ดที่เป็นพิษสูง ดังนั้นในการใช้สบู่แดง เป็นสมุนไพรควรใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้เอง เนื่องจากหากใช้ผิดวิธี หรือ ใช้ผิดส่วนอาจทำให้ได้รับพิษจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้และยังมีรายงานว่าหากน้ำยางถูกผิวอาจเกิดอาการแพ้บวมแดงคัน แสบร้อนผิวหนัง บวมพองเป็นตุ่มน้ำใส หากโดนตาอาจทำให้อักเสบบวมแดง ตาบอดชั่วคราว หรือ ถาวรได้ ส่วนหากรับประทานเข้าไปภายใน 1 ชั่วโมง จะทำให้เกิดอาการปวดหัว ม่านตาขยายเลือดออกในเรตินา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียคล้ายอาหารเป็นพิษ ถ่ายเป็นเลือด ปวดท้องเนื่องจากเยื่อบุอาหารถูกทำลาย ความดันโลหิตต่ำ ชัก เป็นอัมพาต การเต้นของหัวใจผิดปกติและหากรับประทานเข้าไปปริมาณมากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้


เอกสารอ้างอิง สบู่แดง
  1. พงษ์ศักดิ์ พสเสนา. (2550). พืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์. ปราจีนบุรี: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจตนารมณ์ภัณฑ์.
  2. สมพร ภ.หิรัญรามเคช. 2535. ตำราสมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 6. พิมพ์ครั้งที่ 7. กองโรงพิมพ์, กรุงเทพฯ.
  3. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล. (2542). ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพร กรุงเทพฯ:
  4. ลีนา ผู้พัฒนพงศ์. 2530. สมุนไพรไทย ตอนที่ 5. พิมพ์ครั้งที่ 1. ชุติมาการพิมพ์, กรุงเทพ
  5. สำนักหอพรรณไม้. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช. (2549). พรรณไม้ห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี. กรุงเทพฯ
  6. คณิตา เลขะกุล. 2536. ไม้ดอกไม้ประดับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, พิมพ์ครั้งที่ 1. สำนักพิมพ์ด่านสุทธาการพิมพ์, กรุงเทพฯ.
  7. ศูนย์พัฒนาตำราการแพทย์แผนไทย. มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา. (2549). พฤกษชาติสมุนไพร. นนทบุรี
  8. นิจศิริ เรืองรังสี และพะยอม ตันติวัฒน์. 2532. พืชสมุนไพร. พิมพ์ครั้งที่ 1. โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ
  9. สถาบันวิจัยสมุนไพร. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. (ม.ป.ป.), คู่มีอฐานข้อมูลพืชพิษ กรุงเทพฯ
  10. ภูมิพิชญ์ สุชาวรรณ. ม.ป.ป. พืชสมุนไพรใช้เป็นยา เล่ม 1. อักษราพิพัฒน์, กรุงเทพฯ.
  11. รัตนวรรณ พรรุ่งเรืองกุล. ศักยภาพทางอัลลีโลพาทีในพืชสกุล jatropha บางชนิด. ปริญญานิพนธ์บัณฑิตวิทยาลัย หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. พฤษภาคม 2556. 125 หน้า
  12. ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 2539. สยามไชยพฤกษ์ภูมิปัญญาชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. อมรินทร์พริ้นติ้ง, กรุงเทพฯ.
  13. Di Stasi LC, Hiruma-Lima CA. Plantas medicinais na Amazônia e na Mata Atlântica. 2nd edition. São Paulo, Brazil: UNESP; 2002
  14. A. S. Apu, F. Hossain, F. Rizwan et al., "Study of pharmacological activities of methanol extract of Jatropha gossypifolia fruits," Journal of Basic and Clinical Pharmacy, vol. 4, no. 1, pp. 20-24,2013
  15. L. I. Oliveira, F. E. Jabour, V. A. Nogueira, and E. M. Yamasaki,
  16. "Intoxicação experimental com as folhas de Jatropha gossypifo-lia (Euphorbiaceae) em ovinos," Pesquisa Veterinária Brasileira, vol. 28, no. 6, pp. 275-278, 2008.
  17. O. M. David and J. O. Oluyege, "In vitro susceptibility of selected pathogenic bacteria to leaf extracts and latex of Jatropha gossypiifolia(L) and Jatropha curcas (L)," Biosciences Biotechnology Research Asia, vol. 3, no. 1, pp. 91-94, 2006.
  18. I. C. Abreu, A. S. S. Marinho, A. M. A. Paes et al., "Hypotensive and vasorelaxant effects of ethanolic extract from Jatropha gossypiifolia L. in rats, Fitoterapia, vol. 74, no. 7-8, pp. 650-657,2003.
  19. F. A. G. Rocha and L. I. S. Dantas,"Atividade antimicrobiana in vitro do látex do aveloz (Euphorbia tirucalli L.), pinhão bravo (Jatropha mollissima L.) e pinhão roxo (Jatropha gossypiifolia L.) sobre microrganismos patogênicos," Holos, vol. 25, no. 4, 2009.
  20. B. B. Panda, K. Gaut, M. L. Kori et al, "Anti-inflammatory and analgesic activity of jatropha gosypifolia in experimental animal models, "Global Journal ef Pharmacology, vol. 3, no. 1, 2009,