หนามแท่ง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
หนามแท่ง งานวิจัยและสรรพคุณ 7 ข้อ
ชื่อสมุนไพร หนามแท่ง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น กะแทง, เค็ด, หนามเค็ด, มะเค็ด (ภาคกลาง, ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), แท้ง, หนมขี้แรด (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), เคล็ดทุ่ง (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Catunaregam tomentosa (Blume ex DC.) Triveng
วงศ์ RUBIACEAE
ถิ่นกำเนิดหนามแท่ง
หนามแท่ง จัดเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย โดยมีถิ่นกำเนิดกระจายเป็นบริเวณกว้างในประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงทางตอนใต้ของจีน จากนั้นจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปทั่วเขตร้อนของทวีปเอเชีย และแอฟริกา สำหรับในประเทศไทยสามารถพบหนามแท่ง ได้ทั่วทุกภาคของประเทศแต่จะพบได้มากใตภาคอีสานบริเวณป่าดิบ ป่าแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าละเมาะ ป่าชายหาด และบริเวณทุ่งหญ้า หรือ ตามที่รกร้างว่างเปล่า ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึง 300 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณหนามแท่ง
- ใช้รักษาเบาหวาน
- แก้โรคมะเร็งตับ
- มะเร็งในกระดูก
- แก้วัณโรค
- ใช้แก้ไข้
- ช่วยขับปัสสาวะ
- ใช้รักษาแผลที่ถูกหนามต่างๆ ทิ่มแทงหักคาในเนื้อ
คนไทยในอดีตมีการนำเนื้อในรอบเมล็ดของหนามแท่ง มาขยี้กับน้ำทำให้เกิดฟองแล้วใช้ซักผ้าสระผม หรือ นำไปใช้เป็นยาเบื่อปลา และหญิงไทยในอดีตยังมีการใช้เนื้อในผลหนามแท่ง มาขยี้ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้สระผมเพื่อทำให้ผมนุ่มเงางามอีกด้วย
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้เบาหวาน แก้โรคมะเร็งตับ มะเร็งในกระดูก แก้วัณโรค โดยนำทั้งต้น หรือ แก่นกับรากของหนามแท่ง มาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ไข้ ขับปัสสาวะ โดยนำใบสดมาต้มกับน้ำดื่ม หรือ นำใบมาตากแห้ง แล้วใช้ชงเป็นชาดื่ม เช้า-เย็น
- ใช้รักษาแผลที่ถูกหนามทิ่มหักคามือ โดยนำเนื้อไม้มาฝนทาบริเวณที่เป็นแผล
ลักษณะทั่วไปของหนามแท่ง
หนามแท่ง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 4-10 เมตร ทรงพุ่มยอดรูปปลายตัด กิ่งแตกออกเกือบขนานกับพืช ลำต้น และกิ่งก้านทรงกระบอก แต่เมื่อต้นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนปลายของลำต้นจะมีลักษณะยอดบิดคดไปมา คล้ายไม้บอนไซ เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล กิ่งก้านมีหนามออกเป็นคู่ตรงข้ามหนามมีลักษณะแข็ง แหลม ยาว 1-2 นิ้ว บริเวณกิ่ง และยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุม
ใบหนามแท่ง เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามชิดติดกันเป็นกระจุก บริเวณกิ่งใหญ่ ลักษณะในเป็นรูปไข่กว้าง หรือ รูปไข่แกมวงรี กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร ใบมักม้วนลงเล็กน้อย โคนใบสอบเรียว ปลายใบกลม หรือ มน หรือ อาจมีติ่งเล็กน้อย ขอบใบเรียบ แผ่นในกิ่งหนาคล้ายแผ่นหนัง มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย ด้านบนของใบมีสีเขียวเข้มกว่าด้านล่างมีขนสีเทานวล มีเส้นแขนงที่มองเห็นชัดเจนใบข้างละ 6-12 เส้น ใบด้านบนมีเส้นใบย่อยแบบร่างแหชัดเจน และมีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ เป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนก้านใบยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มีขนสั้นหนานุ่มปกคลุม
ดอกหนามแท่ง เป็นดอกเดี่ยว หรือ อาจออกเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ส่วนปลายแยกเป็น 8-10 แฉก กลีบดอกเป็นรูปใบหอกกลับแกมรูปไข่ กว้าง 4-6 มิลลิเมตร ยาว 1-1.5 เซนติเมตร ปลายแหลม กลีบดอกมักบิดเป็นกังหัน เมื่อเริ่มออกดอกกลีบดอกจะมีสีขาว แต่เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ดอกกลิ่นหอม เกสรเพศผู้จำนวนเท่ากับแฉกกลีบดอก ส่วนเกสรเพศเมีย มีรังไข่ใต้วงกลีบ และมีออวุลจำนวนมาก ยอดเกสรเพศเมีย มี 2 แฉก ขนาดใหญ่สีครีม และมีกลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 5-8 มิลลิเมตร มีขนปลายแยกเป็น 8-10 แฉก
ผลหนามแท่ง เป็นผลสดมีเนื้อ ลักษณะค่อนข้างกลม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร เปลือกผลนุ่มมีขนเหมือนกำมะหยี่สีน้ำตาลปกคลุม เมื่อผลแห้งแล้วจะไม่แตกด้านในผลมีเมล็ดรูปรี หรือ รูปไข่จำนวนมากมีขนาดเล็ก
การขยายพันธุ์หนามแท่ง
หนามแท่ง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด ซึ่งในปัจจุบันการขยายพันธุ์ของหนามแท่งจะเป็นการขยายพันธุ๋ในธรรมชาติเท่านั้น ไม่พบว่ามีการนำหนามแท่งมาปลูกตามบ้านเรือน หรือ ไร่นา เนื่องจากมีความเชื่อว่าต้นหนามแท่ง มีหนามหากมีต้นหนามแท่งในบ้านอาจมีอุปสรรคขวากหนามในชีวิต ดังนั้นการกระจายพันธุ์ของหนามแท่งในธรรมชาติจึงเป็นการอาศัยผลที่ร่วงลงพื้น แล้วเมล็ดเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่เท่านั้น สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกหนามแท่ง นั้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนเปลือกต้น และผลของหนามแท่ง ในต่างประเทศระบุว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น Catunaregin, ficusal, pinoresinol, scopoletin, daucosterol, randialic acid β, morindolide, scoparone และ secoisolaricoresinol เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของหนามแท่ง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยา ของสารสกัดหนามแท่ง จากเปลือกต้น เปลือกผล ใบ และผล ระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
มีผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดเอทานอลจากผลของหนามแท่ง พบว่าเมื่อบ่มสารสกัดความเข้มข้น 0-1.25 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ร่วมกับเซลล์ไมโครฟาจนาน 24 ชั่วโมง ไม่พบความเป็นพิษต่อเซลล์แมคโครฟาจนอกจากนี้สารสกัดเมทานอลจากผลหนามแท่งที่ความเข้มข้น 50-200 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ยังสามารถยับยั้งการแสดงออกของยีนไซโคลออกซิจีเนส-2 (COX-2) และยีนทูเมอร์เนโครซีสแฟคเตอร์-อัลฟา (TNF-α) ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และสูงขึ้นตามปริมาณที่ใช้ และใกล้เคียงกับยาอินโดเมทาซิน
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดเอทานอลจากส่วนใบของหนามแท่ง โดยการทดสอบ 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl (DPPH) พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีสาร ฟินอล และฟลาโวนนอยด์สูงที่สุด อีกทั้งยังแสดงให้เห็นฤทธิ์การต้านอนุมูลอสิระ โดยมีค่า IC50 ที่ 20.07±0.51 ไมโครกรัมมิลลิลิตร
อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยสารสกัดจากผล และใบของหนามแท่งต่อเชื้อศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacllus subills และ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดจากผล ใบหนามแท่งที่ 1,000 ไมโครกรัม/แผ่น แสดงประสิทธิภาพสูงสุดต่อ B. subtilis และ S. aureus ด้วยค่า MIC 1,000 µg/mL
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของหนามแท่ง
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้หนามแท่ง เป็นสมุนไพรควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง หนามแท่ง
- มะเค็ด. โครงการสำรวจและจัดทำข้อมูลพืชสมุนไพรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ปีงบประมาณ พ.ศ.2562. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- จินตนา จุลทัศน์, ปิยะพร ทรจักร, กัญญารัตน์ เป็งงำเมือง, ฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบของสารสกัดผลหนามแท่ง. วารสารหมอยาไทยวิจัยปีที่ 4. ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม 2561. หน้า 57-65
- หนามแท่ง. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=124
- Li J., Huang X., Jiang X.-H., et al. Catunarosides I-L, four new triterpenoid saponins from the stem bark of catunaregam spinosa. Chemical and Pharmaceutical Bulletin. 2015;63(5):388–392.
- Gao G., Qi S, Zhang S, et al. Minor compounds from the stem bark of Chinese mangrove associate Catunaregam spinosa. Die Pharmazie. 2008;63(7):542–544.
- Varadharajan M., Sunkam Y., Magadi G., Rajamanickam D., Reddy D., Bankapura V. Pharmacognostical studies on the root bark and stem bark of Catunaregam spinosa (Thunb.) Tiruv. (Madanaphala) - an Ayurvedic drug. Spatula DD - Peer Reviewed Journal on Complementary Medicine and Drug Discovery. 2014;4(2):89–99.
- Gao G.-C., Wei X.-M., Qi S.-H., Yin H., Xiao Z.-H., Zhang S. Catunaregin and epicatunaregin, two norneolignans possessing an unprecedented skeleton fromcatunaregam spinosa. Helvetica Chimica Acta. 2010;93(2):339–344.