หญ้าลิ้นงู ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
หญ้าลิ้นงู งานวิจัยและสรรพคุณ 12 ข้อ
ชื่อสมุนไพร หญ้าลิ้นงู
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ไป๋ฮวาเสอเสอเฉ่า, เสอเสอเฉ่า,สุ่ยเซี่ยนเฉ่า,จุ่ยจี้เช่า,จั่วจิเช่า (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์Oldenlandia corymbose Linn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์Hedyotis corymbose (L.) Lamk.
ชื่อสามัญSnake needle grass. Hedyotis diffusae herba
วงศ์ RUBIACEAE
ถิ่นกำเนิด หญ้าลิ้นงูจัดเป็นพืชในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของทวีปแอฟริกา บริเวณ เอธิโอเปีย จีบูตี และเอริเทีย ต่อมาจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังแถบเอเชียกลางและเอเชียใต้ เช่นในโอมาน เยเมน ปากีสถาน และอินเดีย ในปัจจุบันสามารถพบได้ ในพื้นที่ภูมิอากาศเขตร้อนถึงร้อนชื้นแถบแอฟริกา ทะเลแคริบเบียนเอเชีย ออสเตรเลีย และในหมู่เกาะแถบแปซิฟิก สำหรับในประเทศไทย พบได้มากในภาคกลางและภาคใต้บริเวณสองข้องทางที่รกร้างว่างเปล่า และตามชายป่าทั่วไป
ประโยชน์/สรรพคุณ หญ้าลิ้นงูถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรทั้งในตำรายาไทยและตำรายาจีน โดยมีการระบุถึงสรรพคุณเอาไว้ดังนี้
ในตำรายาพื้นบ้านของไทย ได้ระบุถึงสรรพคุณเอาไว้ว่า ทั้งต้นใช้ เป็นยาแก้ไข้ ตัวร้อน แก้ไข้ป่า และแก้ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ แก้โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร หรือใช้ล้างแผลฝีบวม แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก ส่วนตำรายาจีนระบุว่าทั้งต้นมีรสขม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และลำไส้ ใช้ขับพิษร้อนถอนพิษไข้ ระบายพิษร้อน แก้ฝีในท้อง แก้ลำไส้อักเสบ แก้ฝีอักเสบบวม แก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ใช้ฆ่าพยาธิ ขับปัสสาวะ ลดอาการบวม
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้ป่า แก้ฝีในท้อง ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ แก้โรคทางเดินอาหาร ขับปัสสาวะ ลดบวม แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ตับอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ฆ่าพยาธิ โดยนำทั้งต้นแห้ง 15-30 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม แต่หากเป็นต้นสดใช้ 20-40 กรัม
- ใช้แก้ฝีบวม ฝีอักเสบ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ใช้ต้นสดนำมาต้มเอาน้ำชะล้าง แล้วนำต้นสดอีกกำหนึ่งมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น
นอกจากนี้ในอินเดียยังมีการใช้หญ้าลิ้นงูทั้งต้น มาต้มในนมกับน้ำตาลดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกอันเนื่องมาจากรดไหลย้อน และรักษาโรคตับอักเสบ ในฟิลิปปินส์ มีการใช้หญ้าลิ้นงู มาต้มน้ำดื่มเพื่อรักษาโรคกระเพาะ ส่วนในอินโดนีเซียใช้หญ้าลิ้นงูนำมาต้มกับน้ำดื่ม รักษาไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป หญ้าลิ้นงูจัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็กอายุ 1 ปี มักออกคลุมดินแตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นมีขนาดเล็ก เป็นเหลี่ยมผิวเรียบเกลี้ยง เลื้อยยาวแผ่ไปตามดินโดยมีลักษณะเป็นข้อๆ 6-10 นิ้ว ส่วนยอดชูสูงขึ้น 15-50 เซนติเมตร ระหว่างข้อมีร่องเล็กๆ ตามความยาวของลำต้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ใบมีขนาดเล็กกว้าง 1.5-3.5 มิลลิเมตร และยาว 1.5-3 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นรูปหอกเรียวแหลม โคนใบและปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรียบหยาบ แผ่นใบหนาเล็กน้อยมีสีเขียวเข้ม หลังใบคดงอ มองเห็นเส้นกลางใบเป็นร่องลึกยาว จากโคนใบถึงปลายใบ ใบไม่มีก้านใบและมีหูใบขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อกระจุก โดยจะแยกออกจากันเป็นคู่ ๆ บริเวณง่ามใบ ซึ่งในช่อหนึ่งจะมีดอกย่อยขนาดเล็ก 2-5 ดอกช่อดอกมีความยาว 0.6-2 เซนติเมตร ส่วนดอกย่อยยาวประมาณ 2.5 มิลลิเมตร กลีบดอกแยกออกเป็นแฉก 4 แฉก กลีบดอกเป็นรูปกรวยสีขาว ด้านนอกมีขนปกคลุมมีเกสรเพศผู้ 5 อัน มีรังไข่ 2 อัน และมีก้านดอกยาว 0.6-2 เซนติเมตร ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 มิลลิเมตร มีเส้นสี่มุม เปลือกนอกแข็ง เมื่อผลแก่บริเวรปลายผลจะแตกออก ภายในผลมีเมล็ดลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ ขนาดเล็กๆ อยู่เป็นจำนวนมาก
การขยายพันธุ์ หญ้าลิ้นงูเห่า สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด ในประเทศไทยไม่พบการนำมาขยายพันธุ์แต่อย่างใด ส่วนมากจะเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติ สำหรับในประเทศจีนมีรายงานว่ามีการเพาะขยายพันธุ์เพื่อนำมาใช้เป็นสมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกหญ้าลิ้นงูนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูก ไม้ล้มลุกจำพวกหญ้าชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หญ้าลิ้นงูเป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุยที่มีความชุ่มชื้นสูง
องค์ประกอบทางเคมี มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากทั้งต้นของหญ้าลิ้นงูระบุว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดทั้งต้นของหญ้าลิ้นงู (Hedyotis corymbosa Lamk.) โดยนำมาแยกด้วยวิธีโครมาโทกราฟี พบสารประกอบต่างๆ ดังนี้ ursolic acid , carymbosin, aurantiamide acetate , chondrilastero , salicylic acid, B-sitosteryl-3-O-B-D-glucopyranoside,3B-acetylaleuriolic acid,1,5- anhydroglucitol และ 22,23-dihydrochondrillasterol เป็นต้น
1) Aurantiamide acetate
2) 3β-acetylaleuritolic acid
3) Salicylic acid
4) 22,23-dihydrochondrilladterol
5) Chondrillasterol
6) Β-sitodteryl-3-O-β-D-glucopyranoside
7) 1,5-arhydroglucitol
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยา มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากทั้งต้นของหญ้าลิ้นงู ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยในสารสกัดจากทั้งต้นของหญ้าลิ้นงู โดยได้ทำการทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์ P388 (เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว) ในหลอดทดลอง ซึ่งได้รับการประเมินโดยวิธีการนับจำนวนเซลล์ผลการศึกษาพบว่าสารสกัดสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็ง P388 ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยสารต่างๆที่พบในสารสกัดดังกล่าว พบว่าสาร aurantiamide acetate แสดงฤทธิ์ยับยั้งการปล่อย β-glucuronidase ที่เกี่ยวข้องกับการขับสารพิษในร่างกายและมีฤทธิ์ต้านฮีสตามีนยับยั้งเนื้องอก α(TNF-α) และต้านการอักเสบได้ และสาร 3β-acetylaleuritolic acid มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphytococcusaureus และ Salmonella typhimurium ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนสาร Salicylic acid ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและฆ่าเชื้อราได้อีกด้วย
ส่วนการศึกษาวิจัยอีกฉบับหนึ่งระบุว่า สารสกดัดน้ำจากทั้งต้นของหญ้าลิ้นงู มีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยจะเข้าไปช่วยลดการหลั่งสารก่อการอักเสบในร่างกาย โดยสามารถลดความเสียหายของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยนการฟื้นฟูผิว และมีฤทธิ์เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยสามารถปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีผลช่วยลดอาการของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคลูปัล (SLE) ที่เกิดทางผิวหนัง เป็นต้น และยังมีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ปกป้องตับของสารสกัดจากทุกส่วนของหญ้าลิ้นงูในหนูทดลองพบว่า สารสกัดจากหญ้าลิ้นงูมีคุณสมบัติในการปกป้องตับจากการถูกทำลายของสารเคมีต่างๆ ได้แก่ Carbon tetrachloride , D-Galatosamine , Perchloroethylene โดยมีค่าใกล้เคียงกับยา Silymarin ส่วนสารสกัดเอทานอลจากส่วนใบและส่วนเหนือดินของหญ้าลิ้นงู พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ตับ และยับยั้งเซลล์มะเร็งบางชนิดเมื่อทดสอบในหลอดทดลอง (in vitro) ส่วนการทดสอบในสัตว์ทดลองพบว่ามีฤทธิ์สมานแผลและแก้ปวด
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยา ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง สำหรับการใช้หญ้าลิ้นงู เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ นั้น ควรระมัดระวังในการใช้ เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด/ปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสมุนไพรในระยะยาวได้
อ้างอิงหญ้าลิ้นงู
- วิทยา บุญวรพัฒน์.หญ้าลิ้นงู.หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า600.
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.หน้าลิ้นงู,หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย.ฉบับพิมพ์ครั้งที่5.หน้า811.
- สุนันท์ ชัยนะกุล และคณะ.องค์ประกอบทางเคมีและความเป็นพิษต่อเซลล์ของหญ้าลิ้นงู Chemical constituents and cytotoxic activity of Hedyotis corymbose Lamk. วารสารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)ปีที่2.ฉบับที่3.มกราคม-มิถุนายน2553.หน้า80-88.
- Smitinund, T. (1980). Thai plant names (botanical names-vernacular names); Funny Publishing;Bangkok, 173-174.
- Patel T, Jain V and Dodia R. Oldenlandia corymbosa L.: A Phytopharmacological review International Journal of Phytopharmacy Review Article Vol. 4 (3), pp.79-8
- Wuthitamaves, W. (1997). Encyclopedia of medicinal plants; Odean Store: Bangkok, 469.
- Wahidulla, S., DiSouza, L., Kamal, S.Y. (1991). Dipeptides from the red alga Acantophoraspicifera. Phytochemistry, 30, 3323-3325.
- Peres, M.T.L.P., Delle Monache, F.D., Cruz, A.B., Pizzolatti, M.G., Yunes, R.A. (1997). Chemicalcomposition and antimicrobial activity of Croton urucurana Baillon (Euphorbiaceae).J. Ethnopharmacol., 56, 223-226.
- Sivapraksam SSK., Karunakaran K., Subburaya U., Subashini TS. A Review on Phytochemical and Pharmacological Profile of Hedyotis corymbosa Linn. Int. J. Pharm. Sci./ Rev. Res. 2014; 26(1): 320-4.
- Shiel, W.C., and Stoppler, M.C. (2008). Medical Dictionary. Wiley Publishing,Inc. New Jersey.
- Sadasivan, S., Latha, P.G., Sasikumar, J.M., Rajashekaran, S., Shyamai, S., Shine, V.J. (2006).Hepatoprotective studies on Hedyotis corymbosa Lamk. J. Ethnopharmacol., 106, 245-249
- Sashidhara, K.V., Rosaiah, J,N., Tyagi, E., Shula, R., Raghubir, R., Rajendran, S.M. (2008).Rare dipeptide and urea derivatives from roots of Moringa oleifera as potential anti-inflammatoryand antinociceptive agents. Eur. J. Med. Chem., 1-5
