ตะโกสวน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ตะโกสวน งานวิจัยและสรรพคุณ 20 ข้อ


ชื่อสมุนไพร ตะโกสวน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ตะโกไทย, พลับป่า (ภาคกลาง), ปลาม [ภาคใต้ (เพชรบุรี)], มะเขือเถื่อน (ภาคอีสาน), มะสุลั๊วะ (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros malabarica (Desr.) Kostel.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Diospyros peregrina (Grertn) Gurke, Embryopterina Gaertn.
ชื่อสามัญ Bo Tree
วงศ์ EBENACEAE


ถิ่นกำเนิดตะโกสวน

ตะโกสวน จัดเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมเป็นบริเวณกว้างในทวีปเอเชีย บริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่น ประเทศ พม่า ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงบางส่วนในอินเดีย และบังคลาเทศ แต่ในปัจจุบันได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังประเทศเขตร้อนใกล้เคียงรวมถึงเขตร้อนในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกอีกด้วย สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามไร่ หรือ สวนรวมถึงตามชายป่า ป่าเบญจพรรณและป่าดิบชื้น แต่จะพบมากทางภาคใต้ของไทย


ประโยชน์และสรรพคุณตะโกสวน

  • ช่วยลดไข้
  • แก้บิด
  • แก้ท้องร่วง
  • แก้ไข้มาลาเรีย
  • ลดน้ำตาลในเลือด
  • ช่วยสมานแผล
  • ช่วยบำรุงกำลัง
  • รักษาแผลในปาก
  • แก้คออักเสบ
  • ช่วยขับปัสสาวะ
  • ห้ามเลือด
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • ช่วยบำรุงธาตุ
  • แก้อาเจียน
  • แก้ปวดฟัน
  • แก้พยาธิ
  • แก้บวมช้ำ
  • แก้ฝีเฝื่อน
  • ช่วยแก้น้ำกัดเท้า
  • แก้ท้องเดิน

           มีการนำผลสุกของตะโกสวน มารับประทานเป็นผลไม้โดยมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ส่วนเปลือกต้นจะให้น้ำฝาดนิยมใช้สำหรับฟอกหนัง เปลือกต้นให้น้ำฝาดใช้สำหรับฟอกหนัง และยางของลูกตะโกสวนให้สีน้ำตาล สามารถนำมาละลายน้ำใช้ย้อมผ้า แห และอวน เพื่อให้ทนทานยิ่งขึ้น ส่วนเนื้อไม้สามารถนำมาทำเป็นเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน หรือ เครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร เช่น ด้ามจอบ ด้ามเสียบ และยังสามารถใช้ในงานแกะสลักได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการนิยมนำตะโกสวนมาปลูกเป็นไม้ประดับ หรือ ไม้ดัด โดยนำมาปลูกในกระถาง แล้วตัดกิ่งก้าน และดัดแต่งใบให้เป็นพุ่ม หรือ ดัดให้เป้นรูปทรงต่างๆ แล้วนำมาประดับในอาคารบ้านเรือน หรือ ตามสวนสาธารณะต่างๆ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ลดไข้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้บิด แก้ท้องร่วง โดยนำเปลือกตะโกสวน ต้น 4-6 ชิ้น มาต้มกับน้ำ 1 ลิตร ใช้ดื่มต่างน้ำ
  • ใช้แก้อาเจียน แก้ปวดฟัน แก้บวม สมานแผล แก้ฝีเปื่อยผุพัง โดยนำเปลือกรากมาต้มกับน้ำดื่ม หากใช้ภายนอกให้ใช้เปลือกรากมาทุบพอกบริเวณที่เป็น
  • ใช้แก้คออักเสบ ช่วยย่อยอาหารโดยการนำเนื้อไม้หรือแก่นไม้ 4-6 ชิ้นมาต้มกับน้ำ 1 ลิตรดื่ม ใช้แก้แผลน้ำกัดเท้าโดยใช้ยาวจากต้น หรือ ผลมาใส่แผล


ลักษณะทั่วไปของตะโกสวน

ตะโกสวน จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-20 เมตร ทรงพุ่มถึงเปลือกนอกเรียบถึงแตกเป็นแผ่น หรือ ลอกหลุดเป็นแอ่งตื้นๆ มีสีดำแต้มขาว ส่วนเปลือกในสีน้ำตาลอมแดง กิ่งอ่อนเกลี้ยง กระพี้มีสีขาว ส่วนยอดอ่อนมีสีน้ำตาลอมดำ 

  • ใบเป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับ ใบอ่อนเป็นสีแดง ใบเป็นรูปของขนาน หรือ ขอบขนานแกมหอกกลับกว้าง 3-8 เซนติเมตร ยาว 10-23 เซนติเมตร โคนใบโค้งมน หรือ สอบเป็นรูปลิ่ม เนื้อใบหนาคล้ายแผ่นหนัง และมักจะมีต่อมเห็นได้ชัดเจน มีเส้นแขนงใบ 10-18 คู่ และมีก้านใบยาว 1-1.5 เซนติเมตร
  • ดอกเป็นแบบแยกเพศต่างต้น โดยเป็นดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อสั้นๆ บริเวณง่ามใบซึ่งในแต่ละช่อจะมีดอกย่อย ช่อละประมาณ 2-7 ดอก ลักษณะดอกย่อยมีกลีบดอก 4-5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ด้านนอกมีขนยาวด้านในมีขนสั้นๆกลีบดอกและมีสีขาวจนถึงสีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบเลี้ยงยาว 2-3 มิลลิเมตรมีขนอ่อนๆ ขึ้นปกคลุม ส่วนดอกเพศเมียออกดอกตามซอกใบ และจะออกเป็นดอกเดี่ยวและมีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้ ลักษณะของดอกเหมือนกับดอกเพศผู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า
  • ผล รูปร่างกลม ผิวมีเกล็ดคล้ายกับตะโกนา แต่ผลโตและยาวกว่า โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4-6 เซนติเมตร มีกลีบจุกผล 4 กลีบ มีขนสีน้ำตาลทั้งสองด้าน ผลอ่อน มีขนปกคลุม มีสีเขียวอ่อน ส่วนผลแก่สีเหลืองแก่หรือสีส้มเหลือง เนื้อค่อนข้างเละมีก้านผลยาวประมาณ 0.3-1 ซม. สำหรับเมล็ดด้านในผลมีได้ 8-12 เมล็ด ลักษณะทรงรีแป้นสีน้ำตาลดำ ขนาด 1-2 เซนติเมตร 

ตะโกสวน

ตะโกสวน

การขยายพันธุ์ตะโกสวน

ตะโกสวนจัดเป็นไม้ยืนต้นที่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ดให้เป็นต้นกล้าก่อนนำไปปลูก หรือ การปลูกด้วยเมล็ด แต่วิธีที่นิยมทำกันในปัจจุบันคือการปลูกด้วยเมล็ดโดยนำผลตะโกสวน มาแกะเอาเมล็ด จากนั้นนำไปตากแดดจนแห้งแล้วจึงนำเมล็ดมาเพาะปลูกในดิน ส่วนวิธีการปลูกเริ่มจากขุดหลุมประมาณ 40x40 เซนติเมตร แยกดินชั้นล่างและบนออกเป็น 2 ส่วน ตากแดดประมาณ 5-7 วัน จากนั้นรองก้นหลุมด้วยฟางข้าว หรือ หญ้าแห้งแล้วนำดินปลูกที่มีส่วนผสมของดินปุ๋ยคอกใส่รองก้นหลุม 15 เซนติเมตร จากนั้นจึงทำการเพาะปลูกด้วยเมล็ดที่เตรียมไว้แล้วทำการกลบหลุมโดยดินที่เป็นส่วนผสมของดินปลูกและปุ๋ยคอก กับดินก้นหลุมที่ขุดขึ้นมา เพื่อให้รากได้คุ้นเคยกับสภาพดิน แล้วจึงทำการปิดทับด้านบนด้วยดินชั้นบนของหลุมปลูกผสมกับดินปลูกปุ๋ยคอก จากนั้นคลุมทับด้วยฟางข้าว หรือ เศษหญ้าแห้งเพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นแล้วรดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากเปลือกต้น และผลของตะโกสวน พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น β-amyrin, cystine, diospyros, peregrinol, glucopyranosyl, daucosterol,gallic acid, hexacosane, myristic acid, leucopelargonidin, betulin, linoleic acid, linolenic acid, lupeol, L-sorbose, marsformosanone, nonadecan-7-ol-2-one, oleanolic acid, raffinose และ sitosterol เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่าน้ำมันหอมระเหยจากส่วนผลของตะโกสวนยังพบสารต่างๆ อีกเช่น trans-a-Methyl isoeugenol, β-Bisabolene, g-Terpinene, Terpinolene, Myrcene, β-Asarone, α-Cubebene, b-Elemene, α-Phellandrene, Elemol และ Preisocalamendiol เป็นต้น

โครงสร้างตะโกสวน

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของตะโกสวน

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดตะโกสวน จากเปลือกต้นพบว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการอาทิเช่น มีการศึกษาวิจัยในประเทศอินเดียสารสกัดเมทานอลจากเปลือกต้นตะโกสวน มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ปกป้องตับ ต้านอนุมูลอิสระ ของสัตว์ทดลอง ส่วนสารสกัดแอลกอฮอล์จากเปลือกต้นมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ขับปัสสาวะ ต้านอาการท้องเสีย ต้านมาลาเรีย และต้านเนื้องอกในสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกฉบับหนึ่งระบุว่าลดอาการเครียด ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านเชื้อบิด และเชื้อไวรัส อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของตะโกสวน

มีผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสารสกัดจากเปลือกต้นยังมีฤทธิ์จากเปลือกต้นตะโกสวน ที่สกัดด้วยเอทานอล และน้ำ ในอัตราส่วน 1:1 โดยทำการฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร พบว่าขนาดที่สัตว์ทดลองทนได้สูงสุด คือ 250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ในการใช้ตะโกสวน เป็นสมุนไพร โดยเฉพาะในรูปแบบการรับประทาน ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โด่ยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไปหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้


เอกสารอ้างอิง ตะโกสวน
  1. สวนพฤกษศาสตร์ป่าไม้, ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2544. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ พิมพ์ครั้งที่ 2 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม), พิมพ์ที่ บริษัทประชาชน จำกัด 2544.
  2. จำลอง เพ็งคล้ำย. 2526. วงศ์ไม้มะเกลือ. ไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจของไทย ตอนที่ 3: น. 8-149.
  3. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก. “ตะโก”. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. หน้า 81-82.
  4. ตะโกสวน, ไม้ยืนต้น, หนังสือชุดธรรมชาติ สรรพสิ่งศาลายา,มหาวิทยาลัยมหิดล. 2553. หน้า 39
  5. ความหลากชนิดของไม้สกุลมะเกลือในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงจังหวัดสุราษฎร์ธานี. เอกสารเผยแพร่ทางวิชาการ. กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี). 2563. 35 หน้า
  6. Kaushik, V., Saini, V., Pandurangan, A., Khosa, R. L. and Parcha, V. (2012). A review of Phytochemical and biological studies of Diospyros malabarica. Int J Pharm Sci Lett. v. 2 p. 167-169.
  7. M. Maridass, Essential oils of an ethnomedicine, Diospyros malabarica (Desr.) Kostel, M. Sc. Thesis,Manonmaniam Sundaranar University, Alwarkurichi, India 1999
  8. Joshi, S. G. (2000) Medicinal Plants. Oxford and IBH Publishing Co Pvt. Ltd India, p. 173.
  9. Y. Masada, Analysis of Essential Oils by Gas Chromotography and Mass Spectrometry, Wiley, NewYork 1976
  10. Alex, A.T., Nawagamuwa, N.H., Joseph, A., Rao, J.V. (2012). In vitro anti-cancer and antioxidant activity of different fractions of Diospyros peregrina unripe fruit extract. Free Radicals and Antioxidants. v. 46 p. 49-53.