คำมอกหลวง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

คำมอกหลวง งานวิจัยและสรรพคุณ 13 ข้อ

ชื่อสมุนไพร คำมอกหลวง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น คำมอกช้าง, หอมไก๋, แสล้งหอมไก๋, มะไขมอก (ภาคเหนือ), ไข่เน่า, ผ่าด้าม, ยางมอกใหญ่ (ภาคอีสาน), กะหมากเลื่อม (ไทยใหญ่), ซือเก่าพรึ่ (ม้ง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Gerdenia sootepensis Hutch
ชื่อสามัญ Golden gardenia
วงศ์ RUBIACEAE

ถิ่นกำเนิดคำมอกหลวง

คำมอกหลวง จัดเป็นพืชพื้นเมืองของไทยโดยอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE) มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศไทย โดยมีการค้นพบครั้งแรกที่บริเวณดอยสุเทพจากนั้นจึงมีการแพร่ขยายพันธุ์ไปยังบริเวณใกล้เคียง รวมถึงในต่างประเทศยังพบได้ใน ลาว พม่า และเวียดนาม สำหรับในประเทศไทยสามารถพบคำมอกหลวง ได้ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก บริเวณป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา หรือ ป่าเต็งรัง ที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 200-1,500 เมตร


ประโยชน์และสรรพคุณคำมอกหลวง

  1. แก้บิด
  2. แก้ถ่ายเป็นมูกเลือด
  3. ใช้เป็นยาสระผม ฆ่าเหา
  4. ใช้แก้เบาหวาน
  5. แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต
  6. ใช้ให้หญิงอยู่ไฟอาบและใช้สระผม
  7. ใช้แก้ไข้ตัวร้อน
  8. ใช้ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
  9. แก้โรคเลือดที่ผิดปกติ
  10. แก้ไอ
  11. ช่วยขับเสมหะ
  12. แก้ไขข้ออักเสบ
  13. แก้หลอดลมอักเสบ

           ส่วนในต่างประเทศมีรายงานการใช้คำมอกหลวงเป็นยาสมุนไพร เช่นกัน โดยในพม่าใช้แก่น แก้ไข้และแก้โรคเลือดที่ผิดปกติ ส่วนผลใช้แก้ไอ ช่วยขับเสมหะ ในบังกลาเทศ ใช้แก่นแก้ไขข้ออักเสบและแก้หลอดลมอักเสบ

           ชาวม้งมีการนำเนื้อในเมล็ดคำมอกหลวง แก่มาใช้รับประทานและมีการใช้ผลนำไปสระผม ส่วนยางเหนียวจากยอดมีการนำมาใช้อุดใส่ในร่องโคนมีดกับด้ามแทนครัง

           นอกจากนี้ยังมีการนำคำมอกหลวงมาใช้ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาได้และปลูกไม้ประดับอีกด้วย เพราะดอกมีสีเหลืองทองสวยงามและมีกลิ่นหอมอ่อนตลอดวัน อีกทั้งพบว่าดอกยังสามารถส่งกลิ่นหอมได้ยาวนาน แม้ดอกร่วงแล้ว

คำมอกหลวง

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้แก้ไข้ตัวร้อน ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ โดยนำใบและตายอดคำมอกหลวงมาใช้ต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้โรคเบาหวาน โดยนำแก่นคำมอกหลวง มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้บิด ถ่ายเป็นมูกเลือด โดยนำเนื้อไม้คำมอกหลวงมาต้มรวมกับโมกเตี้ยและสามพันเตี้ย ใช้ต้มน้ำดื่ม
  • ใช้เป็นยาฆ่าเหา โดยนำเมล็ดคำมอกลวงนำมาต้มเคี้ยวกับน้ำใช้สระผม
  • ใช้ให้หญิงอยู่ไฟใช้อาบและสระผม โดยนำแก่นคำมอกหลวงผสมกับแก่นมะพอก นำมาต้มกัน
  • ใช้แก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยใช้แก่นคำมอกหลวง นำไปเข้ายากับแก่นโมกหลวง นำไปเข้ายากับแก่นโมกหลวง (โมกใหญ่) ลำต้นมะคังแดง (มุยแดง) รากและลำต้นมะคังขาว (ตะลุมพุก) แล้วนำทั้ง 4 ชนิด มาต้มกับน้ำดื่ม


ลักษณะทั่วไปของคำมอกหลวง

คำมอกหลวง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบทรงพุ่มกลมเรือนยอดโปร่ง แตกกิ่งน้อย มีความสูงของต้น 7-15 เมตร ลำต้นมักคดงอ เปลือกลำต้นค่อนข้างเรียบ แต่มักแตกเป็นสะเก็ดหลุดออกเป็นแผ่นบางๆ ลำต้นมีสีครีมอ่อน หรือ สีเทาถึงสีเทาเข้ม กิ่งอ่อนมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมและมีขน อีกทั้งมียางเหนียวสีเหลืองข้นเป็นก้อนที่ปลายยอด

           ใบคำมอกหลวงเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามโดยจะออกเป็นกระจุกบริเวณปลายยอด ใบคำมอกหลวง มีลักษณะเป็นรูปขอบขนานแกมไข่กลับ หรือ เป็นรูปไข่กลับ โคนใบมนกว้าง 4-15 เซนติเมตร ยาว 9-30 เซนติเมตร ปลายใบแหลม หรือ มน ขอบใบเรียบ ใบอ่อนมีสีชมพูอ่อนถึงสีแดง มีขนสีเงินขึ้นปกคลุม ส่วนใบแก่เป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบมีขนละเอียดขึ้นปกคลุม แผ่นใบหนาแข็งสากมือ มีเส้นใบลักษณะตรงและขนานกันและโค้งมาจรดกันที่ขอบใบข้างละ 16-20 คู่ และมีก้านใบยาว 1 เซนติเมตร อีกทั้งที่ยอดอ่อนจะมีน้ำยางคล้ายขี้ผึ้งสีเหลืองหุ้มไว้

           ดอกคำมอกหลวง เป็นดอกเดี่ยว ขนาดใหญ่โดยจะออกบริเวณปลายยอด หรือ ตามซอกใบ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ บริเวณโคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ซึ่งหลอดกลีบดอกจะมีความยาว 5-7 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกแคบ ปลายแยกเป็น 5 พู และแผ่ออกบิดเป็นเกลียว ยาว 3-4 เซนติเมตร กลีบดอกจะเป็นสีขาวนวลเมื่อแรกบาน แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 ก้าน ผลพ้นปากหลอดกลีบดอกเพียงเล็กน้อย โดยจะเรียงสลับกับกลีบดอกบนปากหลอด ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 ก้าน ก้านเกสรเพศเมียจะยาวโผล่พ้นปากหลอดของกลีบดอก ส่วนอับเรณูมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานและมีรังไข่จะอยู่ใต้วงกลีบมี 1 ช่อ และมีออวุลจำนวนมาก ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทั้งวันและหอมแรงตอนพลบค่ำ เมื่อดอกใกล้โรยจะยิ่งมีกลิ่นหอมแรงมากขึ้น

           ผลคำมอกหลวง เป็นผลสดแบบมีเนื้อ ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงรี หรือ รูปไข่ มีขนาดกว้าง 1.8-2.5 เซนติเมตร ยาว 2-4 เซนติเมตร มีติ่งที่ปลายแลมีสันตื้นๆ รอบผล 5-6 สัน ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ที่ผิวมีปุ่มหูดกับช่องอากาศ ภายในผลมีเนื้อและเมล็ดลักษณะแบน 1 เมล็ด

คำมอกหลวง
คำมอกหลวง

การขยายพันธุ์คำมอกหลวง

คำมอกหลวง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด โดยเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงที่มีอากาศเย็น มีความชื้นปานกลางและต้องการแสงแดดแบบเต็มวัน จะออกดอกหลังจากการปลูกไปแล้ว 4-5 ปี สำหรับวิธีการเพาะเมล็ด และการปลูกคำมอกหลวง นั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ เช่น "เข็มแดง "


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของคำมอกหลวง ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น

  • สารกลุ่ม Iridoid เช่น Geniposide, Gardenoside, Asperuloside, Deacetylasperulosidic acid, 6-O-trans-p-coumaroylgeniposide, Genipin
  • สารกลุ่ม Flavonoid เช่น Quercetin, Isoquercetin, Kaempferol, Rutin
  • สารกลุ่ม Triterpenoid เช่น Oleanolic acid, Ursolic acid, Betulinic acid, sootepin D,F-I, coronalonic acid, Coronalolide, Lupeol
  • สารกลุ่ม Phenolic เช่น Chlorogenic acid, Caffeic acid, Ferulic acid
  • สารสีในกลุ่ม Pigment เช่น Crocin และ Crocetin

นอกจากนี้ในน้ำมันหอมระเหย จากส่วนดอกคำมอกหลวง ยังพบสาร D-mannitol, deacetylasperulosidic acid, geniposide, beta-sitosterol, geniposidic acid และ scandoside methyl ester อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของคำมอกหลวง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของคำมอกหลวงระบุว่า

           ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานผลการศึกษาวิจัย สารสกัดเมทานอลจากเปลือกต้นและใบของคำมอกหลวง พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง โดยการวัดค่า DPPH, ABTS และ FRAP พบว่ามีค่าการยับยั้งอนุมูลอิสระสูงใกล้เคียงกับสารมาตรฐาน Ascorbic acid และ BHT ส่วนสารกลุ่ม iridoid และ flavonoids เช่น geniposide, chlorogenic acid, quercetin มีฤทธิ์ช่วยดักจับ free radicals เช่น DPPH, ABTS ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งพบว่า สารสกัดจากผลและดอก ของคำมอกหลวง มีค่า IC50 ต่ำ ซึ่งแสดงถึงฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่สูง

           ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ มีรายงานระบุว่าสารสกัดเอทานอลจากใบคำมอกลวงมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก เช่น Staphylococcus aureus และแกรมลบ เช่น Escherichia coli ในระดับ MIC 125-250 µg/mL

           ฤทธิ์ต้านมะเร็ง มีรายงานว่าสาร Genipin และ Betulinic acid ที่พบในสารสกัดจากคำมอกหลวง มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ โดยสาร Genipin มีฤทธิ์เหนี่ยวนำ apoptosis ในเซลล์มะเร็งตับ HepG2 ส่วนสาร Betulinic acid และ ursolic acid มีฤทธิ์เหนี่ยวนำ apoptosis ในเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งผิวหนัง

           ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยพบว่าสารกลุ่ม iridoid glycosides ที่พบในสารสกัดจากส่วนใบคำมอกหลวง เช่น geniposide สามารถยับยั้งการสร้าง Nitric oxide ในเซลล์แมคโครฟาจและลดการแสดงออกของ iNOS และ COX-2 ได้

           ฤทธิ์ปกป้องตับ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่า สาร Geniposide ที่พบในสารสกัดของคำมอกหลวง มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของตับจากสารพิษ CCl₄ ในหนูทดลอง โดยลดค่า SGPT, SGOT ในเลือดและช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ตับ ได้อีกด้วย

           ฤทธิ์ปกป้องระบบประสาท มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่าสาร Geniposide ที่พบในสารสกัดของคำมอกหลวง มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้าง GLP-1 และต้านเอนไซม์ acetylcholinesterase ซึ่งจะมีแนวโน้มในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสันได้


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของคำมอกหลวง

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาระบุว่า เมื่อให้สารสกัดเอทานอลจากส่วนใบของคำมอกหลวง ทางปากแก่หนูทดลองในขนาด 2,000 mg/kg BW พบว่าไม่พบความเป็นพิษเฉียบพลันในหนูทดลองและยังไม่พบความผิดปกติของพฤติกรรม ระบบประสาท หรือ อวัยวะสำคัญในระยะเวลา 14 วัน อีกด้วย


ข้อควรระวังและข้อควรระวัง

ในสตรีมีครรภ์ ไม่ควรใช้คำมอกหลวงเป็นยาสมุนไพรโดยเฉพาะในรูปแบบการรับประทาน เนื่องจากสาร genipin ที่พบในคำมอกหลวง มีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้ สำหรับการใช้คำมอกหลวง เป็นสมุนไพรในบุคคลที่มีสุขภาพดี ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมตามที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้


เอกสารอ้างอิง คำมอกหลวง
  1. ปิยะ เฉลิมกลิ่น, จิรพันธุ์ ศรีทองกุล และอนันต์ พิริยะภัทรกิจ. พรรณไม้ที่พบครั้งแรกในประเทศไทย. กทม. โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพ. 2551. หน้า 105
  2. พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, คำมอกหลวง, หนังสือสมุนไพร ในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ, หน้า 101.
  3. นงลักษณ์ มณีศรี. (2559). การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของคำหมอกหลวง. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 18(2), 56-63.
  4. ดร.นิจศิริ เรืองรังสี, คำมอกหลวง (Khammok Luang), หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 80.
  5. ขวัญฤทัย คำฝาเชื้อ 2551 พฤกษศาสตร์พื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง ที่ตำบลบ้านจันทร์และแจ่มหลวง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ วิทยานิพนธ์ (วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 271 หน้า
  6. ฐานข้อมูลสมุนไพรไทยเขตอีสานใต้ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. คำมอกหลวง, [ออนไลน์]. 2025, แหล่งที่มา: https://phar.ubu.ac.th/herb-DetailPhargarden/25.
  7. Choi, S.I., et al. (2007). Genipin-induced apoptosis in hepatoma cells is mediated by reactive oxygen species. Biological & Pharmaceutical Bulletin, 30(4), 667-671.
  8. Burkill, I. H. (1966). A dictionary of the economic products of the Malay Peninsula (Vol. 1, pp. 945-946). Ministry of Agriculture and Co-operatives.
  9. Xu, Q., Yang, J., & Chen, J. (2014). Chemical constituents of Gardenia species and their bioactivities. Journal of Ethnopharmacology, 152(3), 561-577.
  10. Lin, L., Ni, B., Lin, H., Zhang, M., Li, X., Yin, X., & Qu, C. (2013). Traditional usages, botany, phytochemistry, pharmacology and toxicology of Gardenia jasminoides Ellis: A review. Journal of Ethnopharmacology, 150(3), 521-541.
  11. Nugroho, A.E., et al. (2013). Ursolic acid and oleanolic acid: Occurrence, biosynthesis, and therapeutic potential. International Journal of Molecular Sciences, 14(11), 23846-23873.
  12. Xu, Q., Yang, J., & Chen, J. (2014). Chemical constituents of Gardenia species and their bioactivities. Journal of Ethnopharmacology, 152(3), 561-577.
  13. Chen, J., Li, W., & Wang, Y. (2008). Anti-inflammatory effects of geniposide on type 2 diabetes rats with nonalcoholic fatty liver disease. Phytotherapy Research, 22(4), 486-491.
  14. Kim, M. H., Park, S. J., Yang, W. M., & Yoon, M. (2017). Geniposide ameliorates non-alcoholic fatty liver disease in mice through liver X receptor alpha-mediated ABCA1 expression. Molecular Medicine Reports, 16(3), 3773-3779.
  15. Koo, H.J., Song, Y.S., Kim, H.J., Lee, Y.H., Hong, S.M., Kim, S.J., & Jin, C. (2004). Antiinflammatory effects of geniposide via the inhibition of nitric oxide and prostaglandin E2 production. International Immunopharmacology, 4(11), 1619-1627.
  16. Liu, J., et al. (2018). Geniposide protects against Alzheimer’s disease by regulating autophagy via the mTOR signaling pathway. Journal of Ethnopharmacology, 232, 10-19.
  17. Gao, J., Xu, Q., & Chen, J. (2011). Antimicrobial activity of Gardenia species. Fitoterapia, 82(3), 331-333.
  18. Pham, H.N.T., Nguyen, V.H., & Le, N.H. (2021). Phytochemical investigation and biological evaluation of iridoids from Gardenia augusta (L.) Merr. Natural Product Research, 35(9), 1515-1520.
  19. He, Z.D., Lau, K.M., But, P.P., & Ooi, V.E. (2001). Antioxidative activity of iridoid glycosides from Gardenia jasminoides. Phytotherapy Research, 15(1), 44-46.