ข้าวเย็นใต้ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย
ข้าวเย็นใต้ งานวิจัยและสรรพคุณ 23 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ข้าวเย็นใต้
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ยาหัวข้อ (ภาคเหนือ), หัวยาจีนปักษ์ใต้ (ภาคใต้), ยาหัว, ข้าวเย็นโคกขาว (ภาคอีสาน), ถู่ฝูหลิง, ควางเถียวป่าเชี่ย (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Smilax glabra Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Smilax qrasa Roxb.
วงศ์ SMILACACEAE
ถิ่นกำเนิดข้าวเย็นใต้
ข้าวเย็นใต้ เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน แล้วต่อมามีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังเขตหนาวใกล้เคียง ส่วนในประเทศไทยไม่มีรายงานว่าพบได้ในภาคใดของประเทศ และยังไม่สามารถปลูกได้ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย สำหรับการนำมาใข้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นจะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีนทั้งหมด
ประโยชน์และสรรพคุณข้าวเย็นใต้
- ใช้แก้มะเร็ง
- แก้เส้นพิการ
- แก้ไอ
- แก้ประดง
- แก้ไข้ตัวร้อน
- แก้น้ำเหลืองเสีย
- แก้ร้อนในกระหายน้ำ
- แก้เบาหวาน
- ใช้ฆ่าเชื้อหนอง
- แก้กามโรค
- ช่วยดับพิษในกระดูก
- แก้ปัสสาวะพิการ
- แก้อักเสบในร่างกาย
- รักษาฝีแผลเน่าเปื่อยพุพอง
- แก้เม็ดผื่นคัน
- แก้เคล็ดขับยอก
- ช่วยบำรุงเลือด
- บำรุงกำลัง
- บำรุงร่างกาย
- ช่วยลดปวดในหญิงหลังคลอดบุตร
- ขับไล่ความเย็น
- ช่วยระงับพิษ
- ช่วยให้ข้อเข่าทำงานเป็นปกติ
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใช้แก้มะเร็ง เส้นเอ็นพิการ แก้ประดง แก้กามโรค ร้อนในกระหายน้ำ แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้ปวดในหญิงหลังคลอด แก้อักเสบ ดับพิษในกระดูก โดยใช้เหง้าแห้งต้มกับน้ำดื่ม
ใช้บำรุงเลือด บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย โดยใช้เหง้าแห้งบดละเอียดผสมกับส้มโมงแล้วนำไปต้มจนน้ำแห้ง นำตะกอนที่เหลือมาผสมกับน้ำผึ้งปั้นกินวันละ 1 เม็ด
ใช้แก้ไอ โดยใช้หัวข้าวเย็นใต้ และหัวข้าวเย็นเหนือ อย่างละ 5 บาท นำมาต้มในหม้อดิน เติมเกลือทะเลเล็กน้อย ใช้ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า และเย็น
ใช้แก้ฝีทุกชนิด โดยใช้หัวข้าวเย็นใต้, หัวข้าวเย็นเหนือ, กำมะถันเหลือง, ขันทองพยาบาท, หัวต้นหนอนตายยาก, กระดูกควายเผือก หนักอย่างละ 20 บาท เหง้าสับปะรด หนัก 10 บาท, กระดูกม้า 4 บาท, ต้นพริกขี้หนูรวมราก 1 ต้น, และผิวไม้รวก 3 กำมือ นำมาต้มกับน้ำในหม้อดิน ใช้ดื่มหลังอาหารครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา ส่วนในการใช้ตามสรรพคุณของแพทย์แผนจีนให้ใบในขนาด 15-60 กรัม
ลักษณะทั่วไปของข้าวเย็นใต้
ข้าวเย็นใต้ จัดเป็นเถาไม้เลื้อย มีเหง้า หัวอยู่ใต้ดินส่วน ลำต้น หรือ เถามีสีน้ำตาลแก่ ส่วนเหง้าใต้ดินมีลักษณะเป็นก้อน รูปร่างไม่แน่นอน ผิวเป็นหลุมลึกๆ หรือ อาจไม่เรียบ โดยจะพบก้อนแข็งนูน แยกออกมาจากเหง้าคล้ายแขนงสั้นๆ โดยเหง้าจะมีความกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-20 เซนติเมตร ผิวของเหง้าเป็นสีน้ำตาลออกเหลือง หรือ สีน้ำตาลเทา และอาจพบรอยแยกแตกเป็นร่องๆ บนผิวเปลือก สำหรับเนื้อในเหง้าเป็นสีขาวอมเหลือง มีรสมันกร่อยออกหวานเล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับ โคนใบมนปลายในแหลม ใบกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาร 5-15 เซนติเมตร ใบมีขนาดบางด้านหน้าใบ ผิวมันมีเส้นตามความยาวของใบ 3 เส้น ที่สามารถมองเห็นได้ชัด ส่วนหลังใบมีสีอ่อนกว่าด้านหน้า และมีผลเหมือนแห้งสีขาว ส่วนก้านใบมีขนาดสั้น ยาวประมาณ 9-15 มิลลิเมตร ดอกออกเป็นช่อตามง่ามใบ ซึ่งในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยมากถึง 20 ดอก โดยดอกย่อยมีสีเหลืองอมเขียวขนาดเล็ก ในดอกย่อยแต่ละดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ ขนาดประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร และมีก้านดอกยาว 4-15 มิลลิเมตร ผลเป็นแบบผลสด รูปทรงกลม มีสีเขียว และเมื่อผลแก่จะกลายเป็นสีแดงออกดำ ซึ่งผลจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6-7 มิลลิเมตร
การขยายพันธุ์ข้าวเย็นใต้
ข้าวเย็นใต้ เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิด มีการปลูกขยายพันธุ์ในประเทศจีน และเขตหนาวใกล้เคียง ซึ่งในประเทศไทยยังไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ แต่สำหรับวิธีการขยายพันธุ์นั้น สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการแยกเหง้าปลูก ซึ่งมีวิธีการเช่นเดียวกันกับข้าวเย็นเหนือ (ที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความ ข้าวเย็นเหนือ) โดยสามารถเข้าไปอ่านได้ในบทความ “ข้าวเย็นเหนือ”
องค์ประกอบทางเคมี
มีผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของเครื่องยาข้าวเย็นใต้ที่ได้จากเหง้าของข้าวเย็นใต้ พบว่า พบสารสำคัญต่างๆ เช่น Diosgennin, Smilacin, Dioscoralide B, Saponin, Smilax, Rosmarinic acid, Tanin และ Parillin เป็นต้น
ที่มา : Wikipedia
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของข้าวเย็นใต้
ฤทธิ์ต้านมะเร็ง มีผลการศึกษาฤทธิ์ต้านมะเร็งในเหง้าข้าวเย็นใต้พบว่า สารสกัดของหัวข้าวเย็นใต้ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม ซึ่งมีฤทธิ์โดดเด่น และมีประสิทธิภาพดีที่สุด รองลงมาคือเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และเซลล์มะเร็งตับ
ฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV มีผลการศึกษาวิจัยถึงฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV พบว่า สารสกัดของหัวข้าวเย็นใต้ มีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ HIV-1 protease ซึ่งจากการศึกษาวิจัยจึงมีการแนะนำให้ใช้ข้าวเย็นเหนือ และข้าวเย็นใต้คู่กันในการต้าน HIV เพราะ สารสกัดของหัวข้าวเย็นเหนือมีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ HIV-1 integrase ซึ่งหากใช้คู่กันจะได้ผลมากกว่าการใช้เพียงตัวเดียว
นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของข้าวเย็นใต้ อีกหลายฉบับ โดยระบุว่ามีฤทธิ์ต่างๆ เช่น ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน และฤทธิ์ห้ามเลือด เป็นต้น
การศึกษาทางพิษวิทยาของข้าวเย็นใต้
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้ข้าวเย็นใต้ สมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ นั้น ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในปริมาณที่พอดี ที่กำหนดไว้ในตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้องรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำก่อนจะใช้ข้าวเย็นเป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
เอกสารอ้างอิง ข้าวเย็นใต้
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ข้าวเย็นใต้ ”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 130.
- ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ สรรพคุณไม่ธรรมดา. คอลัมน์ รอยโลกวิจัย. เอกสารข่าวสารงานวิจัยและพัฒนา รัฐสภาปีที่ 16. ฉบับที่ 184 ธันวาคม 2560. หน้า 32-35
- ทวีศักดิ์ สุนทรธนศาสตร์. ข้าวเย็นใต้. สมุนไพรในเภสัชตำรับของสาธารณรัฐประชาชนจีน. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน้า 41-42
- วุฒิ วุฒิธรรมเวช. 2540. เภสัชกรรมไทยสมุนไพร ฉบับปรับปรุงใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 2. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. กรุงเทพฯ.
- เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ และนิจศิริ เรืองรังสี. 2545. สมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. องค์การรับส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์. กรุงเทพฯ.
- ข้าวเย็น. ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=36