มหาหิงค์ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
มหาหิงค์ งานวิจัยและสรรพคุณ 15 ข้อ
ชื่อสมุนไพร มหาหิงค์
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น หิง, หินแมง (ภาคเหนือ), อาเหว่ย, อาเหว้ย (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ferula assa foetida Linn.
ชื่อสามัญ Assafoetida, Devil ‘s dung
วงศ์ UMBLLIFERAE
ถิ่นกำเนิดมหาหิงค์
มหาหิงค์ ที่เราเรียกกันเป็นยางของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชื่อ Ferula assafoetida L. ซึ่งเป็นพืชในวงศ์เดียวกับผักชี และผักชีลาว (Umbelliferae) โดยพืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในบริเวณเอเชียกลาง ตั้งแต่แถบประเทศอิหร่านทางตะวันออกไปจนถึงอัฟกานิสถาน และในปัจจุบันต้นมหาหิงค์ก็จะมีการปลูกอยู่ในประเทศอิหร่าน และอัฟกานิสถานเท่านั้น
ประโยชน์และสรรพคุณมหาหิงค์
- ช่วยบำรุงธาตุ
- ช่วยย่อยอาหาร
- ช่วยขับลมในลำไส้
- แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
- แก้ท้องขึ้น แน่นจุกเสียด
- แก้ปวดท้อง
- ช่วยขับเสมหะ
- แก้ปวด
- แก้ชักกระตุก
- แก้โรคเส้นประสาท ยางจากรากหรือลำต้นมีรสเผ็ดขม กลิ่นฉุน เป็นยาอุ่น ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะ ลำไส้ และม้าม
- ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย
- ใช้ลดไข้
- แก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว ที่อาจเกิดจากธาตุไฟ ในช่วงมีระดู
- ช่วยฆ่าพยาธิ
- แก้แมลงสัตว์กัดต่อย
ยางของมหาหิงค์ถูกนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ในอดีตแล้วโดยในสมัยโรมัน มหาหิงค์ ถูกนำไปใช้สำหรับปรุงแต่งรสชาติอาหารหลายชนิดควบคู่ไปกับเมล็ดสน (Pinenuts) หรือ นำไปแช่ในน้ำมันร้อนๆ ให้ละลายแล้วก็จะหยดลงไปในอาหารซึ่งจะนิยมใช้กับอาหารจำพวกเห็ด เนื้อทอด เนื้อย่างบาร์บีคิว และผักต่างๆ ส่วนเอเชียกลางและเอเชียใต้ พบการใช้มหาหิงค์ เป็นเครื่องเทศ เครื่องแกง และผักดอง เช่น มักจะใช้ร่วมกันกับขมิ้น เพื่อใส่ในแกงกะหรี่ หรือ นิยมใส่ขณะทำการ tempering หรือ การผัดเครื่องเทศกับน้ำมันในขั้นแรกของการทำอาหารอินเดีย ซึ่งจะช่วยให้รสชาติของอาหารกลมกล่อมขึ้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ท้องขึ้น จุกเสียด ปวดท้อง ในเด็กเล็ก โดยนำมหาหิงค์ที่ทำให้เป็นน้ำ หรือ นำที่เป็นก้อนมาละลายในแอลกอฮอลล์ แล้วนำมาชุบสำลี ทาที่หน้าท้อง ฝ่าเท้า และศีรษะของเด็ก
- ใช้แก้ท้องแข็งแน่นจับกันเป็นก้อน โดยใช้มหาหิงค์ 20 กรัม โกฐเขมาขาว 100 กรัม ขมิ้นอ้อย 60 กรัม แปะไก้จี้ 120 กรัม และชำเล้ง 100 กรัม คั่วแล้วบดเป็นผงทำเป็นยาเม็ด ใช้รับประทานครั้งละ 60 กรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
- ใช้ขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้อาหารไม่ย่อย โดยใช้มหาหิงค์ 10 กรัม พริกไทย 10 กรัม ลูกหมาก 20 กรัม โกฐกระดูก 20 กรัม มาบดเป็นผงทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน เมล็ดละ 3 กรัม ใช้รับประทานหลังอาหารครั้งละ 10 เม็ด
- ใช้ฆ่าพยาธิโดยนำมหาหิงค์ 1-1.5 กรัม มาผสมกับแอลกอฮอลล์ หยดในน้ำ 1-2 หยด รับประทาน ใช้แก้ปวด แก้บวม แก้แมลงสัตว์กัดต่อย โดยนำมหาหิงค์ 1-1.5 กรัม มาผสมกับแอลกอฮอล์ใช้ทาบริเวณที่เป็น
- ส่วนตำรายาแพทย์แผนจีนนั้น ได้ระบุถึงสรรพคุณของมหาหิงค์ เอาไว้ว่ายาง และน้ำมันหอมระเหยของมหาหิงค์มีรสขม เผ็ด เย็น เข้าสู่เส้นลมปราณม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยขับลม ย่อยอาหาร แก้จุดเสียดแน่นท้อง ฆ่าพยาธิ
ลักษณะทั่วไปของมหาหิงค์
มหาหิงค์ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก ในวงศ์ผักชี (UMBELLIFERAE) ลักษณะลำต้นจะมีความสูงประมาณ 2 เมตร ลำต้นตั้งตรง ผิวลำต้นมีสีเขียวอมเหลือง และจะแตกเป็นร่องๆ บริเวณโคนต้นมีใบแทงขึ้นมาจากรากใต้ดินและจะมีหัวและมีรากขนาดใหญ่อยู่ใต้ดิน
ใบมหาหิงค์ เป็นใบประกอบแบบขนนก ซึ่งจะมีทั้งหมด 3-4 คู่ แต่ใบบริเวณช่วงบนของลำต้นจะมี 1-2 คู่ ส่วนลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่รียาว หรือ รูปกลมรี มีสีเขียว หรือ สีเขียวอมเทา ขอบใบเป็นแบบฟันเลื่อยเล็ก แผ่นใบหนาและร่วงได้ง่าย ส่วนก้านใบยาวประมาณ 50 เซนติเมตร
ดอกมหาหิงค์ ออกเป็นช่อรวมคล้ายซี่ร่มโดยใน 1 ช่อ ดอกจะมีดอกย่อยประมาณ 20-30 ก้าน ซึ่งในแต่ละก้านจะแยกออกจากกันชัดเจน ลักษณะดอกเป็นแบบแยกเพศต่างต้น ซึ่งดอกเพศเมียมีสีเหลือง ส่วนดอกเพศผู้มีสีขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 ก้าน มีรังไข่ 2 อัน มีขนนกคลุม
ผลมหาหิงค์ เป็นผลคู่ หรือ ผลแฝดมีลักษณะแบน เป็นรูปไข่ยาวรี ด้านในมีเมล็ดกลมเล็กๆ สีดำอยู่ 2 เมล็ด สำหรับส่วนที่ใช้ทำยาที่เรียกว่า “มหาหิงค์ ” จะเป็นชันน้ำมัน หรือ ของต้นมหาหิงค์ ที่ได้มาจากราก หรือ หัวใต้ดิน ที่เรียกว่า oleo gum resin ซึ่งมีโครงสร้างเป็นน้ำตาลเกาะกันยาวๆ คล้ายแป้ง และน้ำยางนี้จะมีลักษณะ เป็นก้อนแข็งๆ สีน้ำตาลอมเหลืองเนื้อเหมือนขี้ผึ้งและมีกลิ่นฉุนรุนแรง มีรสเผ็ดร้อน
การขยายพันธุ์มหาหิงค์
มหาหิงค์ เป็นพืชที่มีการปลูกเฉพาะถิ่นอยู่ในเอเชียกลางบริเวณอิหร่านและอัฟกานิสถานเท่านั้น สำหรับวิธีการปลูกมหาหิงค์ นั้นจากการศึกษาค้นคว้าพบว่า จะเป็นการปลูกโดยใช้เมล็ด เช่นเดียวกันกับการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ในวงศ์ผักชี (UMBELLIFERAE) ที่มีการปลูกในประเทศไทย
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของยางที่ใช้ทำยาที่เราเรียกว่ามหาหิงค์ ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น พบสารที่ให้กลิ่นฉุนในกลุ่ม Asafetida เช่น Secbutyl, Diauldo และ Propenyl และยังพบสาร Ferulic acid, Farnesiferol, asarewsinotannol, A, B และ umbelliferone นอกจากนี้ยังพบสารในกลุ่ม Sesquiterpene อีกหลายชนิดเช่น fetidones A-B, taraxacin, 5, 8-dihydroxyumbelliprenin และ 8-acetoxy-5-hydroxyumbelliprenin เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของมหาหิงค์
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมหาหิงค์ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการ ดังนี้
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีรายงานผลในการทดสอบฤทธิ์ยับยั้ง NF-kB ของสารกลุ่ม sesquiterpene ที่แยกได้จากมหาหิงค์ พบว่าสาร 8-acetoxy-5-hydroxyumbelliprenin มีฤทธิ์ที่ดีในการยับยั้งการอักเสบดังกล่าว โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 15.09 mM และไม่พบความเป็นพิษต่อเซลล์ เมื่อทำการทดสอบใน cell lines 5.1 และ A549 ในขณะที่สาร fetidones A; fetidones B; 5,8-dihydroxyumbelliprenin และ taraxacin จะมีฤทธิ์อ่อน จากการศึกษาวิจัยดังกล่าวสรุปได้ว่าสาร 8-acetoxy-5-hydroxyumbelliprenin ซึ่งเป็นสารหลักใน gum resin จากมหาหิงค์ มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบได้ และยังมีรายงานการวิจัยพบว่า oleo-gum-resin จากมหาหิงค์มีสารออกฤทธิ์ที่สามารถทำลายเชื้อ Blastocystis 3 ชนิด ที่ก่อให้เกิดตกขาวในช่องคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อทำให้ระดูเกิดฟองและมีกลิ่น อีกทั้งยังออกฤทธิ์ลดภาวะผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร gastrointestinal disorden ฤทธิ์ต้านเชื้อรา ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่วนสารในกลุ่ม coumarin ที่พบในมหาหิงค์ยังช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่ามหาหิงค์ยังส่งผลต่อทางเดินอาหาร โดยช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง (anfispasmodic) ช่อยย่อย (digestive) ขับลม (carminative) ช่วยระบาย (laxative) มีฤทธิ์ถ่ายพยาธิ (anthelmintic) บางชนิดและยังช่วยขับเสมหะ (expectorant) แก้ปวดอย่างอ่อน (analgesic) ช่วยกล่อมประสาท ทำให้นอนหลับดี (sedative) และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเฉพาะที่ (antiseptic)
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของมหาหิงค์
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- ในการใช้มหาหิงค์เป็นยาทาในเด็กเล็กควรทาเฉพาะที่ ในสถานที่อากาศโปร่ง ถ่ายเทสะดวก และหลังจากทายาที่ท้องแล้ว ให้ใช้ผ้าอ้อมห่อบริเวณท้องเด็ก ก็อาจช่วยให้ท้องอุ่น ช่วยเสริมการออกฤทธิ์ของยาได้ดีขึ้น
- ในขณะทามหาหิงค์ให้กับเด็กเล็ก ควรระมัดระวังไม่ให้ยาเข้าตา หรือ สัมผัสกับเนื้อเยื่ออื่น โดยเฉพาะเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ขอบตา ปาก หรือ ถลอก
- มหาหิงค์ ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ (ทิงเจอ์มหาหิงค์) ไม่ควรให้เด็กรับประทาน เพราะแอลกอฮอล์ปริมาณมากจะมีผลเสียต่อเด็ก แต่หากหยดเพียงเล็กน้อยผสมกับน้ำแล้วประทานชั่วคราวสามารถทำได้
- สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน เนื่องจากมหาหิงค์มีสรรพคุณขับประจำเดือนในสตรี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้
เอกสารอ้างอิง มหาหิงค์
- กองประกอบโรคศิลปะ กรมส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ตำราการแพทย์แผนโบราณ สาขาเวชกรรม 1.กรุงเทพมหานคร 2542.
- วิทยา บุญวรพัฒน์.มหาหิงค์. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 418.
- นวลจันทร์ ใจดรีย์. การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เพื่อลดปวดประจำเดือน. วารสารธรรมศาสตร์เวชสารปีที่ 12 ฉบับที่ 4. ตุลาคม-ธันวาคม 2555. หน้า 782-792
- นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และนงลักษณ์ เรืองวิเศษ คุณภาพเครื่องยาไทย จากงานวิจัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ คอนเซ็พท์เมดิคัศ 2551.
- นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์. มหาหิงค์...ยาเก่าเอามาเล่าใหม่. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน. คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขบัญชียาแผนไทยสำหรับโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร 2553.
- บัญชียาจากสมุนไพร ในประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555
- ฤทธิ์ยับยั้ง NF-KB ของมหาหิงค์. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Mansurov MM. Effect of Ferula asafoetida on the blood coagulability. Meditsinskii Zhurnal Uz bekistana. 1967;1967(6):46-9.
- Mahendra Pand BishtS. Ferulaa asafoetida : Traditional uses and pharmacological activity. Pharmacogno Rev. 2012:6(12):141-146
- Lranshahy M, lranshahi M Traditional uses phytochemistry and pharmacology of adafoetida (Ferula assa-foetida olao-gurm-resin) a review. J Ethnopharmacol 2011:134:1-10.
- Buddrus J, Bauer H, Abu-Mustafa E, Khatteb A, Mishaal S. EI-Khrisy EA et al. Foetidin, a sesquiterpenoid coumarin from Ferula assa-foetida Phytochemistry 1985:24:869-70.
- Ramadan NI, Al Khadrawy FM. The in vitro effect of Assafoetida on Trichomonas vaginalis. J Egypt Soc Parasitol. 2003;33:615-30.
- Keshr G, Lakshmi V, Singh MM, Kamboj VP. Post-coital antifertility activity of Ferula asafoetida extract in female rats. Pharmac Biol. 1999;37:273-8
- El Deeb HK AI Khadrawy FM EI-Hameid AK. Inhbitory dffect of Ferula assafoetida L. (Umbekkiferael on Blastocystis sp. Subtype 3 growth in vitro Parasitol Res 2012:5:15.
- Soudamini KK, Unnikrishnan MC, Sukumaran K, Kuttan R. Mutagenicity and antimutagenicity of selected spices. Indian J Physiol Pharmacol. 1995;39:347-53.
- Eigner D, Scholz D. Ferulaassa-foetida and Curcuma longa in traditional medical treatment and diet in Nepal. J Ethnopharmacol. 1999:67 1-6
- Rahlfs VW, Mossinger P. Asafoetida in the treatment of the irritable colon. A double blind study. Dtsch Med Wochenschr. 1979;104:140-3