ฆ้องสามย่าน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
ฆ้องสามย่าน งานวิจัยและสรรพคุณ 22 ข้อ
ชื่อสมุนไพร ฆ้องสามย่าน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ทองสามย่าน, เขากวางอ่อน, ฆ้องสี่หู, ฆ้องสามย่านบ้าน, ใบทาจีน, มือตะเข้ (ภาคกลาง), ฮอมแฮม, เถาไฟ (ภาคเหนือ), คะซีคู่ซั๊วะ (กระเหรื่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Kalanchoe lacinata (L.) DC.
วงศ์ CRASSULACEAE
ถิ่นกำเนิดฆ้องสามย่าน
ฆ้องสามย่าน จัดเป็นพืชในวงศ์กุหลาบหิน (CRASSULACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมเป็นบริเวณกว้างในทวีปแอฟริกาบริเวณแอฟริกาตะวันออก ถึงแอฟริกาตอนใต้บางข้อมูลระบุว่าตั้งแต่เอริเทรียจนถึงนามิเบียจากนั้นมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังคาบสมุทรอาราเบีย [คาบสมุทรอาหรับ (Arabian Peninsula)]และเอเชียใต้ จนในปัจจุบันจึงสามารถพบได้ตามเขตร้อนต่างๆ ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยตอนแรกฆ้องสามย่าน ถูกนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับ แบบไม้กระถาง จากนั้นจึงมีการปลูกลงดินและได้แพร่กระจายพันธุ์ไปยังภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันพบฆ้องสามย่านได้ทั้งทุกภาคของประเทศในที่ลุ่มชื้นแฉะทั่วไป
ประโยชน์และสรรพคุณฆ้องสามย่าน
- ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
- แก้ร้อนใน
- แก้บิด
- แก้ท้องร่วง
- แก้อาการไอ
- แก้เจ็บหน้าอก
- แก้นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- แก้โรคทางเดินปัสสาวะ
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้แผลฟกช้ำ
- แก้แผลไฟไหม้
- แก้แผลหนอง
- ช่วยฆ่าเชื้อในแผล
- ใช้ห้ามเลือด
- ช่วยสมานแผล
- แก้อาการอ่อนเพลีย
- ช่วยบำรุงร่างกาย
- แก้พิษฝี แก้ฝีหนอง
- แก้พิษงู พิษตะขาบแมงป่อง
- แก้โรคเท้าช้าง
- แก้ละอองซาง
- ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองแผล
ดังที่กล่าวมาแล้วว่าฆ้องสามย่าน ถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและไม้กระถางมาตั้งแต่ในอดีตแล้วจนถึงปัจจุบันก็ยังพบการนำมาใช้ปลูกในลักษณะดังกล่าวอยู่ โดยนอกจากจะใช้เป็นไม้ประดับแล้วยังมีการนำฆ้องสามย่านมาใช้เป็นยาสมุนไพรโดยในตำราไทยและตำราจีน
รูปแบบและวิธีการใช้
- ใช้ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้บิด แก้ท้องร่วง ขับปัสสาวะ แก้นิ่วในกระเพาะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ โดยนำใบฆ้องสามย่านมาต้มกับน้ำดื่ม ผสมกับดีปลี จันทน์ทั้งสอง ใบน้ำเต้า ดอกบัวหลวงขาว ละลายน้ำดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกบุนนาค ดอกแคแดง น้ำตำลึง ดื่ม
- ใช้เป็นยาแก้ละอองซาง โดยนำใบฆ้องสามย่านนำมาตากแดดให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผงใช้ทาลิ้นเด็กอ่อน
- ใช้แก้อาการไอและเจ็บหน้าอก โดยนำใบฆ้องสามย่าน สดตำพอกหน้าอกและคอ
- ใช้รักษาบาดแผล สมานแผล บรรเทาอาการระคายเคืองแผล ฆ่าเชื้อในบาดแผล แก้แผลฟกช้ำ แผลไฟไหม้ แผลหนอง แก้ฝีหนอง แก้พิษตะขาบ แมงป่อง โดยนำใบฆ้องสามย่านมาตำพอก
- ใช้รักษาโรคอวัยวะโตที่เรียกว่าเท้าช้าง โดยนำใบฆ้องสามย่านมาคั้นเอาน้ำผสมปรุงกับน้ำมันมะพร้าว ใช้ยาทาถูนวด
- ใช้แก้งูพิษกัด โดยนำต้นฆ้องสามย่านสดหนัก 5 กรัม ผสมกับต้นสดฟ้าทะลายโจร 15 กรัม แล้วเอาไปดำชงเหล้าที่หมักจากข้าวกินครั้งเดียวหมด หรือ ใช้หั่นเป็นฝอยแช่เหล้าหมักจากข้าว 1-2 อาทิตย์ รินมากินก็ได้
ลักษณะทั่วไปของฆ้องสามย่าน
ฆ้องสามย่าน จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปีไม่ค่อยแตกกิ่ง ลำต้นเป็นปล้องตั้งตรงสูงได้ประมาณ 20-100 เซนติเมตร ลำต้นอวบน้ำรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง หรือ อาจมีขนเล็กน้อย ปล้องข้างล่างสั้นกว่าปล้องกลาง หรือ ปล้องบน
ใบฆ้องสามย่านเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้าม ใบฆ้องสามย่าน มีลักษณะหลายรูปร่างในต้นเดียวโดยใบบริเวณโคนต้นจะเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ ตรงขอบเป็นจักซี่ฟัน หรือ เป็นคลื่นไม่มีก้านใบ หรือ อาจมีก้านใบสั้นใบเป็นสีเขียวอ่อนอาจมีสีม่วงแซมส่วนใบบริเวณกลางลำต้น จะเป็นแบบขนนกชั้นเดียว หรือ สองชั้นเว้าเป็นแฉกลึกแต่ละแฉกจะมี ลักษณะเป็นรูปขอบขนาดแคบตรงปลายแหลมขอบใบ จะจักเป็นฟันเลื่อยหยาบๆ และมีก้านใบลักษณะแบนยาว 2.5-4 เซนติเมตร โดยจะโอบลำต้นไว้
ดอกฆ้องสามย่าน ออกเป็นช่อแบบแยกแขนงชูขึ้นบริเวณส่วนยอด หรือ ปลายกิ่งดอกช่อมีความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร โดยใน 1 ดอก ช่อจะมีดอกย่อยจำนวนมากดอกย่อยมีใบประดับลักษณะแคบและเล็กกลีบรองกลีบดอกสีเขียวผิวเกลี้ยง หรือ อาจมีขนนุ่มเชื่อมติดกันตรงโคนส่วนปลายแยกออกเป็นกลีบรูปหอกแกมรูปไข่ ปลายแหลมสำหรับกลีบดอกเป็นรูปทรงแจกันสีเขียวส่วนบนมีสีเหลืองส่วนโคนนั้นจะพองออกปลายกลีบแยกเป็นกลีบเป็น 4 กลีบ รูปขอบขนานแกมรูปไข่เกสรเพศผู้ 8 อัน โผล่พ้นกลีบดอกออกมาเล็กน้อยส่วนท่อเกสรเพศเมียยาว 2-4 มิลลิเมตร เกลี้ยงและมีรังไข่เป็นรูปหอกสีเขียวผิวเกลี้ยงยาว 5-6 มิลลิเมตร
ผลฆ้องสามย่าน เป็นผลแห้งออกเป็นพวงมีลักษณะเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน หรือ รูปกระสวยยาว 0.5-1.2 เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกตามตะเข็บเดียวด้านในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก


การขยายพันธุ์ฆ้องสามย่าน
ฆ้องสามย่าน สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ดและการปักชำแต่ในปัจจุบันจะนิยมใช้วิธีปักชำมากกว่าเนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกและมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อีกทั้งกิ่งที่ปักชำจะสามารถเจริญเป็นต้นได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ด สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำฆ้องสามย่าน นั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกัน กับการปักชำและการเพาะเมล็ดพืชในวงศ์กุหลาบหิน (CRASSULACEAE) เช่น ต้นตับเต่า (ต้นตายแม่ยายหาย) และหูเสือ (วงศ์ LAMIACEAE) ตามที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
รายงานผล คือ การวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนใบและลำต้นของฆ้องสามย่าน ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิ เช่น
สารสกัดจากใบและลำต้นฆ้องสามย่านสดพบสาร
- Kalambroside A - C
- Patuletin 3-O-α-L-rhamnopyranoside
- Patuletin 3-O-α-L-rhamnopyranosyl-7-O-(3’’-O-acetyl-α-L-rhamnopyranoside)
- Patuletin3-O-(4’’-O-acetyl-α-L-rhamnopyranosyl)-7-O-(3’’-O-acetyl-α-L-rhamnopyranoside)
- Patuletin 3-O-α-L-rhamnopyranosyl-7-O-α-L-rhamnopyranoside
สารสกัดบิวทานอลและเอทิลอะซิเตตจากน้ำคั้นจากใบของฆ้องสามย่าน พบสารต่างๆ ดังนี้
- 3,7-Di-O-α-L-rhamnopyranosyl-quercetin
- 3,7-Di-O-α-L-rhamnopyranosyl-kaempferol
- 3-O-α-L-rhamnopyranosyl-3,3,5,7-pentahydroxyflavone
ส่วนอีกรายงานหนึ่งระบุว่าสารสกัดจากทั้งต้นของฆ้องสามย่านพบสารไกลโคไซด์ เช่น uerctrin, runtin, isoquercitrin, miquelianin, quercetin-3-O-sophoroside, afzelin, α-rhamnoisorobin และ kaempferitrin เป็นต้น

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของฆ้องสามย่าน
มีการรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดฆ้องสามย่าน จากส่วนใบและลำต้นของ ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาดังนี้
มีรายงานการศึกษาวิจัยระบุว่าน้ำมันหอมระเหยจากส่วนใบและลำต้น ฆ้องสามย่านมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียโดยสามารถยั้งเชื้อ Staohylococcusaureus ที่ดื้อต่อยาเมทิซิลลิน (MRSA) เมื่อทำการทดสอบด้วยวิธี diffusion/MIC ส่วนสารสกัดน้ำจากใบของฆ้องสามย่าน แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ HBV type 1 ในเซลล์เพาะเลี้ยงในหลอดทดลองและมีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านฮีสตามีนและผ่อนคลายกล้ามเนื้อลำไส้จากสารสกัดน้ำคั้นจากใบฆ้องสามย่านระบุว่ามีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้ต้านอีสตามีน ส่วนอีกรายงานหนึ่งพบว่าน้ำคั้นทั้งต้นมีฤทธิ์กระตุ้นและคลายกล้ามเนื้อลำไส้เล็กกระต่าย (spasmogenic+spasmolytic) โดยมีค่า EC50=0.3-0.6 mg/mL
ส่วนอีกรายงานการศึกษาวิจัยหนึ่งระบุว่า สารสกัดน้ำจากใบฆ้องสามย่าน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่อุ้งเท้าของหนูทดลองโดยสามารถลดอาการบวมของเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำ ด้วยคาราจีนแนน ออกฤทธิ์ที่ขนาด i.p. = 240 mg/kg
มีรายงานมีการศึกษาวิจัยระบุว่าสารสกัดเมทานอลจากทั้งต้นของฆ้องสามย่านมีฤทธิ์ต้านไขมันและต้านออกซิเดชั่นลดไตรกีเซอร์ไรด์ลด LDL และเพิ่ม HDL ในหนูทดลองและยังสามkรถเพิ่มเอนไซม์ SOD/CATและลด MDA หลังให้ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าน้ำคั้นจากใบฆ้องสามย่านยังมีฤทธิ์ปรับภูมิคุ้มกันโดยมีผลต่อการสร้างเซลล์ B-cell และลด IL-7 ในหนูทดลองได้อีกด้วย
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของฆ้องสามย่าน
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของ สารสกัดใบไฮโดรเอทานอล 90% ในหนูทดลอง พบว่ามีค่า LD₅₀ ~1,925 mg/kg และเมื่อให้ในขนาดที่สูง หนูทดลองจะมีอาการระบบประสาท สั่น หัวใจเต้นเร็ว ชัก ก้าวร้าว
ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งระบุว่า เมื่อป้อนสารสกัดเมทานอลจากทั้งต้นของฆ้องสามย่าน ในขนาด 4.4 g/kg ในหนูทดลองปรากฏว่าทำให้หนูทดลองตาย 100% ภายใน 30 นาที และก่อนการตายจะเกิดอาการไวต่อเสียงและสัมผัสลดลง ง่วง ซึมและตายในที่สุด ส่วนขนาดการฉีดเข้าช่องท้องที่ทำให้สัตว์ทดลองตาย 100% คือ 10 g/Kg.
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการใช้ ฆ้องสามย่านเป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ นั้นควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง ฆ้องสามย่าน
- ฆ้องสามย่าน, หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา, ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, หน้า 135.
- ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ. ฟ้าทะลายโจร. คอลัมน์สมุนไพรน่ารู้. นิตยสารหมอชาวบ้านเล่มที่ 9. กุมภาพันธ์ 2523
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม, คะซีคู่ซัวะ, หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 175-176.
- United States Department of Agriculture (USDA). (2023). Kalanchoe laciniata (L.) DC. Germplasm Resources Information Network (GRIN).
- World Flora Online. (2023). Kalanchoe laciniata (L.) DC. In World Flora Online Plant List.
- Guha, S., Ghosal, S., & Chattopadhyay, S. (2006). Kalanchosine dimalate, a novel natural product from Kalanchoe brasiliensis. Phytochemistry, 67(2), 123-128.
- Souza, M. L., & Costa, S. S. (2002). Flavonoid glycosides from Kalanchoe brasiliensis. Phytochemistry, 59(3), 311-315.
- Costa, S. S., Jossang, A., Bodo, B., & Souza, M. L. (1994). Flavonoids from Kalanchoe brasiliensis. Journal of Natural Products, 57(11), 1509-1512.
- van der Watt, E., & Pretorius, J. C. (2001). Purification and identification of active antibacterial components in Kalanchoe laciniata. Journal of Ethnopharmacology, 76(1), 87-91.
- Shiekh, Z. A., Abid, M., & Khan, R. A. (2018). Pharmacological basis for the medicinal use of Kalanchoe laciniata in gastrointestinal, cardiovascular, and oxidative stress disorders. BMC Complementary and Alternative Medicine, 18, 243.
- Fernandes, J. M., Farias, L. A., Machado, A. R. T., & Costa, S. S. (2019). Pharmacological potential, chemical composition, toxicology and other applications of Kalanchoe laciniata (L.) DC. and Bryophyllum pinnatum (Lam.) Oken: A review. Revista Brasileira de Farmacognosia, 29(6), 802-818.
- Ibrahim, T. A., & Oyebanji, A. O. (2017). Toxicological evaluation of methanol extract of Kalanchoe laciniata in albino rats. Journal of Ethnopharmacology, 198, 295-302.
