เกล็ดมังกร ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
เกล็ดมังกร งานวิจัยและสรรพคุณ 15 ข้อ
ชื่อสมุนไพร เกล็ดมังกร
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เบี้ย, เกล็ดลิ่น (ภาคกลาง), กะปอดไม้, เบี้ยไม้ (ภาคเหนือ), เกล็ดลิ่น, กระดุมเสื้อ (ภาคอีสาน), อีแปะ, หญ้าเกล็ดลิ่น (ภาคตะวันออก), ปิติ๊ (ภาคใต้, มลายู)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dischida nummularia R.Br.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Dischida minor (Vahl) Merr.
วงศ์ ASCLEPIADACEAE
ถิ่นกำเนิดเกล็ดมังกร
เกล็ดมังกร จัดเป็นพืชในวงศ์นมตำเลีย (ASCLEPIADACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมเป็นบริเวณกว้างครอบคลุมในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงออสเตรเลียตะวันออก สำหรับในประเทศไทยสามารถพบเกล็ดมังกร ได้ทั่วทุกภาคของประเทศบริเวณต้นไม้ในป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา ป่าชายหาด หรือ ตามต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามบ้านเรือนทั่วไป
ประโยชน์และสรรพคุณเกล็ดมังกร
- ใช้ถอนพิษไข้
- แก้พิษไข้กาฬ (ไข้ที่มีตุ่มที่ผิวหนัง ตุ่มอาจมีสีดำ)
- แก้พิษตานซาง (โรคพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร ไม่ค่อยทานอาหาร ซูบซีด ผอมแห้ง อ่อนเพลีย ท้องเดิน อุจจาระผิดปกติ มีกลิ่นคาวจัด ชอบกินอาหารคาว พุงโรก้นปอด ตกใจง่าย)
- แก้อักเสบ
- แก้ปวดบวม
- แก้โรคตับพิการ
- แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- แก้แผลพุพอง
- แก้แผลอักเสบเรื้อรัง
- แก้ถุงน้ำดี หรือ เนื้องอกที่เต้านม
- แก้มะเร็งปากมดลูก
- แก้โรคหัวใจ
- แก้หนองใน
- แก้แผลพุพอง
- ใช้บรรเทาพิษเงี่ยงปลากระเบน
ปัจจุบันมีการนำเกล็ดมังกร มาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามซุ้ม หรือ ปลูกให้เลื้อยขึ้นตามต้นไม้ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้แก่สถานที่ต่างๆ เนื่องจากเป็นพืชที่ดูแลง่าย มีสีเขียวอมเหลืองสวยงามโดยเฉพาะเมื่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อีกทั้งยังเป็นพืชที่สามารถขึ้นได้ตลอดปีไม่มีร่วงโรย
ส่วนในอินโดนีเซียมีการใช้ใบเกล็ดมังกรต้มเป็นในยาพื้นบ้าน โดยเชื่อว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบและส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการใช้ใบเกล็ดมังกร สามารถรักษา ถุงน้ำดี หรือ เนื้องอกที่เต้านม ได้” และยังใช้แก้มะเร็งปากมดลูก โรคหัวใจ หนองใน แผลพุพอง และใช้บรรเทาพิษเงี่ยงปลากระเบน เป็นต้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้พิษไข้ แก้พิษไข้กาฬ แก้พิษตานซาง โดยนำทั้งต้นเกล็ดมังกรมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้อักเสบ ปวดบวม แก้แมลงสัตว์กัดต่อย โดยนำทั้งต้นเกล็ดมังกร มาตำให้ละเอียดใช้พอกบริเวณที่มีอาการ
- ใช้แก้แผลพุพองเป็นหนอง แก้แผลอักเสบเรื้อรัง โดยนำใบเกล็ดมังกรสดมาตำให้ละเอียดพอกบริเวณที่เป็นแผล
ลักษณะทั่วไปของเกล็ดมังกร
เกล็ดมังกร จัดเป็นไม้ล้มลุก หรือ ไม้เกาะอิงที่มีลำต้นพันเลื้อยยึดเกาะไปตามต้นไม้อื่นๆ โดยมักย้อยห้อยเป็นสายลงมา ลำต้นมีขนาดเล็กเป็นข้อปล้องมีรากออกบริเวณข้อปล้อง ลำต้นยาว 10-50 เซนติเมตร ในทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาวเหมือนน้ำนม
ใบเกล็ดมังกรเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ใบมีขนาดเล็กมีลักษณะเป็นรูปกลม หรือ รูปวงรีแกมรูปโล่ คล้ายเบี้ยมีขนาดกว้าง 4-8 มิลลิเมตร ยาว 4-11 มิลลิเมตร โคนใบแหลม-มน ปลายใบแหลมเป็นติ่งใบหนา อวบน้ำ ก้านใบสั้น โดยก้านใบจะยาวเพียง 1-2 มิลลิเมตร
ดอกเกล็ดมังกร เป็นช่อแบบช่อกระจะสั้นๆ โดยจะออกบริเวณซอกใบ แต่ล่ะอจะมีดอกย่อยที่เป็นดอกสมบูรณ์เพซ 1-5 ดอก ดอกเกล็ดมังกร ย่อยมีขนาดเล็ก มีกลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ มีขนาดกว้างและยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ เป็นสีขาวแกมเหลือง หรือ เป็นสีเขียว โคนกลีบดอกเชื่อติดกัน ส่วนปลายแยกเป็น 5 แฉก ส่วนที่เป็นหลอดมีความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร และส่วนที่เป็นพูมีความกว้าง 0.5 มิลลิเมตร ยาว 1 มิลลิเมตร มีรยางค์เป็นรูปมงกุฎ 5 อัน แต่ละอันแยกเป็น 2 พู มีเกสรเพศผู้ 5 อัน และเกสรเพศเมียมี 1 อัน อีกทั้งมีก้านใยสั้นมาก
ผลเกล็ดมังกร ออกเป็นฝักมีลักษณะคล้ายรูปตามแกมขอบขนาน โค้งเล็กน้อย ฝักมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร บริเวณเหนือจุดกึ่งกลางฝักมักแหลมเรียวเป็นจะงอย เมื่อฝักแก่จะแตกตะเข็บเดียว ภายในฝักมีเมล็ดเล็กๆ ลักษณะแบนจำนวนมาก ที่ปลายเมล็ดจะมีขนเป็นพู่กระจุกสีขาวคล้ายเส้นไหม


องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนใบของเกล็ดมังกร ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญดังนี้ มีรายงานการแยกสารจากใบเกล็ดมังกรด้วยตัวทำละลายอะซีโตน พบโครงสร้างของสารบริสุทธิ์ 5 ชนิด ดังนี้
- Glutinol
- α-Amyrin
- Friedelin
- Stigmasterol
- α-Mangostin
นอกจากนี้ในส่วนอื่นๆ ของเกล็ดมังกร ยังพบสารต่างๆ อีก เช่น friedelinol, dischidiol, glutinone, β‑amyrin acetate, taraxerol, disformone, sitosteryl-3-O-β-glucopyranoside, kaempferol, isorhamnetin และ quercetinเป็นต้น

การขยายพันธุ์เกล็ดมังกร
เกล็ดมังกร สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ดและการปักชำ แต่ในปัจจุบันวิธีที่เป็นที่นิยม คือ การปักชำ โดยมีวิธีการดังนี้ เกล็ดมังกร เป็นไม้เลื้อยอิงอาศัย ดังนั้นรากจะงอกออกมาตามซอกใบ หรือ ลำต้น ซึ่งสามารถตัดส่วนที่ติดรากไปเพาะในกาบมะพร้าวที่แช่น้ำไว้ จากนั้นเมื่อต้นได้รับความชื้นที่เพียงพอรากก็จะยึดเกาะกับกาบมะพร้าวและเจริญเติบโตต่อไปได้ ทั้งนี้ต้นเกล็ดมังกรเป็นพืชที่ชอบพื้นที่ที่มีความชื้นในอากาศสูง แต่ไม่ชอบน้ำมากต้องการแสงแดดเล็กน้อย
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเกล็ดมังกร
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดเกล็ดมังกร จากส่วนใบของเกล็ดมังกร ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง (murine leukemia P-388) ด้วยวิธี MTT พบว่าสารสกัดหยาบจากใบ (อะซีโตน) มีค่า IC₅₀ (ค่าความเข้มข้นของสารที่วัดเป็นไมโครโมลาร์ (μM) ซึ่งยับยั้งกระบวนการทางชีวภาพได้ 50% ตามที่ประเมินในสายเซลล์เฉพาะ) = 58.33 µg/mL นอกจากนี้สารประกอบอื่นๆ ที่ได้จากสารสกัดดังกล่าวยังมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งโดยมีค่า IC50 ดังนี้
สาร ค่า IC₅₀
- สารสกัดใบ (อะซีโตน) 58.33 µg/mL
- Glutinol 69.88 µM
- α‑Amyrin > 234.74 µM
- Friedelin 216.17 µM
- Stigmasterol 0.57 µM
- α‑Mangostin 7.80 µM
- Artonin E 0.68 µM
นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษวิจัยในเซลล์มะเร็งของมนุษย์ โดยใช้สารสกัด n‑hexane และ dichloromethane จากทั้งต้นของเกล็ดมังกร พบว่าแสดง “ฤทธิ์แรง” ต่อเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MDA-MB-231 และเซลล์ลูคีเมียของมนุษย์ CCRF-CEM ; โดยสาร β-sitosterol แสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายสายพันธุ์ (เช่น T47D, MCF-7, HeLa, WiDr) ที่ระดับนาโน-ไมโครโมลาร์ และมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในแบบจำลองเซลล์ ส่วนสาร α-mangostin แสดงฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย (เช่น P. acnes, S. aureus) เชื้อมาลาเรีย (Plasmodium falciparum), ต้านไวรัสเดงกี, ต้านอักเสบผ่าน MAPK และต้านมะเร็งเม็ดเลือด HL60 อีกด้วย
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเกล็ดมังกร
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้เกล็ดมังกร เป็นสมุนไพรนั้นควรระมัดระวังในการใช้โดยมีรายงานว่าหากเป็นการใช้ในรูปแบบสมุนไพรส่วนยาง อาจก่อให้เกิดการระคายผิวได้และหากเป็นการรับประทานก็อาจเป็นพิษได้สำหรับการใช้ในรูปแบบอื่น ก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นกัน โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง เกล็ดมังกร
- ราชบัณฑิตยสถาน. 2538. อนุกรมวิธานพืช อักษร ก.กรุงเทพมหานคร. เพื่อนพิมพ์
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. เกล็ดมังกร. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย. ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 75-76.
- ป่าแม่คำมี. ความหลากหลายทางชีวภาพจากอดีตถึงปัจจุบัน. กทม. สำนักวิจัยและพัฒนาป่าไม้. 2556.
- Saikia, G., & Devi, N. (2024). Ethnomedicinal understandings and pharmacognosy of Dischidia (Apocynaceae: Asclepiadoideae): A potential epiphytic genus. Phytomedicine Plus, 4, Article 100707.
- Benu, S. M., Riga, R., & Juliawaty, L. D. (2023). Chemical constituents from the leaves of Dischidia nummularia (Asclepiadaceae). Natural Product Sciences, 29(4), 263-267.
- E. Quisumbing, “Medicinal Plants of the Philip Pines,” Tech. Bui. 16, Department of Agriculture and Natural Resource, Manila, 1951.
- Khalil-ur-Rehman, M., Pferschy-Wenzig, E. M., & Bauer, R. (2019, August). Dischidia nummularia - a potential plant for cytotoxicity and anti-proliferative activity (Abstract P-302). Planta Medica 85(18), 2019 GA Congress
