ปุดใหญ่ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ปุดใหญ่ งานวิจัยและสรรพคุณ 13 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ปุดใหญ่
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ปุด, หน่อปุด, บุดช้าง, ข่าน้ำ (ทั่วไป), จะปูบะซา, ตะบุ๊บะซา (มลายู)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Etlingera coccinea (Blume.) S. Sakai & Nagam
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Achasma macrocheilos Griff.
ชื่อสามัญ Red torch ginger
วงศ์ ZINGIBERACEAE


ถิ่นกำเนิดปุดใหญ่

ปุดใหญ่ จัดเป็นพืชในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ต่อมาจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปในเขตร้อน แถบเส้นศูนย์สูตรต่างๆ ของโลก สำหรับในประเทศไทยสามารถพบปุดใหญ่ ได้มากในบริเวณป่าดิบชื้น ป่าดิบเขาและพื้นที่ราบที่มีความชื้น มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 150-600 เมตร ในภาคใต้ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตกเฉียงใต้


ประโยชน์และสรรพคุณปุดใหญ่

  1. ช่วยให้เจริญอาหาร
  2. ใช้บำรุงร่างกาย
  3. แก้ไข้
  4. แก้หวัด
  5. แก้ปวดท้อง
  6. ช่วยขับลม
  7. รักษาแผลสด
  8. รักษาแผลไฟไหม้ 
  9. แก้โรคกระเพาะอาหาร
  10. แก้อาหารไม่ย่อย
  11. แก้อาหารเป็นพิษ
  12. ใช้ห้ามเลือด
  13. แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ 

           มีการนำต้นอ่อนของปุดใหญ่ มาลอกกาบนอกที่แข็งออก ให้เหลือไว้เฉพาะลำต้นอ่อนด้านใน แล้วจึงนำมาใช้รับประทานเป็นผักสด หรือ นำไปลวกจิ้มกับน้ำพริก ในส่วนของดอกอ่อนก็สามารถนำมาลวกรับประทานเป็นผักจิ้มได้เช่นกัน และยังมีการนำเหง้าหน่ออ่อนและลำต้นอ่อนของปุดใหญ่ที่มี รสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม มาใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงรสอาหารเพื่อดับกลิ่นคาว หรือ นำมาใช้ใส่เป็นส่วนประกอบของแกงใต้ที่มีรสเผ็ดร้อนชนิดต่างๆ นอกจากนี้ในอดีตยังพบการนำกาบหุ้มลำต้นของปุดใหญ่ มาใช้สานเป็นภาชนะใส่ของอีกด้วย


รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงร่างกาย ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้ แก้หวัด แก้ปวดท้อง ขับลม โดยนำเหง้าสดปุดใหญ่ หรือ อาจนำมาตากแห้งปุดใหญ่ต้มกับน้ำดื่ม หรือ นำมาชงกับน้ำร้อนดื่มก็ได้
  • ใช้ขับลม แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้อาหารไม่ย่อย อาหารเป็นพิษ โดยนำรากปุดใหญ่มาใช้ต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้รักษาแผลสด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โดยนำเหง้าปุดใหญ่ สดมาตำให้แหลก ปิดบริเวณแผลที่เป็น
  • ใช้ห้ามเลือดจากรอยแผลสด โดยนำยอดและใบอ่อนปุดใหญ่มาตำให้แหลกปิดบริเวณแผล


ลักษณะทั่วไปของปุดใหญ่

ปุดใหญ่ จัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ มีอายุหลายปีมีเหง้าเลื้อยยาวอยู่ใต้ดิน เหง้ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 เซนติเมตร เหง้ามีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกยาว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ลำต้นเป็นลำต้นเทียม หรือ เป็นกาบใบห่อหุ้มกันแน่น มีลักษณะตั้งตรงสูง 1.5-3 เมตร ลำต้นเทียมมีสีเขียวค่อนข้างแข็ง

           ใบปุดใหญ่ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ทั้ง 2 ข้าง ใบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน รูปขอบขนานแกมใบหอก หรือ รูปไข่กลับ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 15-25 เซนติเมตร และยาวประมาณ 40-120 เซนติเมตร โคนใบมน ปลายใบแคบเป็นติ่งแหลม ขอบใบเรียบผิวใบมีสีเขียวเข้มเรียบเป็นมัน บริเวณโคนก้านใบแผ่ออกเป็นกาบหุ้ม

           ดอกปุดใหญ่ ออกเป็นช่อสั้นๆ ซึ่งจะแทงขึ้นมาจากเหง้า บริเวณโคนต้น โดยดอกย่อยจะมีประมาณ 4-10 ดอกต่อ 1 ช่อ จะออกเรียงตัวอัดกันแน่น ลักษณะดอกย่อยออกแผ่คล้ายรูปดาวกลีบดอกมีสีแดงสด ส่วนขอบกลีบเป็นสีเหลืองอ่อนและมีใบประดับเป็นรูปไข่ทรงกระบอกอยู่รอบๆ

           ผลปุดใหญ่ อยู่ใต้ดินเป็นผลแห้งและแตกได้ ผลเป็นรูปทรงกลมสีน้ำตาลมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-12 เซนติเมตร ด้านในมีเมล็ดขนาดกว้าง 2-3 มิลลิเมตร

ปุดใหญ่
ปุดใหญ่

การขยายพันธุ์ปุดใหญ่

ปุดใหญ่ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการแยกหน่อ แต่ในปัจจุบันไม่พบการนำปุดใหญ่มาใช้เพาะขยายพันธุ์ แต่อย่างใด ดังนั้นการขยายพันธุ์ของปุดใหญ่ จึงเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติเท่านั้น แต่หากต้องการนำปุดใหญ่มาปลูกบริเวณเรือกสวนไร่นา หรือ ตามบริเวณบ้านก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการแยกหน่อพืชวงศ์ขิงต่างๆ เช่น ข่า หรือ ดาหลา ตามที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนเหง้าและลำต้นของปุดใหญ่ ระบุว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น

  • สารกลุ่ม Flavonoids เช่น Myricetin, Quercetin, Kaempferol
  • สารกลุ่ม Phenolic acids เช่น Caffeic acid, Gallic acid, Vanillic acid, Ferulic acid
  • สารกลุ่ม Essential oils เช่น Linalool, Methylcinnamate, 1,8-Cineole
  • สารกลุ่ม Terpenoids เช่น β-pinene, α-pinene
  • สารกลุ่ม Sesquiterpene เช่น β-caryophyllene และ Zerumbone


การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของปุดใหญ่

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนเหง้าและลำต้นของปุดใหญ่ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้

           ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดปุดใหญ่ จากเหง้า โดยได้ทำการทดสอบในหนูทดลอง พบว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถลดอาการบวมของอุ้งเท้าของหนูทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมและยังช่วยยับยั้ง COX-2 enzyme ซึ่งเป็นกลไกการสร้างสาร prostaglandin ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในระดับโมเลกุล

           ฤทธิ์ต้านจุลชีพ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยของสารสกัดเมทานอลจากเหง้าของปุดใหญ่ ระบุว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus, Escherichia, E. coli และ Bacillus subtilis, Pseudomonas aeruginosa และเชื้อ Candida albicans ได้

            ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากเหง้าและลำต้นของปุดใหญ่ โดยใช้วิธี DPPH และ ABTS assay พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ โดยมีค่า IC50 ต่ำในวิธี DPPH assay (ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง) นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า flavonoids ที่สกัดได้จากสารสกัดดังกล่าวยังช่วยลดการสร้าง ROS (Reactive Oxygen Species) ในเซลล์เพาะเลี้ยงในสัตว์ทดลอง (In vivo) ได้อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของปุดใหญ่

ไม่มีข้อมูล


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ผู้ที่แพ้พืชในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) ไม่ควรนำปุดใหญ่มาใช้รับประทาน หรือ นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรเนื่องจากเป็นพืชในวงศ์เดียวกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงปกติ ในการใช้ปุดใหญ่ เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ นั้นก็ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้


เอกสารอ้างอิง ปุดใหญ่
  1. ธนวรรณ นาคินทร์. หน่อปุดดอง.ครัว. ปีที่ 20 ฉบับที่ 236 กุมภาพันธ์ 2557. หน้า 14
  2. ดรุณี ภู่พวงเพชร และคณะ. (2562). ความหลากหลายของพืชวงศ์ขิงในจังหวัดยะลา. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. 41(4): 896-903.
  3. ปุดใหญ่. หนังสือสมุนไพร พื้นบ้านล้านลานนา. ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หน้า 107.
  4. Yob, N.J., et al. (2011). Zingiber zerumbet (L.) Smith: A review of its ethnomedicinal, chemical, and pharmacological uses. Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine. 2011: 543216.
  5. Norhayati, M., et al. (2015). Essential oil composition and antibacterial activity of Etlingera punicea Ridl. Asian Pacific Journal of Tropical Medicine. 8(3): 185-189.
  6. Azlim Almey, A., et al. (2010). Total phenolic content and primary antioxidant activity of methanolic and ethanolic extracts of Etlingera elatior (torch ginger) flowers. International Food Research Journal. 17(2): 446-453
  7. Singdam, T., et al. (2017). Antimicrobial activities of some Etlingera species extracts against foodborne pathogenic bacteria. International Journal of Agricultural Technology. 13(7.1): 1429-1438.
  8. Nor Hadiani, I.S., et al. (2012). Chemical composition and antimicrobial activity of essential oil of Etlingera elatior. International Journal of Pharmacy and Pharmaceutical Sciences. 4(3): 142-145.
  9. Phongpaichit, S., et al. (2005). Antimicrobial activities of the crude methanol extract of Etlingera species. Songklanakarin Journal of Science and Technology. 27(2): 1-8.
  10. Chan, E. W. C., et al. (2007). Antioxidant and antibacterial properties of Etlingera elatior (Jack) R.M. Sm. (Torch Ginger) flowers. Journal of Food Composition and Analysis. 20(8): 673-678.
  11. Jantan, I., et al. (2005). Effects of Etlingera elatior extracts on platelet aggregation. Journal of Ethnopharmacology. 98(1-2): 115-120.