ทุ้งฟ้า ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ทุ้งฟ้า งานวิจัยและสรรพคุณ 11 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ทุ้งฟ้า
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ทุ้งฟ้าไก่, ทุ้งฟ้าไห้, กระทังฟ้า, ตีนเทียน, พวมพร้าว (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Alstonia macrophylla Wall.ex G.Don
ชื่อสามัญ Hard alstonia, Hard milkwood, Big leaved macrophyllum.
วงศ์ APOCYNACEAE


ถิ่นกำเนิดทุ้งฟ้า

ทุ้งฟ้า จัดเป็นพืชในวงศ์ ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) ที่เป็นไม้พื้นถิ่นของภาคใต้ของไทย โดยมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในบริเวณชายฝั่งของภูมิภาคอินโดจีน เช่นใน ภาคใต้ของไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบทุ้งฟ้า ได้ในภาคใต้ของประเทศบริเวณป่าดิบชื้น ป่าดงดิบ รวมถึงบริเวณชายป่าทั่วไปที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึง 300 เมตร


ประโยชน์และสรรพคุณทุ้งฟ้า

  1. ช่วยบำรุงร่างกาย
  2. ช่วยบำรุงกำลัง
  3. ช่วยบำรุงกำหนัด
  4. แก้ไข้ทั่วไป
  5. แก้ไข้ป่า (มาลาเรีย)
  6. แก้บิด
  7. ช่วยขับระดูในสตรี
  8. รักษาบาดแผล
  9. ช่วยห้ามเลือด
  10. ใช้รักษาอาการข้อต่อเคลื่อน
  11. แก้ท้องเสีย

           ทุ้งฟ้า ถูกนำมาใช้ประโยชน์ดังนี้ เนื้อไม้ของทุ้งฟ้าเป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างดี มีเปลือกบาง เนื้อไม้มีความละเอียด สีเหลืองอ่อน เสี้ยนไม้ตรงเลื่อยไสกบตกแต่งง่ายและไม่ค่อยถูกมอด ปลวก หรือ แมลงต่างๆ เจาะ จึงมีการทุ้งฟ้า นำมาใช้ทำคานหลังคา โครงสร้างบ้าน เสา กระดานพื้น กระดานฝ้าบ้าน เครื่องเรือน หรือ เครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น หีบ แจว พาย ลัง เป็นต้น

ทุ้งฟ้า

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด โดยนำรากทุ้งฟ้ามาต้มกับน้ำดื่ม หรือ นำไปผสมกับตัวยาอื่นๆ ก็ได้
  • ใช้บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงกำหนัด แก้ไข้ตัวร้อน ไข้ทั่วไป ไข้ป่า ใช้แก้บิด แก้ท้องเสีย ขับระดูในสตรี โดยนำเปลือกต้นทุ้งฟ้า มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้ห้ามเลือด รักษาบาดแผล โดยนำเปลือกต้นทุ้งฟ้าสดมาตำพอกบริเวณที่เป็น
  • ใช้รักษาอาการข้อต่อเคลื่อน โดยนำใบทุ้งฟ้าตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว อังไฟให้ร้อน ใช้พอกบริเวณที่เป็น


ลักษณะทั่วไปของทุ้งฟ้า

ทุ้งฟ้า จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ เรือนยอดโปร่งเป็นรูปไข่แกมรูปกรวยแหลม มีความสูง 15-30 เมตร ลำต้นเปลาตรง โคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย เปลือกต้นเรียบสีน้ำตาลอมดำ หรือ สีเทา มีรูระบายอากาศทั่วไป เมื่อสับเปลือกต้นจะมีน้ำยางสีขาวเหนียวๆ ซึมออกมาเปลือกต้นด้านในมีสีครีม ส่วนเนื้อไม้มีสีค่อนข้างเหลือง เมื่อทิ้งไว้นานๆ จะเป็นสีน้ำตาลแกมเหลือง

           ใบทุ้งฟ้า เป็นใบเดี่ยวออกเรียงรอบๆ บริเวณข้อ ข้อละ 3-4 ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ หรือ รูปไข่แกมรูปหอกกลับกว้าง 3-7.5 เซนติเมตร ยาว 10-30 เซนติเมตร โคนใบแหลมสอบเว้าหากัน ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขอบใบเรียบ ใบด้านบนเป็นสีเขียว ส่วนท้องใบมีคราบสีขาวมีเส้นแขนงใบ 14-24 คู่ เป็นเส้นตรงและมีก้านใบยาว 1-2.5 เซนติเมตร

           ดอกทุ้งฟ้า ออกเป็นช่อกระจุกแขนง บริเวณซอกใบและปลายกิ่ง ช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 3.5-12 เซนติเมตร ใน 1 ช่อดอกจะมีดอกย่อยสีขาวจำนวนมาก ดอกย่อยมีขนาด 2-3 เซนติเมตร บริเวณโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปขอบขนาดปลายกลมมีสีขาว หรือ สีขาวอมเหลืองยาว 4-7 มิลลิเมตร กลีบดอกด้านนอกเกลี้ยง ด้านในมีขนบริเวณโคนดอก ตรงกลางดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ออกดอกในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม

           ผลทุ้งฟ้า ออกเป็นฝักคล้ายถั่วฝักยาว แต่จะมีขนาดเล็ก โดยจะออกเป็นคู่ๆ ฝักมีผิวเรียบเกลี้ยง สีเขียว มีขนาดความกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาว 20-40 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะแตกออกเป็น 2 ซีก และบิดเป็นเกลียว ปล่อยให้เมล็ดปลิวไปตามลม เมล็ดเป็นรูปขอบขนาน ยาว 4-5 มิลลิเมตร มีปลายแหลมทั้งสองด้าน และมีขนครุยยาวประมาณ 1 เซนติเมตร

ทุ้งฟ้า
ทุ้งฟ้า

การขยายพันธุ์ทุ้งฟ้า

ทุ้งฟ้า สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด สำหรับในประเทศไทย ไม่พบการนำทุ้งฟ้ามาปลูกในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีการนิยมนำมาเพาะเมล็ด หรือ ปลูกการขยายพันธุ์ของทุ้งฟ้า จึงเป็นการขยายพันธุ์โดยการอาศัยเมล็ดในธรรมชาติเท่านั้น แต่มีรายงานว่าในประเทศศรีลังกาและอินเดีย มีการนำทุ้งฟ้ามาปลูกเพื่อนำเนื้อไม้มาแปรรูปส่งออกโดยจัดเป็นไม้เศรษฐกิจชนิดหนึ่ง


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนเหนือดินของทุ้งฟ้า ระบุว่า พบสารออกฤทธิ์หลายชนิดอาทิเช่น พบสารกลุ่มอัลคาลอยด์ อาทิ alstoniaphylline A-C เช่น alstonine, picrinine, macrocarpamine, lumutinines A-D, strictamine และ tetrahydroalstonine ยังพบสารออกฤทธิ์ในกลุ่ม flavonoids, tannins, phenols, saponins, steroids และ triterpenoids อีกหลายชนิดอีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของทุ้งฟ้า

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดทุ้งฟ้า จากส่วนเหนือดินของทุ้งฟ้า ในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้

           ฤทธิ์ต้านจุลชีพ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่าสารสกัดจากส่วนเหนือดินของทุ้งฟ้ามีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้หลายชนิดสารสกัดจากใบทุ้งฟ้ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและเชื้อราชนิด Staphylococcus aureus และ Escherichia coli 

           ฤทธิ์ต้านมะเร็ง มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่าอัลคาลอยด์บางชนิดที่แยกได้ในส่วนต่างๆ ของทุ้งฟ้าแสดงฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองโดยมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี

           ฤทธิ์ต้านมาลาเรีย มีรายงานผลการศึกษาพบว่า สาร Macrocarpamine ที่แยกได้จากส่วนใบและเปลือกลำต้นของทุ้งฟ้า แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum  ได้

           ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานระบุว่าสารสกัดจากใบของทุ้งฟ้ามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ได้


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของทุ้งฟ้า

ไม่มีข้อมูล


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการใช้ทุ้งฟ้า เป็นยาสมุนไพรนั้น ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้


เอกสารอ้างอิง ทุ้งฟ้า
  1. สุทัศน์ จุงพงศ์. สมุนไพรพันธุ์ไม้มงคล. พระราชทานประจำจังหวัด. กรุงเทพระ มติชน, 2543
  2. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. หนังสือสมุนไพร สวนสิรีรุกข์ชาติ. ทุ้งฟ้า. หน้า 44
  3. การ์สเนอร์, โธมอน พินล่า, สิทธิสุนทร ก่องถานลา. พยากตไม้ป่าภาคได้ เล่ม - พิมพ์ครั้งที่ 1 -กรุงเทพฯ โครงการจัดพิมพ์คบไฟ 2558. 768 หน้า
  4. Khyade, M. S., Kasote, D. M., & Vaikos, N. P. (2014). Alstonia scholaris (L.) R. Br. and Alstonia macrophylla Wall. ex G. Don: A comparative review on traditional uses, phytochemistry and pharmacology. Journal of Ethnopharmacology, 153(1), 1-18. 
  5. Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 44.
  6. Keawpradub, N., Kirby, G. C., Steele, J. C., & Houghton, P. J. (1999). Antiplasmodial activity of extracts and alkaloids of three Alstonia species from Thailand. Planta Medica, 65(8), 690-694.
  7. Sobana, V., Sivapriya, O., Kanmani, K., Sathyabama, N., Radhakrishnan, N., & Sankareswaran, M. (2024). Phytochemical, Antimicrobial, And Antioxidant Properties Of Alstonia Macrophylla Leaf Extract: A Comprehensive Analysis Using GC-MS And HPTLC. African Journal of Biomedical Research, 27(4S), 2984-2998.