เห็ดเผาะ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆและข้อมูลงานวิจัย

เห็ดเผาะ งานวิจัยและสรรพคุณ 11 ข้อ

ชื่อสมุนไพร เผ็ดเผาะ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เห็ดถอบ, เห็ดเหียง (ภาคเหนือ), เห็ดพะยอม (ภาคใต้), เห็ดหนัง, เห็ดสะแบง, เห็ดยาง, เห็ดดอกดิน (ภาคอีสาน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Astraeus hygrometricus (Pers.) Morgan
ชื่อสามัญ Earthstars.
วงศ์ DIPLOCYSTACEAE


ถิ่นกำเนิดเผ็ดเผาะ

เห็ดเผาะ จัดเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในบริเวณเขตร้อนอบอุ่นทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย พบได้มากในฤดูฝนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะพบได้ตามป่าเต็งรังแพะ ป่าเหียง ป่าตองตึง ซึ่งจะพบเห็ดเผาะ บริเวณโคนต้นยางนา พลวง สะแบง ตะเคียน จันทน์กะพ้อและไม้ในวงศ์ยางนา


ประโยชน์และสรรพคุณเผ็ดเผาะ

  • บำรุงร่างกาย
  • ช่วยชูกำลัง
  • แก้ช้ำใน
  • ช่วยล้างพิษ
  • บำรุงหัวใจ
  • แก้ร้อนใน
  • ช่วยลดอาการบวม
  • แก้อักเสบ
  • ช่วยให้เลือดแข็งตัว
  • บำรุงตับอ่อน
  • แก้เบาหวาน

          เห็ดเผาะถูกนำมาใช้รับประทานในรูปแบบของอาหารมาแต่ช้านานแล้ว โดยมีการเก็บเห็ดเผาะ ที่ยังอ่อนมาในประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น นำมาต้มเกลือ ผัดกับเนื้อสัตว์ นำมาแกง คั่วเกลือกับเนื้อสัตว์และสมุนไพร เพราะมีรสชาติหวานกรอบอร่อยและในปัจจุบันได้มีการนำมาบรรจุกระป๋องจำหน่ายอีกด้วย

เห็ดเผาะ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

สำหรับการใช้เห็ดเผาะ ตามสรรพคุณของตำรายาไทยและตำรายาพื้นบ้าน จะเป็นการใช้ในรูปแบบอาหารสมุนไพรเป็นหลัก ไม่มีรายงานว่ามีการใช้ในรูปแบบอื่นๆ

 

ลักษณะทั่วไปของเผ็ดเผาะ

เห็ดเผาะ จัดเป็นเห็ดราชนิดนี้เชื้อราจำพวก (Ectomycrorhiza) เช่นเดียวกับเห็ดตับเต่า โดยจะเจริญอยู่ร่วมกับรากต้นไม้ยืนต้นแบบเอื้อประโยชน์กัน เพราะเส้นใยของเชื้อราจะเจริญห่อหุ้มรากของต้นไม้ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับต้นไม้และยังได้รับแร่ธาตุบางอย่าง โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ที่เชื้อราช่วยย่อยสลายจากดิน ให้อยู่ในรูปที่ต้นไม้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ทำให้ต้นไม้มีระบบรากที่แข็งแรง เจริญเติบโตได้รวดเร็ว หาอาหารได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็ได้ให้ความชื้น แร่ธาตุแก่เชื้อราดังกล่าวและเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม เส้นใยเชื้อราก็จะรวมตัวและพัฒนาเป็นดอกเห็ดบริเวณโคนต้นได้

            สำหรับดอกเห็ดเผาะในระยะอ่อนจะมีรูปร่างกลม ผิวเรียบ สีขาว มีขนาดโดยเฉลี่ย 1.5-3.5 ซม. ด้านในเมื่อยังอ่อนมีเกลบา (gleba) เป็นวุ้นสีขาวเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและสีดำตามลำดับ อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้นผิวด้านนอกของเห็ดเผาะจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนเป็นสีน้ำตาลแก่ มีเนื้อเยื่อเหนียวและแข็ง เห็ดเผาะเป็นเห็ด ไม่มีก้านดอกและหมวกดอก เมื่อเห็ดมีอายุแก่เต็มที่ เปลือกด้านนอกจะแตกเป็นแฉกและบานออกเหมือนกลีบดอกไม้ แข็งและเหนียวมาก ส่วนสปอร์เห็ดเผาะมีรูปร่างกลม สีน้ำตาล ขนาด 7-11 ไมโครเมตร ผิวขรุขระ

เห็ดเผาะ
เห็ดเผาะ

การขยายพันธุ์เผ็ดเผาะ

เห็ดเผาะสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้สปอร์ ซึ่งในธรรมชาติเห็ดเผาะ สามารถขยายพันธุ์ได้โดยอาศัยให้สัตว์มากินเห็ดเผาะ แต่สปอร์ที่อยู่ในเห็ดเผาะที่ถูกสัตว์กินนั้นยังไม่ตายและเมื่อสัตว์เหล่านี้ขับถ่ายออกมา หรือ เกิดการชะล้างและพัดพาของน้ำฝน สปอร์ไปติดอยู่กับรากต้นไม้ ทำให้มีการขยายพันธุ์เกิดขึ้น รวมถึงอาศัยกระแสลมที่พัดเอาสปอร์ที่แก่แล้วไปตกตามที่ต่างๆ ก็จะช่วยให้เกิดการขยายพันธุ์ได้ แต่ในปัจจุบันได้มีการเพาะเห็ดเผาะขึ้นมาจำหน่ายแล้ว โดยมีวิธีการดังนี้ เริ่มจากนำเห็ดเผาะที่แก่จัดมาแกะเอาสปอร์ออกมา จากนั้นนำไปผสมน้ำแล้วนำไปรดต้นกล้าไม้ ตระกูลยางนา (Dipterocarpus) สัปดาห์ละ 1 ครั้งประมาณ 4 สัปดาห์ แล้วสังเกตดูต้นกล้า หากมีเนื้อเยื่อเห็ดเผาะเจริญเติบโตแล้ว จึงนำต้นกล้าดังกล่าวไปปลูก จากนั้นในปีถัดไปจะมีเห็ดเผาะเกิดตามรากต้นกล้า แต่อย่าเพิ่งเก็บ เนื่องจากต้นกล้ายังไม่เจริญพอ รอจนกว่าต้นไม้โตพอประมาณจึงเริ่มทำการเก็บเห็ดเผาะได้


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของเห็ดเผาะ ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์หลายชนิดอาทิเช่น astrakurkurol, astrakurkurone, astrahygrol, 3-epi-astrahygrol และ astrahygrone, ergosta-7,22-diene-3-ol acetate, ergosta-4,6,8-(14),22-tetraene-3-one, vanillic acid, anthralinic acid, ferulic acid, protocatechuic acid, salicylic acid, caffeic acid และ syringic acid เป็นต้น นอกจากนี้เห็ดเผาะยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

ค่าทางโภชนาการของเห็ดเผาะ 100 กรัม

  • พลังงาน                    47       กิโลแคลอรี
  • มีน้ำ                           87.8    กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต           8.6      กรัม
  • ไขมัน                         0.4      กรัม
  • โปรตีน                        2.2     กรัม
  • เส้นใย                         2.3     กรัม
  • แคลเซียม                 39       มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส                  85       มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก                  3.6      มิลลิกรัม
  • วิตามิน C                    12       มิลลิกรัม
  • วิตามิน B1                0.04     มิลลิกรัม
  • วิตามินบ B2               0.03    มิลลิกรัม
  • วิตามิน B3                 0.7      มิลลิกรัม

โครงสร้างเห็ดเผาะ

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเผ็ดเผาะ

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเห็ดเผาะระบุว่ามีฤทธิ์ต่างๆ ดังนี้ มีรายงานการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองพบว่า เห็ดเผาะ มีฤทธิ์ปกป้องตับ ปกป้องหัวใจ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเบาหวาน ต้านการอักเสบ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์และเชื้อรา อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านโปรโตซัวลิชมาเนีย อีกด้วย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเผ็ดเผาะ

(Leishmania) มีรายงานการศึกษาความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า เห็ดเผาะ มีความปลอดภัยสูงและยังไม่พบการรายงานความเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดเผาะในรูปแบบของอาหาร


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

การเก็บเห็ดเผาะตามป่ามารับประทานต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญ เพื่อป้องกันการเก็บเห็ดเผาะชนิดอื่น มารับประทานจนทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งมีรายงานว่ามีเห็ดชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะคล้ายกับ “เห็ดเผาะ ” เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะอันตรายมาก เนื่องจากเป็นเห็ดพิษ ซึ่งเห็ดชนิดนั้น คือ เห็ดไข่หงส์ (Scleroderma citrinum Pers.) ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเห็ดเผาะมาก ต่างกันที่เห็ดไข่หงส์มีรากเห็ดเผาะไม่มีราก โดยพิษของเห็ดไข่หงส์ จะทำให้มีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และถ่ายอุจจาระเหลว

เอกสารอ้างอิง เห็ดเผาะ
  1.  เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, บรรณาธิการ. ผักพื้นบ้านภาคเหนือ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2542.
  2. ราชบัณฑิตยสถาน.2539. เห็ดกินได้และเห็ดมีพิษในประเทศไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน, อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชซิ่ง,กรุงเทพฯ.
  3. สมศักดิ์ กรีชัย, บรรณาธิการ. เห็ดเพื่อสุขภาพ สำหรับเป็นอาหาร เป็นยาและเพื่อเศรษฐกิจตามภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2556.
  4. กัญจนา ดีวิเศษ,ศักดิ์ชัย แรดธนาสาร,จิราภรณ์ ภิญโญชูโตและไฉน น้อยแสง.2542.ผักพื้นบ้านภาคเหนือ,องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.กรุงเทพฯ.
  5. กฤติยา,ไชยนอก,เห็ดเผาะ...อร่อยดีและมีประโยชน์.จุลสารข้อมูลสมุนไพรปีที่ 40.ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2565. หน้า 12-24.
  6. สุรีย์พันธุ์ บุญวิสุทธิ์, บรรณาธิการ. ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย. นนทบุรี: โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก; 2544.
  7. อชิรญาณ์ปวริศกร วัฒนโกศล.2549.การผลิตหัวเชื้อเห็ดเผาะ1: วัสดุทำหัวเชื้อที่เหมาะสมวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.8: 49-61.
  8. Biswas G, Nandi S, Kuila D, Acharya K. A comprehensive review on food and medicinal prospects of Astraeus hygrometricus. Pharmacogn J. 2017;9(6):799-806.
  9. Mallick S, Dutta A, Chaudhuri A, Mukherjee D, Dey S, Halder S, et al. Successful therapy of murine visceral Leishmaniasis with astrakurkurone, a triterpene isolated from the mushroom Astraeus hygrometricus, involves the induction of protective cell-mediated immunity and TLR9. Antimicrob Agents Chemother. 2016;60(5):2696-708
  10. Chakraborty I, Mondal S, Rout D, Chandra K, Islam SS. Structural investigation of a heteroglycan isolated from the fruit bodies of an ectomycorrhizal fungus Astraeus hygrometricus. Carbohydr Res. 2007;342(7):982-7.
  11. . Mallick SK, Maiti S, Bhutia SK, Maiti TK. Antitumor properties of a heteroglucan isolated from Astraeus hygrometricus on Dalton’s lymphoma bearing mouse. Food Chem Toxicol. 2010;48(8):2115-21.
  12. Pramanik A, Islam SS. Structural studies of a polysaccharide isolated from an edible mushroom, Astraeus hygrometricus. Indian J Chem B. 2000;39B(7):525-9.
  13. Mallick S, Bhutia S, Maiti T. Macrophage stimulation by polysaccharides isolated from barometer earthstar mushroom, Astraeus hygrometricus (Pers.) Morgan (Gasteromycetideae). Int J Med Mushrooms. 2009;11(3):237-48.