เปล้าใหญ่ ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

เปล้าใหญ่ งานวิจัยและสรรพคุณ 42 ข้อ

ชื่อสมุนไพร เปล้าใหญ่
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เปล้าหลวง (ภาคเหนือ), เปาะ (กำแพงเพชร), ห้าเยิ่ง (ไทยใหญ่), คั๊วะวู, สกาวา (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Croton oblongifolius Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Croton roxburghii N.P.Balakr., Croton persimilis Mrll.Arg., Oxydectes oblong folia Kuntze.
วงศ์ EUPHORBIACEAE

ถิ่นกำเนิดเปล้าใหญ่

เปล้าใหญ่ จัดเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเขตกระจายพันธุ์ในอินเดีย ศรีลังกา เนปาล บังกลาเทศ พม่า ไทย ลาว และกัมพูชา เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้บริเวณป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรังที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล จนถึงประมาณ 1000 เมตร รวมถึงบริเวณชายป่าทั่วไปในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก

ประโยชน์และสรรพคุณเปล้าใหญ่

  • แก้เมาเอียน
  • ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ
  • ช่วยบำรุงโลหิต
  • เป็นยาบำรุงกำลัง
  • แก้กระหาย
  • แก้เสมหะ
  • แก้ลม จุกเสียด
  • แก้คันตามตัว
  • แก้ท้องเสีย
  • ช่วยเจริญอาหาร
  • ช่วยขับลม
  • แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน
  • แก้น้ำเหลืองเสีย
  • แก้โรคเรื้อน
  • รักษามะเร็ง
  • รักษาคุดทะราด
  • ช่วยทำน้ำเหลืองให้แห้ง
  • แก้โรคเหน็บชา
  • รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ
  • แก้ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
  • แก้ร้อนใน
  • ช่วยกระจายลม
  • แก้เลือดร้อน
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • แก้ไข้
  • แก้ตับอักเสบ
  • แก้ปวดข้อ
  • ช่วยขับพยาธิไส้เดือน
  • ช่วยขับหนองให้ตก
  • แก้ริดสีดวงลำไส้
  • แก้ริดสีดวงทวารหนัก
  • แก้ลมอันผูกเป็นก้อนให้กระจาย
  • ใช้เป็นยาถ่าย
  • แก้เหน็บชา 
  • ใช้ชำระล้างบาดแผล
  • แก้อาการฟกช้ำ
  • ช่วยเลือดลมไหลเวียนดี
  • แก้วิงเวียน
  • ขับเลือดหลังคลอด
  • ช่วยขับน้ำคาวปลา
  • แก้ปวดท้อง
  • ใช้ถ่ายเป็นมูกเลือด

           สำหรับประโยชน์ของเปล้าใหญ่ นั้นในอดีตมีการนำผลอ่อนมาใช้ย้อมผ้า ส่วนผลแก่ใช้รับประทานได้ และยังใช้ใบเปล้าใหญ่มาใช้อบสมุนไพร บำรุงผิวพรรณ แก้ปวดเมื่อย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต โดยนำมาเข้ากับสมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น ขมิ้นชัน กระชาย ตะไคร้  ไพล ว่านน้ำ ใบมะกรูด ใบมะขาม ใบส้มป่อย และใบหนาด


รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงโลหิต แก้ท้องเสีย แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ โดยใช้เปลือกต้น และใบต้มกับน้ำดื่ม
  • ช่วยเจริญอาหาร ขับลม แก้น้ำเหลืองเสีย แก้มะเร็ง คุดทะราด แก้เหน็บชา แก้วปวดเมื่อย แก้โรคทางเดินปัสสาวะ โดยนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้เสมหะ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ลมจุกเสีย โดยนำใบมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้เลือดร้อน ช่วยย่อยอาหารโดยนำเปลือกต้น และกระพี้มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ช่วยแก้ลมอันผูกเป็นก้อนให้กระจาย แก้ริดสีดวงลำไส้ ริดสีดวงอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน โดยใช้กระพี้ หรือ เนื้อไม้มาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยใช้ต้นเปล้าใหญ่ ผสมกับส้มลม ต้นเล็บแมว ต้นมะดูก ต้นตับเต่าโคก ต้นมะเดื่ออุทุมพร ต้นกำจาย ต้นกำแพงเจ็ดชั้น และต้นกะเจียน ต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้เป็นยาขับเลือดหลังคลอด ช่วยขับน้ำคาวปลา โดยนำผลมาดองกับสุราดื่ม
  • ใช้แก้อาการฟกช้ำโดยนำใบมาย่างไฟรองนอน
  • ใช้แก้วิงเวียน ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี โดยใช้ใบเข้ายากับใบหนาด เครือส้มลม และตะไคร้หอม ต้มน้ำดื่มและอาบ


ลักษณะทั่วไปของเปล้าใหญ่

เปล้าใหญ่ จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงประมาณ 6-16 เมตร แตกทรงพุ่มไม่เป็นระเบียบ เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล ผิวเรียบ มีรอยแตกบ้างเล็กน้อย กิ่งก้านค่อนข้างใหญ่ เมื่อยังอ่อนกิ่งมีสีเขียว แต่เมื่อแก่จะมีสีเดียวกับลำต้น

           ใบเปล้าใหญ่ เป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียบสลับ ลักษณะใบเป็นของไข่แกมขอบขนาน หรือ รูปใบหอกรียาว ใบมักจะลู่ลง กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 10-30 เซนติเมตร โคนใบสอบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นซี่ฟันไม่สม่ำเสมอ ใบอ่อนสีน้ำตาล ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ค่อนข้างเกลี้ยง ท้องใบมีขนไม่มากและจะเปลี่ยนเป็นสีส้มก่อนร่วง ก้านใบยาว 1.3-6 เซนติเมตร บริเวณฐานใบมีต่อม 2 ต่อมออก

           ดอกเปล้าใหญ่ เป็นช่อบริเวณปลายกิ่งโดยจะมีหลายช่อในแต่ละช่อลักษณะตั้งตรงมีความยาว 12-22 เซนติเมตร ส่วนดอกย่อยมีขนาดเล็กจะทยอยบานจากโคนช่อไปหาปลายช่อกลีบดอกสีขาวและสีเหลืองแกมเขียว ซึ่งดอกตัวผู้จะมีสีขาวใสและมีกลีบดอกสั้นๆ จำนวน 5 กลีบ โคนดอกจะติดกันและมีกลีบเลี้ยงเป็นรูปขอบขนานกว้างๆ 5 กลีบ หลังกลีบเลี้ยงมีเกล็ดสีน้ำตาลมีขนอยู่หนาแน่นและมีเกสรตัวผู้ 12 อัน ส่วนดอกตัวเมียเป็นสีเหลืองแกมเขียวมีกลีบดอก 5 กลีบคล้ายดอกตัวผู้แต่กลีบเล็กกว่า ลักษณะเป็นรูปยาวแคบขอบกลีบจะมีขนและปลายกลีบดอกแหลม

           ผลเปล้าใหญ่ เป็นแบบผลแห้งซึ่งจะเป็นผลแบบ capsule 3 พู ค่อนข้างกลม ผิวผลเรียบ ขนาด 0.6x0.8 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่มีสีน้ำตาล ใน 1 ผลจะมี 3 เมล็ด ลักษณะเมล็ดรูปแบบรี ยาว 6 มิลลิเมตร

เปล้าใหญ่
เปล้าใหญ่

การขยายพันธุ์เปล้าใหญ่

เปล้าใหญ่สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการใช้เมล็ดและการปักชำแต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ การเพาะเมล็ดแล้วนำต้นกล้าที่ได้ไปปลูก สำหรับวิธีการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่งของเปล้าใหญ่ นั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและการปักชำ เปล้าน้อย หรือ ไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้

องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงองค์ประกอบทางเคมีของส่วนต่างๆ ของเปล้าใหญ่ รวมถึงสารสกัดเปล้าใหญ่ จากส่วนต่างๆ ว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น สารสกัดจากเปลือกลำต้นเปล้าใหญ่จากเฮกเซน เอธลอะซิเดด และเมทานอล พบสาร Acanthoic acid,  Crotocembraneic acid, Neocrotocembraneicacid, Kolavenol, Hardwickiic acid  และ Nasimalun A ส่วนสารสกัดแอลกอฮอล์ จากลำต้นเปล้าใหญ่ พบ สารฟลาโวนอยด์ หลายชนิดเช่น Flavanols, Anthocyanidin, Dihydroflavonol, Hydroflavonoids, Catechin และ Leucoanthocyanidin นอกจากนี้สารสกัดเฮกเซนจากเปลือกต้นเปล้าใหญ่ ยังพบ สาร labdane diterpenoids 3 ชนิด ได้แก่ 2-acetoxy-3-hydroxy-labda-8(17),12(E)-14-triene, 3-acetoxy-2-hydroxy-labda-8(17),12(E)-14-triene และ 2,3-dihydroxy-labda-8(17),12(E)-14-triene อีกด้วย

โครงสร้างเปล้าใหญ่

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเปล้าใหญ่

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยถึงการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของเปล้าใหญ่ ระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการอาทิเช่น สารสกัดจากรากมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดใน (lung A-549 carcinoma cells) เซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในหนูและเซลล์มะเร็งลำไส้ของคนในระดับสูง ส่วนสารสกัดจากเปลือกมีคุณสมบัติป้องกันการกลายพันธุ์ และยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งตับในเซลล์ HepG2 และยังพบว่าสารสกัดจากลำต้นมีสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ (EC50 = 36.05มก./มล.) มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลาก (ที่ความเข้มข้น 8 มก./มล.) และมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย S. mutans ที่ทำให้เกิดโรคในช่องปาก (ที่ความเข้มข้น 0.39 มก./มล.) มีรายงานการพบสาร (−)-acanthoic acid ซึ่งเป็นสารประกอบไดเทอร์พีนอยด์กลุ่ม pimarane ในพื้นที่จังหวัดราชบุรีในปริมาณสูงถึงร้อยละ 5.5%  ซึ่งสารดังกล่าวมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบได้ดีและมีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งโดยสามารถเหนี่ยวนําให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (HL-60 human promyelocyticleukaemia cells) ได้ดีซึ่งได้จากสารสกัดเฮกเซนของเปลือกต้นเปล้าใหญ่ (Croton oblongifolius Roxb.) ยังแสดงฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์เนื้องอกของมนุษย์ โดยสารชนิดที่ 1 และ 2 มีความจำเพาะต่อเซลล์เนื้องอกแต่มีฤทธิ์น้อยกว่าสารชนิดที่ 3 ซึ่งอาจเป็นผลจากโครงสร้าง monoacetylation ของสารชนิดที่ 1 และ 2 เกิดพันธะ hydrogen กับเซลล์เนื้องอกทำให้มีความจำเพาะมากกว่าแต่แสดงฤทธิ์ได้น้อยกว่า


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเปล้าใหญ่

ไม่มีข้อมูล

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการใช้เปล้าใหญ่ เป็นสมุนไพรควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพร ชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาด และปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้

เอกสารอ้างอิงเปล้าใหญ่
  1. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. (2540). ร่วมอนุรักษ์มรดกไทย สารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย.โอเดียนสโตร์; กรุงเทพฯ. หน้า 280
  2. เกรียงไกร เพาะเจริญ. (2551). พืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง ชุดที่ 1 บ้านปางมะโอ. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน). หน้า 1-188
  3. ธีรพิชญ์ เกามสุข, สุนิษา สุวรรณเจริญ, อาภาพร บุญมี, การปรับเปลี่ยน โครงสร้างสาร acnthoioc acid จากต้นเปล้าใหญ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย. รายงานฉบับสมบูรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ปีงบประมาณ 2560. 43 หน้า
  4. ฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์ของเปล้าใหญ่. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  5. สิวลี รัตนปัญญา. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในการยับยั้งการเจริญเติบโตในเซลล์มะเร็งของสารสกัดหยาบจากพืชตะกูล Euphorbi aceae ในพื้นที่ลุ่มน้ำลี้ จังหวัดลำพูน. รายงานการวิจัยภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ปีงบประมาณ 2561. 57 หน้า
  6. เปล้าใหญ่. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.phargaeden.com/main.php?action=viewpaye&pid=74
  7.   Kim, K.-N. et al. (2012). Acanthoic acid induces cell apoptosis through activation of the p38 MAPK pathway in HL-60 human promyelocytic leukaemia. Food Chem. 135, 2112–2117.
  8. Catalán, C. A. N., de Heluani, C. S., Kotowicz, C., Gedris, T. E., & Herz, W. (2003). A linear sesterterpene, two squalene derivatives and two peptide derivatives from Croton hieronymi. Phytochemistry. 64(2): 625-629
  9. Roengsumran, S. et al. (1998). Two new cembranoids from Croton oblongifolius. J. Nat. Prod. 61, 652-654
  10. Suh, Y.-G. et al. (2004). Synthesis and anti-inflammatory effects of novel pimarane diterpenoid analogs. Bioorg. Med. Chem. Lett. 14, 3487-3490.
  11. Rossi, D., Guerrini, A., Paganetto, G., Bernacchia, G., Conforti, F., Statti, G., et al. (2013). Croton lechleri Mull. Arg. (Euphorbiaceae) stem bark essential oil as possible mutagen-protective food ingredient against heterocyclic amines from cooked food. Food Chem. 139(1-4): 439-447.