เครือปลาสงแดง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

เครือปลาสงแดง งานวิจัยและสรรพคุณ 22 ข้อ

ชื่อสมุนไพร เครือปลาสงแดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เครืออีโม้, เครืออีม้อ (ภาคกลาง), เครือเจ็น (เชียงใหม่), เต่าไห้ (ตราด), เถายอดแดง (อ่างทอง), เถาวัลย์แดง (ชลบุรี), เครือชุด, เครือซุดแดง (เลย), เถาโก (ประจวบคีรีขันธ์), ปอต่อไห้ (จันทบุรี), หุนน้ำ (สระบุรี)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ichnocarpus frutescens (L.) W.T.Aiton
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Aganosma affinis (Roem. & Schult.) G.Don, Apocynum crassifolium Salisb., A. frutescens L., Ichnocarpus affinis (Roem. & Schult.) K.Schum.
ชื่อสามัญ Black creeper
วงศ์ APOCYNA CEAE

 

ถิ่นกำเนิดเครือปลาสงแดง

เครือปลาสงแดง เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และมีการกระจายพันธุ์ในบริเวณ จีนตอนใต้ อินเดีย ปากีสถาน พม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงทางตอนบนของออสเตรเลีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ตามบริเวณป่าทั่วไปทุกสภาพ หรือ ตามบริเวณที่รกร้างทั่วไป ที่มีความสูงไม่เกิน 850 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ประโยชน์และสรรพคุณเครือปลาสงแดง 

  1. ช่วยขับปัสสาวะ
  2. แก้เบาหวาน
  3. แก้ไข้
  4. แก้อาหารไม่ย่อย
  5. ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  6. แก้โรคผิวหนัง (ใบ)
  7. แก้ปวดศีรษะ
  8. แก้บาดแผล
  9. ป้องกันฟันผุ
  10. แก้หิด
  11. แก้อาการชัก
  12. แก้ไอ
  13. แก้อาการเพ้อคลั่ง
  14. แก้วัณโรค
  15. แก้บิด
  16. แก้ม้ามโต
  17. แก้ลิ้นอักเสบ
  18. แก้หัด
  19. แก้ปัสสาวะเป็นเลือด
  20. แก้ตาบอดกลางคืน
  21. แก้อาการเลือดออกที่เหงือก
  22. บรรเทาปวดจากแมลงกัด

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

ใช้แก้บิด แก้ไข้ แก้ปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือด ช่วยขับปัสสาวะ โดยใช้ทั้งต้นเครือปลาสงแดง มาต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แก้อาหารไม่ย่อย ช่วยขับปัสสาวะโดยใช้รากมาต้มกับน้ำดื่ม ใช้แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยใช้รากเครือปลาสงแดง ผสมรากตะโกน รากมะเฟือง เปรี้ยว และรากตีนนก ต้มกันน้ำดื่ม ใช้แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้บาดแผลอักเสบ โดยใช้ใบสดมาตำให้แหลกแล้วประคบบริเวณที่เป็น


ลักษณะทั่วไปของเครือปลาสงแดง
 

เครือปลาสงแดง จัดเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง ยาว 2-8 เมตร เลื้อยฟาดพันต้นไม้อื่น เถามีสีน้ำตาลแดง ส่วนเถาอ่อนมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุม และจะแตกกิ่งก้านมาก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรี หรือ รูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่มมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7-12.5 เซนติเมตร แผ่นใบสีเขียวเรียบหนา ขอบใบเรียบหลังใบเรียบท้องใบมีขนขึ้นประปรายตามเส้นใบมีก้านใบยาว 0.4-3 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนง โดยจะดอกจะออกบริเวณซอกใบและที่ปลายกิ่ง โดยใน 1 ช่อจะมีดอกย่อย ประมาณ 10-80 ดอก โดยดอกย่อยจะมีขนาดเล็ก เป็นสีขาว หรือ สีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบดอกเรียงบิดเวียนขวา ปลายกลีบดอกบิด โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น เป็นรูปถ้วย กว้างประมาณ 1-2 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายกลีบปลายแยกเป็นแฉกมน มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร โดยด้านข้างของส่วนปลายกลีบจะยื่นยาวคล้ายหาง ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนขอบเป็นคลื่น มีขนอุยบริเวณโคนแฉกด้านใน และมีขนสั้นนุ่มตามขอบ ส่วนด้านนอกเรียบเกลี้ยง ส่วนก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร มีขนสั้นหนานุ่ม ส่วนก้านช่อดอกยาวประมาณ 0.3-4.2 เซนติเมตร และมีขนสั้นหนานุ่ม ผลออกเป็นฝักคู่ รูปทรงกระบอก ปลายแหลม กว้าง 1.6-5 มิลลิเมตร ยาว 3-15 เซนติเมตร เมื่อฝักแห้งแตกออกเพียงตะเข็บเดี่ยว เมล็ดมีสีน้ำตาล และมีกระจุกขนสีขาวคล้ายเส้นไหมติดอยู่ที่ปลายเมล็ด เพื่อใช้ช่วยปลิวลมในการแพร่พันธุ์

เครือปลาสงแดง

การขยายพันธุ์เครือปลาสงแดง

เครือปลาสงแดง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด และการปักชำ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติมากกว่าการขยายพันธุ์โดยมนุษย์ ซึ่งในธรรมชาติก็อาศัยลมที่พัดเอาเมล็ดที่มีขนกระจุกติดอยู่ให้ลอยไปตามกระแสลมแล้วไปตกในบริเวณต่างๆ จากนั้นจึงเจริญเติบโตเป็นต้นต่อไป

เครือปลาสงแดง

องค์ประกอบทางเคมี

มีผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนต่างๆ ของเครือปลาสงแดง พบสารสำคัญดังนี้ รากพบ beta-sitosterol ลำต้นพบสาร friedelin, lupeol, epi-friedelinol, amyrin, beta-sitosterol ดอกพบ quercetin, quercetin-3-O-beta-D-glucopyranoside ใบพบสาร apigenin, kaemferol, luteolin, syringic acid, vitexin, vanillic acid, isovitexin, proanthocyanidin, ursolic acid, phenolic acids, synapic acid, protocatechuic acid, acetate, kaemferol-3-galactoside (trifolin) เป็นต้น

โครงสร้างเครือปลาสงแดง

ที่มา : Wikipedia

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของเครือปลาสงแดง

มีผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาจากส่วนต่างๆ ของเครือปลาสงแดง ในต่างประเทศพบว่า มีฤทธิ์สมานแผล ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดเนื้องอก, ฤทธิ์ปกป้องตับ ฤทธิ์ลดไขมัน และน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

การศึกษาทางพิษวิทยาของเครือปลาสงแดง

ไม่มีข้อมูล

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

เครือปลาสงแดง เป็นพืชที่พบในไทยมานานแล้ว จึงมีการนำมาใช้เป็นสมุนไพรกันตั้งแต่อดีต ถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่ามีฤทธิ์ต่างๆ แต่ก็เป็นเพียงการศึกษาในสัตว์ทดลองยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ ดังนั้นในการใช้เครือปลาสงแดงเป็นสมุนไพรนั้น จึงควรระมัดระวังในการใช้โดยการใช้ในขนาดที่พบดีที่ระบุไว้ในตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื่อรัง รวมถึงผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำก่อนจะใช้เครือปลาสงแดงเป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ

 

เอกสารอ้างอิง เครือปลาสงแดง
  1. พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. หนังสือสมุนไพ ในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “เครือปลาสงแดง ”. หน้า 103.
  2. เครือปลาสงแดง. พรรณไม้หอมในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. สถาบันความหลากหลายทางชีวภาพ และสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาท้องถิ่น และอาเซียน มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย. หน้า 24-25
  3. เครือปลาสงแดง,ลีลาวดี.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=185
  4. Dash, DK และอื่นๆ (2007) การประเมินฤทธิ์ต้านตับ และสารต้านอนุมูลอิสระของ Ichnocarpus frutescens (Linn.) R.Br. ต่อความเป็นพิษต่อตับจากพาราเซตามอลในหนู วารสารการวิจัยทางเภสัชกรรมเขตร้อน 6: 3 755-65
  5. Kumarappan CT, Mandal SC (มิถุนายน 2550) "กิจกรรมต้านของสารสกัดจากโพลีฟีของ Ichnocarpus frutescens" ประสบการณ์ ออนคอล 29 (2): 94–101 PMID  17704739 ที่เก็บถาวรจากเดิมเมื่อวันที่ 2010-12-15 ที่ดึง 2011/09/26