กระดังงาสงขลา ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

กระดังงาสงขลา งานวิจัยและสรรพคุณ 23 ข้อ

ชื่อสมุนไพร กระดังงาสงขลา
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น กระดังงาสงขลา (ภาคกลาง, ทั่วไป), กระดังงาเบา, ดังงา, กระดังงง, กระดังงางอ (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cananga odora (Lam.) Hook.f. & Thomson var. fruticose (Craib) J.Sinelair.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Canangium, futicosum Craib, Cananga odorata vac. futicosa (Crailb), J. Sinclair, Cananga odorata Hook.f. &Thomson var. fruticosa (Craib) Corner
ชื่อสามัญ Drawf ylang ylang
วงศ์ ANNONACEAE


ถิ่นกำเนิดกระดังงาสงขลา

กระดังงาสงขลา จัดเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE) ที่ถูกค้นพบชนิดใหม่ โดยมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในหมู่บ้านจะโหนง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้จากการเพาะเมล็ดกระดังงาไทยแล้วเกิดการกลายพันธุ์ ดังนั้นชื่อพฤกษศาสตร์ จึงเป็นชื่อเดียวกัน เพียงแต่แยกเป็นสายพันธุ์ย่อย (variety) ย่อยออกไป ในปัจจุบันสามารถกระดังงาสงขลา พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักถูกนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับตามบ้านเรือน หรือ ตามสวนสาธารณะ หรือ ตามอาคารสถานที่ต่างๆ แต่จะพบตามธรรมชาติได้มากในภาคใต้


ประโยชน์และสรรพคุณกระดังงาสงขลา

  1. ช่วยบำรุงธาตุ
  2. ช่วยบำรุงร่างกาย
  3. ช่วยบำรุงหัวใจ
  4. ช่วยบำรุงโลหิต
  5. ช่วยชูกำลัง
  6. แก้อ่อนเพลีย
  7. ช่วยทำให้หัวใจชุ่มชื้น
  8. แก้ไข้
  9. แก้จุกเสียด
  10. แก้ลมวิงเวียน
  11. ใช้ขับปัสสาวะ
  12. แก้ปัสสาวะพิการ
  13. ใช้คุมกำเนิด
  14. ใช้รักษามะเร็งเพลิง
  15. แก้ท้องเสีย
  16. ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน
  17. แก้คัน 
  18. ช่วยให้เจริญอาหาร
  19. แก้ร้อนใน
  20. แก้กระหายน้ำ
  21. แก้ไข้จับสั่น
  22. แก้ไข้เผื่อลม
  23. แก้ไข้เผื่อแก้ปถวีธาตุ

           มีการนำดอก ใบและเนื้อไม้ มาใช้ทำบุหงา น้ำหอมและน้ำอมร่ำ นอกจากนี้ยังใช้ดอกมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ylang ylangoil โดยใช้ทำเป็นน้ำหอมและเครื่องหอม ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางประเภทครีมทาหน้า โลชั่นและเครื่องสำอางอื่นๆ อีกทั้งยังนิยมใช้ปลูกกระดังงาสงขลาเป็นไม้ประดับ ตามสวนสาธารณะ ตามอาคารสถานที่ต่างๆ เนื่องจากดอกกระดังงาสงขลา มีสีสันสดใสสวยแปลกตาและยังมีกลิ่นหอมแรงในช่วงเช้าและเย็น ดอกออกได้ตลอดทั้งปี สามารถดูแลรักษาง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงมารบกวน

กระดังงาสงขลา

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต ชูกำลัง แก้อ่อนเพลีย แก้ไข้ แก้จุกเสียด โดยนำดอกกระดังงาสงขลามาอบให้แห้งบดให้ละเอียดเล็กน้อย
  • ใช้ชงดื่มเป็นชา ใช้แก้ลมวิงเวียน ทำให้หัวใจชุ่มชื้น บำรุงหัวใจ โดยนำดอกกระดังงาสงขลามาใช้เป็นส่วนผสมทำเป็นยาหอมกิน หรือ ใช้ดอกกระดังงาสงขลา มาทำเป็นน้ำมันหอมระเหยใช้สูดดมก็ได้
  • ใช้ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ โดยนำเนื้อไม้กระดังงาสงขลาตากแห้งมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้มะเร็งเพลิง ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้ท้องเสีย โดยนำเปลือกกระดังงาสงขลาต้นมาต้มกับน้ำดื่ม
  • ใช้แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ปถวีธาตุ แก้ไข้เผื่อลม แก้ไข้จับสั่น โดยนำเกสรกระดังงาสงขลา มาป่นละเอียด ใช้ชงดื่ม
  • ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน แก้คัน โดยนำใบกระดังงาสงขลาสดมาตำให้แหลกใช้พอกหรือทาบริเวณที่เป็น


ลักษณะทั่วไปของกระดังงาสงขลา

กระดังงาสงขลา จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ทรงพุ่มโปร่งแตกกิ่งในระดับต่ำขึ้นไป ความสูงของต้นประมาณ 1-4 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมน้ำตาล มีกลิ่นฉุน เนื้อไม้เปราะหักง่าย มักแตกกิ่งตั้งฉากกับลำต้นปลายกิ่งย้อยลู่ลง กิ่งมีขนอ่อน

           ใบกระดังงาสงขลา เป็นใบเดี่ยวออกแบบเรียงสลับบริเวณปลายกิ่งเป็นรูปรี หรือ รูปขอบขนาดกว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 10-14 เซนติเมตร โคนใบมนเว้าเลี้ยวเล็กน้อยปลายใบแหลมขอบใบเรียบ หรือ เป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบบางมีสีเขียว ด้านบนของใบกระดังงาสงขลา มองเห็นเส้นแขนงของใบชัดเจน โดยจะมี 8-9 คู่ ก้านใบยาว 1-2.5 เซนติเมตร

           ดอกกระดังงาสงขลา เป็นดอกเดี่ยว แต่จะออกเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง โดยดอกจะมีกลีบดอก 15-24 กลีบ กลีบดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอมแรงแต่จะหอมน้อยกว่ากระดังงาไทย กลีบดอกมีลักษณะเรียวยาวอ่อนนิ่ม บิดเป็นเกลียว ปลายกลีบแหลมกระดกขึ้น กลีบชั้นนอกจะยาวและใหญ่กว่ากลีบชั้นใน อีกทั้งกลีบดอกจะมีความกว้าง 0.5-2 เซนติเมตร ยาว 5-9 เซนติเมตร เป็นหลายชั้น โดนในแต่ละชั้นจะมีชั้นละ 3 กลีบ ในแต่ละดอกมีเกสรเพศผู้และเพศเมียจำนวนมาก อีกทั้งมีกลีบเลี้ยงดอกสีเขียว รูปไข่ ปลายแหลมความกว้าง 6 มิลลิเมตร ยาว 1.2 เซนติเมตร และมีก้านดอกยาว 4-6 เซนติเมตร

           ผลกระดังงาสงขลา ออกเป็นผลกลุ่ม โดยจะออกเป็นพวงเช่นเดียวกันกับกระดังงาไทยและในแต่ละพวงจะมีผลย่อย 8-10 ผล ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมรี รูปไข่ปลายผลแหลม ผิวผลเรียบและผลจะมีขนาดกว้าง 1.2-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง ภายในผลจะมีเมล็ดอยู่หลายเมล็ด

กระดังงาสงขลา
กระดังงาสงขลา

การขยายพันธุ์กระดังงาสงขลา

กระดังงาสงขลา สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง แต่วิธีการตอนกิ่งไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากกิ่งเปราะหักง่าย ดังนั้นวิธีการที่นิยมกันในปัจจุบัน คือ การเพาะเมล็ด เนื่องจาก มีความสะดวก รวดเร็วในการทำและสามารถทำได้ครั้งละมากๆ อีกทั้งต้นกระดังงาสงขลาที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีและมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าต้นที่เกิดจากการตอนสำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกกระดังงาสงขลา สามารถทำได้เช่นเดียวกันกับการเพาะเมล็ดและปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE) เช่น กระดังงาไทย การเวก น้อยหน่า ฯลฯ ที่ได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ทั้งนี้กระดังงาสงขลาเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความต้องการความชื้นและต้องการน้ำค่อนข้างมาก แต่ไม่ทนกับสภาพน้ำท่วมขัง


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีจากส่วนต่างๆ ของกระดังงาสงขลาระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น ส่วนใบพบสารกลุ่ม lignan diesters เช่น canangafruticoside A รวมถึงสาร β-sitosterol ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงาสงขลา พบสารกลุ่ม Monoterpenes เช่น linalool, geranyl acetate สารกลุ่ม Sesquiterpenes เช่น β-caryophyllene, germacrene D, α-humulene, ylangene (β‑ylangene) และยังพบสาร farnesene, farnesol, benzyl acetate, methyl benzoate และ p‑cresyl methyl ether เป็นต้น


การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของกระดังงาสงขลา

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาจากส่วนต่างๆ ของกระดังงาสงขลา รวมถึงน้ำมันหอมระเหยจากส่วนดอกกระดังงาสงขลา ระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้

           มีรายงานผลการศึกษาวิจัยระบุว่าจากการศึกษาวิจัยด้วยวิธี DPPH test พบว่า น้ำมันหอมระเหยจากส่วนใบมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยมีค่า IC50 0.00925 mg/mL และยับยั้งการสร้าง nitric oxide โดยมีค่า IC50 = 37.6 µg/mL อีกทั้งสารสกัดดอกกระดังงาสงขลา ก็ยังแสดงฤทธิ์ลดการอักเสบได้เช่นกัน โดยเข้าไปลดการสร้าง cytokines และ arachidonic metabolites ส่วนสารสกัดกระดังงาสงขลา จากดอกรวมถึงน้ำมันหอมระเหยจากดอก พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ เช่น แบคทีเรีย รา และยีสต์ โดยเข้าไปยับยั้งกระบวนการสร้าง biofilm ของเชื้อจุลชีพ

           นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยในสารสกัดจากส่วนเหนือดินของกระดังงาสงขลา ระบุว่ายังมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่นๆ ดังนี้ฤทธิ์ลดความดันโลหิต ฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง ฤทธิ์ลดความวิตกกังวล ฤทธิ์ลดภาวะเครียด เป็นต้น

การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของกระดังงาสงขลา

ไม่มีข้อมูล


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการใช้กระดังงาสงขลา เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคนั้น ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้


เอกสารอ้างอิง กระดังงาสงขลา
  1. ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์. กระดังงาสงขลา (Kradang Nga Songkhla). หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 22.
  2. เดชา ศิริภัทร. กระดังงา:กลิ่นที่ล้ำค่าเมื่อนมาลนไฟ. คอลัมน์ ต้นไม้ใบหญ้า. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 287. มีนาคม 2546.
  3. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น 2546. 1,488 หน้า. (31)
  4. ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. หนังสือสมุนไพรสวนสิริยาขชาติ. กระดังงาสงขลา. หน้า 71
  5. ดร. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. พจนานุกรมไม้ดอกไม้ประดับ 2542 หน้า (10)
  6. ศูนย์พัฒนาตำราการแพทย์แผนไทย. มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา. (2549) พฤกษชาติสมุนไพร. หน้า 35.
  7. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สมุนไพรสวนสิริรุกขชาติ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด 2535.
  8. Tem Samitinand. Thai Plant Names. Revised Edition 2001. 810 p. (102)
  9. Inta, A., et al. (2008). Ethnobotanical study of medicinal plants used by Karen people in Northern Thailand. Journal of Ethnopharmacology, 116, 173-182.
  10. Chae, Y., & Kim, S. (2020). Comparative analysis of volatile organic compounds in Cananga odorata var. fruticosa and Cananga odorata var. odorata flowers using HS-SPME-GC/MS. Journal of Applied Biological Chemistry, 63, 53-61.
  11. Sinlapadeelerdkul, T., et al. (2021). Antioxidant activity of ethanolic extract from Cananga odorata var. fruticosa leaves. Journal of Science and Technology Mahasarakham University, 40(4), 564-572.
  12. Hsouna, A. B., et al. (2011). Chemical composition and biological activities of the essential oils from flowers of Cananga odorata cultivated in Tunisia. Natural Product Research, 25(14), 1292-1303.
  13. Shou, D., et al. (2015). Transcriptome analysis of Cananga odorata reveals the sesquiterpene synthase genes involved in floral scent biosynthesis. Plant Molecular Biology Reporter, 33, 1393-1405.
  14. Sattayasai, J., et al. (2011). Effects of inhalation of ylang-ylang oil on blood pressure and heart rate in healthy men. Journal of the Medical Association of Thailand, 94(5), 598-606.
  15. Dougnon, V. T., et al. (2023). In vivo toxicity studies of essential oils: A review of the literature. Toxicology Reports, 10, 209-221.
  16. Shou, D., et al. (2015). Transcriptome analysis of Cananga odorata reveals the sesquiterpene synthase genes involved in floral scent biosynthesis. Plant Molecular Biology Reporter, 33, 1393-1405.
  17. Jirovetz, L., et al. (2006). Essential oil analysis and olfactory evaluation of ylang-ylang (Cananga odorata) flower oil from Madagascar. Natural Product Communications, 1(12), 1065-1070.
  18. Balangcod, T. D., & Balangcod, A. K. D. (2011). An ethnobotanical study of medicinal plants in Benguet Province, Philippines. Indian Journal of Traditional Knowledge, 10(4), 589-595.
  19. Manosroi, A., et al. (2006). Anti-inflammatory activities of the essential oil extracted from the flowers of Cananga odorata (Lam.) Hook. f. & Thomson var. fruticosa (Craib) J. Sinclair. Phytomedicine, 13(4), 344-351.