ชันย้อย ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย

ชันย้อย งานวิจัยและสรรพคุณ 12 ข้อ

ชื่อสมุนไพร ชันย้อย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ขี้ชัน, ขี้ขันตะเคียนทอง, ขี้ชันยางนา, ขี้ชันเต็ง, ขี้ขันรัง, ขี้ชันยางกราด, ขี้ชันเคี่ยม (ทั่วไป)
ชื่อวิทยาศาสตร์ -
ชื่อสามัญ Dammar gum
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE (ชันย้อยเป็นยางไม้ที่ได้จากพันธุ์ไม้ในวงศ์นี้)


ถิ่นกำเนิดชันย้อย

ชันย้อย คือ ยางไม้ที่ไหลออกจากเปลือกไม้แล้วเกิดการแข็งตัวของพืชในวงศ์ DIPTEROCARPACEAE ซึ่งชันย้อย จะพบในพันธุ์ไม้หลายชนิดอาทิเช่น ต้นตะเคียน (Hopea odorata Roxb.) ต้นยางนา (Dipterocarpus alatus Roxb.) ต้นยางกราด (Dipterocarpus intricatus Dyer) ต้นเต็ง (Shorea obtuse Wall.) ตุ้นรัง (Shorea siamensis Mig) ต้นเคี่ยม (Shorea henryana Pierre) ซึ่งพันธุ์ไม้เหล่านี้ มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งจะพบการแพร่กระจายพันธุ์ในภูมิภาคนี้เท่านั้น


ประโยชน์และสรรพคุณชันย้อย

  1. แก้โรคหนองใน
  2. ช่วยห้ามหนอง
  3. ช่วยสมานแผล รักษาแผล
  4. รักษาแผลเน่าเปื่อย แผลโรคเรื้อน
  5. ช่วยขับปัสสาวะ
  6. ช่วยขับเสมหะ
  7. ใช้อุดฟัน แก้ฟันผุ
  8. แก้มุตกิดระดูขาวในสตรี
  9. ใช้ถ่ายหัวริดสีดวงทวารหนักให้ฝ่อ
  10. ช่วยถ่ายพยาธิลำไส้
  11. แก้โรคเรื้อน
  12. แก้กามโรค

           ในตำรับยาพระโอสถพระนารายณ์ปรากฏตำรับ “สีผึ้งบี้พระเส้น” ที่มีการใช้ชันย้อยมาเป็นส่วนประกอบร่วมกับสมุนไพรอื่นในตำรับจำนวน 2 ขนาน โดยใช้กวนให้เข้ากันในน้ำมัน ใช้ทาผ้า หรือ แพรสำหรับปิดตามพระเส้นที่แข็งซึ่งจะสามารถทำให้เส้นหย่อนได้

           นอกจากนี้ยังมีการใช้ชันย้อยตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยได้ระบุการใช้ชันย้อยในตำรับ “ยาเหลืองปิดสมุทร” ซึ่งมีส่วนประกอบของชันย้อย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือ มีเลือดปนและท้องเสียชนิดที่ไม่มีไข้อีกด้วย

           ชันย้อยถูกนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น มีการนำชันย้อยมาละลายในน้ำมันสน ใช้สำหรับวาดภาพสีน้ำมัน ทั้งในระหว่างขั้นตอนการวาดภาพใช้เคลือบหลังจากวาดภาพเสร็จแล้ว ใช้เป็นยาแนวเรือ โดยมักใช้ผสมกับน้ำมันดิน หรือ ยางมะตอย ใช้พิมพ์ภาพบาติกโดยนำชันย้อย บดเป็นผงผสมกับพาราฟิน นอกจากนี้ยังมีการใช้ชันย้อยเป็นยาสมุนไพร

ชันย้อย
ชันย้อย

รูปแบบและขนาดวิธีใช้

  • ใช้แก้โรคหนองใน แก้กามโรค ถ่ายพยาธิลำไส้ โดยนำชันย้อยมาบดให้ละเอียดชงกินกับน้ำร้อน
  • ใช้ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้มุตกิดระดูขาวในสตรี โดยนำชันย้อย ที่ละลายแล้ว 1 ส่วนผสมกับแอลกอฮอลล์ 2 ส่วน ใช้จิบกิน
  • ใช้สมานแผล แก้แผลหนอง แผลเน่าเปื่อย แผลโรคเรื้อน แผลหนองใน ใช้ถ่ายหัวริดสีดวงทวารหนัก โดยนำชันย้อยมาบดให้ละเอียดใช้โรยบนแผลที่เป็น
  • ใช้อุดฟันผุ แก้ปวดฟัน โดยนำชันย้อยมาละลาย แล้วนำมาผสมกับเมล็ดกุยช่าย ที่คั่วจนเกรียมแล้วนำมาบดละเอียด ใช้อุดฟันซี่ที่ผุ หรือ ปวด สำหรับการใช้ยาเหลืองปิดสมุทร ที่มีส่วนประกอบ คือ เหง้าขมิ้นชัน หนัก 30 กรัม ชันย้อย ครั่งสีเสียดเทศ เปลือกสีเสียดไทย ใบเทียน ใบทับทิม หัวแห้วหมู เหง้าขมิ้นอ้อย เปลือกเพกา รากกล้วยดิบ หัวกระเทียมคั่ว ดอกดีปลี หนักสิ่งละ 5 กรัม โดยมีขนาดการใช้ คือ ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ำกระสายยาทุก 3-5 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ, ส่วนเด็กอายุ 3-5 เดือน รับประทานครั้งละ 200 มิลลิกรัม, อายุ 6-12 เดือน รับประทานครั้งละ 300-400 มิลลิกรัม, อายุ 1-5 ขวบ รับประทานครั้งละ 500-700 มิลลิกรัม, อายุ 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม -1 กรัมละลายน้ำกระสายยาทุก 3-5 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ


ลักษณะทั่วไปของชันย้อย

ชันย้อยมีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาว สีขาวขุ่น หรือ สีออกเหลืองที่เกิดจากการแห้งกรังและแข็งตัวของยางไม้วงศ์ DIPTEROCARPACEAE มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีรสฝาดขมเย็น สามารถออกซิไดซ์ด้วยแสงได้ง่ายและติดไฟได้ ซึ่งในต่างประเทศสามารถแยกเป็นประเภทต่างๆ ได้หลายประเภท เช่น ชันย้อย damar mat kucing หรือ “ชันย้อยตาแมว” เป็นผลึกมีลักษณะเป็นลูกกลม ได้จากพืช Shorea javanica ในอินโดนีเซีย ดามาร์บาดู (หินดามาร์) คือ ชันย้อย damarbatu หรือ “ชันย้อยหิน ” เป็นชันย้อยที่มีรูปร่างเหมือนหิน หรือ ก้อนกรวดที่เก็บมาจากยางที่ไหลไปถึงพื้นดิน แล้วเกิดการแข็งตัวและชันย้อย damar hitam หรือ ชันย้อยดำ ซึ่งมีลักษณะเป็นผลึกสีน้ำตาลดำได้จากพืช Shorea gibbosa เป็นต้น

ชันย้อย
แหล่งที่มาของถาพ shopee.co.th BY nun1515

การขยายพันธุ์ชันย้อย -


องค์ประกอบทางเคมี

มีรายงานผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีที่พบในชันย้อย ในทุกๆ ประเภทระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น พบสารกลุ่มไตรเทอร์ปีนอยด์ ได้แก่ dammarane, dammaradienol, dammarenediol-Il, oleanane, hydroxydammarenone-|, ursonic acid, hydroxyhopanone, elchlerianic acid, dammarenolic acid, oleanonic acid, Shoreic acid และ hydroxyoleanonic lactone เป็นต้น

โครงสร้างชันย้อย

การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของชันย้อย

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของชันย้อยระบุว่า มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้

           ฤทธิ์ต้านเชื้อ Herpes simplex virus types l และ ll มีรายงานผลการทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อ Herpes simplex virus typesl and II. เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อเริ่มที่ผิวหนัง ริมฝีปากและอวัยวะเพศของสารไตรเทอร์พีน 9 ชนิด ที่ได้จากชันย้อย โดยทำการศึกษาในหลอดทดลอง เมื่อทำการทดสอบโดยการให้สารไตรเทอร์พีนขนาด 1-10 ug/m สัมผัสกับ vero cells ทำให้เซลล์ติดเชื้อไวรัสแล้วเป็นเวลานานต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง ผลการทดสอบพบว่า สารไตรเทอร์พีนทั้ง 9 ชนิด มีผลทำให้เชื้อไวรัสเกิด cytopathic effect (CPE) คือ เซลล์มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมภายหลังการติดเชื้อ เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้น สารไตรเทอร์พีนที่พบได้แก่ dammaradienol, dammarenedio1-I), hydroxydammarenone-1, hydroxyhopanone, hydroxyoleanonic lactone, dammarenolic acid, ursonic acid, shoreic acid และ eichlerianic acid vox

           ฤทธิ์ยับยั้งสารส่งเสริมการเกิดเนื้องอก มีรายงานผลการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งสารส่งเสริมการเกิดเนื้องอกของสารไตรเทอร์พีนอยด์ 19 ชนิด, สารเชสควิเทอร์ปีนอยด์ 1 ชนิด และอนุพันธ์อีก 14 ชนิด ที่แยกได้จากชันย้อย โดยได้ทำการศึกษาในหลอดทดลอง ซึ่งได้ตรวจสอบฤทธิ์ยับยั้งการเหนี่ยวนำการสร้างแอนติเจนเริ่มต้นของเชื้อไวรัส Epstein-Barr (EBV-EA) เมื่อใช้ 12-0-tetradecanoylphorbol 13-acetate (TPA) เป็นสาร ส่งเสริมการเกิดเนื้องอก ทดสอบในเซลล์ราจี (Roji cells) ผลการทดสอบพบว่า สารทดสอบส่วนมากมีฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้นแอนติเจนของ EBV-EA โดยมีศักยภาพเทียบเท่า หรือ มากกว่าสาร B-carotene ซึ่งเป็นสารยับยั้งสารส่งเสริมการเกิดเนื้องอกที่ได้จากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังพบว่าสาร (205)-20-hydroxy-34 secodammara-4228,24-dien-3-al สามารถยับยั้งสาร ส่งเสริมการเกิดเนื้องอกที่ผิวหนัง เมื่อทดสอบที่ผิวหนังหนูถีบจักร โดยใช้ 7,12-dimethylbenz[aJanthracene (DMBA เป็นสารริเริ่ม (initiator) และใช้ TPA เป็นสารส่งเสริม หรือ โปรโมเตอร์ นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยและพัฒนาตำรับยาเหลืองปิดสมุทรที่มีชันย้อยเป็นส่วนประกอบในตำรับ โดยได้ทดลองในสัตว์ทดลองว่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อเกิดโรคอุจจาระร่วงต่อเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์มาตรฐาน คือ Bacillus cereusATCC 14579, Escherichia coli ATCC 25922, Salmonella typhimurium ATCC 11331, Shigella flexneri DMSC 1130, Staphylococcus aureusATCC 25923, Vibrio parahaemolyticus DMST 5665 และมีฤทธิ์ยับยั้งอาการท้องเสีย


การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของชันย้อย

มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของชันย้อยระบุว่า

           มีรายงานผลการทดสอบความเป็นพิษต่อยื่นของชันย้อย ในหนูถีบจักรที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมยีน (gpt delta transgenic mouse) โดยการให้ชันย้อยขนาด 2% เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่าชันย้อยไม่ทำให้เนื้อเยื่อตับเปลี่ยนแปลงและไม่ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำให้เกิดการก่อกลายพันธุ์ในตับ แต่ทำให้ระดับของสารที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกของยืน ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้การแบ่งตัว เพิ่มขึ้นของเซลล์ ได้แก่ 8-0HAG, bax, bcl-2, p53, cyp1a2, cyp2e1, gpx1 และ gstm2 มีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (p<0.05) และจากการวัดค่าน้ำหนักตัว น้ำหนักตับ ปริมาณน้ำและปริมาณอาหารที่หนูกิน ผลการทดสอบพบว่า หนูยังคงกินน้ำและอาหารได้ตามปกติ แต่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) เท่ากับ 28.7640.09 กรัม เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (เท่ากับ 34.6711.87 กรัม) แต่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตับโดยสรุปชันย้อยไม่ก่อให้การพยาธิสภาพในตับและไม่มีความเป็นพิษต่อยีน แต่อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังเมื่อนำมาใช้เพื่อการบริโภคเนื่องจากทำให้ดัชนีบ่งชี้การแบ่งตัวของเซลล์ตับเพิ่มขึ้น

           นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของตำรับยาเหลืองปิดสมุทร ระบุว่ามีฤทธิ์ยับยั้งอาการท้องเสีย โดยลดการเคลื่อนไหวของลำไส้และลดการหดตัวของลำไส้โดยไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษในหนูทดลองอีกด้วย


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

สำหรับการใช้ชันย้อยเป็นสมุนไพรโดยเฉพาะในรูปแบบการรับประทานนั้นควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสมที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไปหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ สำหรับการใช้ยาเหลืองปิดสมุทรที่มีชันย้อย ส่วนประกอบนั้น ไม่ควรใช้ยาเกิน 1 วัน ซึ่งหากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานของตับและไตผิดปกติ ควรระมัดระวังการใช้ยา


เอกสารอ้างอิง ชันย้อย

  1. นพมาต สุนทรเจริญนนท์, นงลักษณ์ เรืองวิเศษ, บังอร เกียรติธนากร. การวิจัยและพัฒนาสารสกัดมาตรฐานของตำรับยาแผนโบราณและสมุนไพรไทย, เอกสารประกอบการประชุมการเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านการพัฒนาสมุนไพรเพื่ออุตสาหกรรม จัดโดย ภารกิจโครงการและประสานงานวิจัย สำนักงานคณะกรรมการงานวิจัยแห่งชาติ วันที่ 28-29 กันยายน 2549 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร. หน้า 102-106.
  2. ยาเหลืองปิดสมุทร. คู่มือยาสมุนไพรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาปี 2560. กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. 37 หน้า
  3. ฐานข้อมูลเครื่องยาไทย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ชันย้อย, (ออนไลน์) 2025, แหล่งที่มา: https://phar.ubu.ac.th/herb-DetailThaicrudedrug/199,
  4. Xie X-L, Wei M, Kakehashi A, Yamano S, Okabe K, Tajiri M, et al. Dammar resin, a non-mutagen, inducts oxidative stress and metabolic enzymes in the liver of gpt delta transgenic mouse which is different from a mutagen, 2-amino-3-methylimidazo[4,5-f]quinoline. Mutation Research. 2012;748:29-35.
  5. Scalarone, D.; Duursma, MC; Boon, JJ; Chiantoire, O. สเปกโตรมิเตอร์มวล MALDI-TOF บนพื้นผิวเซลลูโลสของเรซินวานิชไดเทอร์พีนอยด์สดและบ่มด้วยแสง J. Mass. Spec. 2005, 40, 1527-1535. doi : 10.1002/jms.893
  6. Poehland BL, Carté BK, Francis TA, Hyland LJ, Allaudeen HS, Troupe N. In vitro antiviral activity of dammar resin triterpenoids. J Nat Prod. 1987;50(4):706-713.
  7. Burger, P.; Charrié-Duhaut, A.; Connan, J.; Flecker, MJ; Albrecht, P. ตัวอย่างเรซินทางโบราณคดีจากซากเรือในเอเชีย: การจำแนกลักษณะทางอนุกรมวิธานโดย GC-MS Analytica Chimica Acta. 2009, 648, 85-97.
  8. Ukiya M, Kikuchi T, Tokuda H, Tabata K, Kimura Y, Arai T, et al. Antitumor-promoting effects and cytotoxic activities of dammar resin triterpenoids and their derivatives. Chemistry & Biodiversit.2010;7(8):1871-1884.