แมงกะแซง ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
แมงกะแซง งานวิจัยและสรรพคุณ 19 ข้อ
ชื่อสมุนไพร แมงกะแซง
ชื่ออื่น/ชื่อท้องถิ่น แมงลักนา (ภาคเหนือ), แมงลักป่า, แมงลักผี (ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี) E hoang (เวียดนาม)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum americanum Linn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Ocimum canum Sims, Ocimum stamineum Sims, Ocimum brachiatum Blume, Ocimum Fluminense Vell, Ocimum americanum L. var. americanum
วงศ์ LABIATAE - LAMIACEAE
ถิ่นกำเนิดแมงกะแซง
แมงกะแซง จัดเป็นพืชในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมบริเวณเขตร้อนของทวีปแอฟริกา จากนั้นจึงได้มีการแพร่กระจายพันธุ์มายังเขตร้อนของเอเชียบริเวณศรีลังกา อินเดีย เนปาล พม่า จีน เวียดนาม ไทย ลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยพบแมงกะแซง ได้ประปรายทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจะพบการปลูกไว้รับประทานกันมากในประจวบคีรีขันธ์ และกาญจนบุรี
ประโยชน์และสรรพคุณแมงกะแซง
- ใช้ขับลม
- แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- แก้ลมตานซาง
- ช่วยขับเหงื่อ
- ช่วยขับปัสสาวะ
- แก้อาการหวัดคัดจมูก
- แก้โรคผิวหนังแมลงสัตว์กัดต่อย
- แก้ไอ
- แก้หวัด คัดจมูก
- แก้อาเจียน
- แก้ไข้
- รักษาริดสีดวงทวาร
- แก้โรคเบาหวาน
- แก้โรคท้องเสีย
- แก้ลมแดด
- แก้ไข้หวัดใหญ่
- รักษาหนองใน
- แก้ปวดท้อง
- แก้โรคจิตเภท
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แกหวัดคัดจมูก แก้ลมตานซาง โดยนำใบแมงกะแซง มาต้มกับน้ำร้อนดื่ม และใช้สูดดมไอจากการต้มด้วย
- ใช้แก้หวัดคัดจมูก แก้อาเจียน ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะโดยนำดอกและใบแมงกะแซงมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ขับลม แก้ไอ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ โดยนำรากแมงกะแซงสดมาต้มกับน้ำดื่ม
- ในแอฟริกายังมีการใช้แมงกะแซง เป็นสมุนไพร ในไนจีเรียมีการใช้ส่วนใบของแมงกะแซง มาเป็นใช้ยาต้ม เพื่อใช้แก้ไข้ แก้ไอ แก้หวัด ริดสีดวงทวาร และแก้โรคเบาหวาน ในแคเมอรูนใช้แมงกะแซงแก้โรคท้องเสีย ลมแดด ไข้หวัดใหญ่ หนองในแก้ปวดท้อง โรคจิตเภท แก้หวัด
ลักษณะทั่วไปของแมงกะแซง
แมงกะแซง จัดเป็นไม้ล้มลุกถึงไม้พุ่มขนาดเล็ก แตกกิ่งมาก สูง 30-55 เซนติเมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลเป็นเหลี่ยมกึ่งกลม มีขนสั้นๆ ขึ้นปกคลุม
ใบแมงกะแซง เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามบนกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกกึ่งรูปไข่ หรือ รูปรี กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร โคนใบเป็นรูปลิ่ม ปลายใบแหลม ขอบใบจักฟันเลื่อย ผิวใบมีสีเขียวด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนขึ้นกระจายทั่วไป ผิวใบมักมีต่อมเป็นจุดๆ และมีก้านใบยาว 1-2 เซนติเมตร
ดอกแมงกะแซง ออกเป็นช่อแบบกระจะบริเวณยอดและปลายกิ่ง โดยดอกจะเป็นช่อเดี่ยวหรือแตกแขนงมีความยาว 7-15 เซนติเมตร ริ้วประดับรูปใบหอกยาว 2-5 มิลลิเมตร และมีกลีบเลี้ยงสีเขียว เชื่อมกันเป็นหลอดรูประฆัง ปลายหอดแยกเป็นปาก โดยบริเวณปากบนจะแบนกว้าง ส่วนปากล่างมีแฉกแหลม 4 แฉก รูปลิ่ม มีต่อมเป็นตุ่มกลมมีก้านชู สำหรับกลีบดอกมีสีขาวเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 4-6 มิลลิเมตร กลีบดอกเกลี้ยงปลายหลอดแยกเป็นปาก ปากบนตัด 4 หยัก ปากล่างยาว ขอบเรียบโค้งลง
ผลแมงกะแซง เป็นผลแห้ง ไม่แตก ผลมีขนาดเล็ก รูปรีแคบสีดำ ผิวเรียบ และจะมีการสร้างเมือกเมื่อเปียนคล้ายผลแมงลัก
การขยายพันธุ์แมงกะแซง
แมงกะแซง สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่ในปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมนำมาปลูกกันอย่างแพร่หลาย จะมีก็เพียงบางพื้นที่ที่นำแมงกะแซง มาปลูกเพื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น สำหรับวิธีการเพาะเมล็ด การปักชำและการปลูกแมงกะแซงนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกับการปลูก “แมงลัก” ซึ่งได้กล่าวถึงมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหยจากส่วนใบของแมงกะแซง ระบุว่า พบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญดังนี้ α-Pinene, Camphene, linalool, 1, 8-cineole, Camphor, Longifolene, Isoledene, Veridiflorol, Humulane, Caryophyllene, Limonene, Aromadendrene, Cyclohexene, Eucalyptol, Borneol
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของแมงกะแซง
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดแมงกะแซง จากเมล็ดและน้ำมันหอมระเหยจากส่วนใบของแมงกะแซง ระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีรายงานผลการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (non-insulin dependent diabetes mellitus) จำนวน 36 คน โดยให้ผู้ป่วยรับประทานเมล็ดแมงกะแซง (Ocimum canum Sims) วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 10 ก. นาน 4 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาล โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์และกลัยโคฮีโมโกลบินในเลือด แต่ไม่ทำให้ระดับ HDL และ LDL cholesterol เปลี่ยนแปลง
ฤทธิ์ลดการอักเสบ มีรายงานผลการทดสอบฤทธิ์ลดการอักเสบของน้ำมันหอมระเหยจากใบแมงกะแซง และสารที่เป็นองค์ประกอบหลักในน้ำมันหอมระเหย ได้แก่ linalool และ 1,8-cineole ในหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดข้อเข่าอักเสบและอาการบวมที่อุ้งเท้าด้วย zymosan พบว่าน้ำมันหอมระเหยและสารทั้ง 2 ชนิด ในขนาด 50, 150, และ 300 มก./กก. มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนของเม็ดเลือดขาวเข้าไปในโพรงข้อต่อซินโนเวียล (synovial space) โดยน้ำมันหอมระเหยขนาด 150 มก./กก. linalool และ 1,8-cineole ขนาด 300 มก./กก. มีฤทธิ์ลดอาการบวมที่อุ้งเท้าของหนูและน้ำมันหอมระเหย ขนาด 150 มก./กก. ยังมีฤทธิ์ลดระดับของ interferon-g แต่ไม่มีผลต่อ transforming growth factor-β นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยยังสามารถยับยั้งการเคลื่อนของเม็ดเลือดขาวเข้าไปในเยื่อบุข้อต่อ (synovial membrane) และลดการทำลายกระดูกอ่อนในข้อต่อของหนูด้วย จากการศึกษานี้จึงสามารถสรุปได้ว่าน้ำมันหอมระเหยและสาระสำคัญทั้ง 2 ชนิด ในน้ำมันหอมระเหยจากแมงกะแซง มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้
นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ไล่ยุงของน้ำมันหอมระเหยของแมงกะแซง ระบุว่า เมื่อทำการทดสอบน้ำมันหอมระเหยที่ความเข้มข้น 0.001-1.000% พบว่าสามารถลดจำนวนยุงลายที่มาเกาะ ซึ่งได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพโดยใช้เครื่อง olfactometer พบว่าฤทธิ์ไล่ยุงนั้นจะขึ้นกับความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหย โดยจะสามารถไล่ยุงได้ 15% ที่ความเข้มข้น 0.001-0.010% และเพิ่มเป็น 38 และ 58% ที่ความเข้มข้น 0.100% และ 1.00% ตามลำดับ ส่วนน้ำมันหอมระเหย 5% ในน้ำมันปาล์มพบว่าสามารถป้องกันยุงกัดได้นาน 55 นาที และเมื่อทำการพัฒนาเป็นครีมความเข้มข้น 5% สามารถป้องกันยุงได้นาน 3 ชั่วโมง 36 นาที ใกล้เคียงกับโลชั่นน้ำมันตะไคร้หอม 6% ขององค์การเภสัชกรรม (3 ชั่วโมง 10 นาที) ส่วนสเปรย์ที่มีน้ำมันหอมระเหย 4% สามารถป้องกันยุงลายได้ประมาณ 2.5 ชั่วโมง
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของแมงกะแซง
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในการใช้แมงกะแซง เป็นสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิงแมงกะแซง
- นันทวัน บุณยะประภัศร, อรนุช โชคชัยเจริญพร บรรณาธิการ.สมุนไพรไม้พื้นบ้าน กรุงเทพ:ประชาชน จำกัด, 2524. 823 หน้า.
- วงศ์สถิต ฉั่วสกุล. แมงลักและแมงกะแซง, จุลสารข้อมูลสมุนไพร ปีที่ 25 ฉบับที่ 1. ตุลาคม 2550. หน้า 18-20.
- พร้อมจิต ศรลัมพ์, รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล, วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะ สมุนไพรไทย. ใน พร้อมจิต ศรลัมพ์, รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล, วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะบรรณาธิการ. สารานุกรมสมุนไพรเล่ม 1 กรุงเทพมหานครอมรินทร์พริ้นติ้งแอนท์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).2543. 220 หน้า
- สุวรรณ ธีระวรพันธ์. สมุนไพรป้องกันยุง.จุลสารข้อมูลสมุนไพรปีที่ 24 ฉบับที่ 3 เมษายน 2550.
- ผลของเมล็ดกะแซงในผู้ป่วยเบาหวาน. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- วรรณกา สุวรรณเกิดฅ, กิตติพันธ์ ตันตระรุ่งโรจน์. การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรในการป้องกันยุงกัด วารสารโรคติดต่อ 2537.20(1). 4-11.
- ฤทธิ์ลดการอักเสบของน้ำมันหอมระเหยจากแมงกะแซง. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- สุภาณี พิมพ์สมาน, สังวาล สมบูรณ์, วัชรี คุณกิตติ และคณะ.การใช้เคมีธรรมชาติจากสมุนไพรไทยเพื่อการควบคุมแมลงศัตรูพืช. การสัมมนาแนวทางการพัฒนาสมุนไพรของประเทศไทย. กรุงเทพฯ 13-14 ก.ย.2543. 185-99.
- Oyedemi SO, Oyedemi BO, Coopoosamy RM, Prieto JM, Stapleton P, Gibbons S. Antibacterial and norfloxacin potentiation activities of Ocimum americanum L. against methicillin resistant Staphylococcus aureus. S Afr J Bot. 2017;109:308-14.
- Suddee S, Paton A, Parnell JAN. Taxonomic Revision of tribe Ocimeum Dumort (Lamiaceae) in comfinental South East Asia lll. Ociminae Kew Bulletin 2005.60.3-75.
- Singh S, Tewari G, Pande C, Singh C. Variation in essential oil composition of Ocimum americanum L. from north-western Himalayan region. J Essent Oil Res. 2013;25(4):278-90.
- Khamsiritrakul O. Akkarsasrimachai R, Primsamam S.Komsri R, Khunkitti W, Devclopment of mosquito repcllcnt spray from Octmum americumum using olfactomcter. Thai J Pham Sci 2000.24(Suppl).29,
- Saha S, Dhar TD, Sengupta C, Ghosh P. Biological activities of essential oils and methanol extracts of five Ocimum species against pathogenic bacteria. Czech J Food Sci. 2013;31(2):195-202.
- Souza Filho AP, Bayma JC, Guilhon GM, Zoghbi MG. Potentially allelophatic activity of the essential oil of Ocimum americanum. Planta Daninha. 2009;27:499-505.