แตงไทย ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
แตงไทย งานวิจัยและสรรพคุณ 21 ข้อ
ชื่อสมุนไพร แตงไทย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น แตงลาย, มะแต๋งลาย (ภาคเหนือ), แตงจิง, แตงกิง (ภาคอีสาน), ดี (กะเหรี่ยง), ซกเซรา (เขมร)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucumis melo Linn.
วงศ์ CUCURBITACEAE
ถิ่นกำเนิดแตงไทย
สำหรับถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของแตงไทยนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันโดยในบางส่วนเชื่อว่าแตงไทยมีถิ่นกำเนิดบริเวณแถบภาคใต้ของทวีปแอฟริกาเช่นเดียวกับแตงโม ส่วนอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ตั้งแต่เชิงเขาหิมาลัยไปถึงแหลมโคโมริน ส่วนในประเทศไทยเชื่อกันว่าแตงไทย ได้แพร่กระจายพันธุ์เข้ามาเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วตามชนกลุ่มน้อยและชาวไทยภูเขาต่างๆ โดยมีหลักฐานที่บันทึกถึงแตงไทย ในบันทึกของหนังสือ อักขราภิธานศรับท์ ของหมอปรัดเลในปี พ.ศ.2416 โดยได้อธิบายเกี่ยวกับแตงไทยเอาไว้ว่า แตงไทย : เป็นชื่อแตงอย่างหนึ่งลูกลายๆ ถ้าสุกกินรสหวานเย็นๆ ที่เขากินกับน้ำกะทินั้นและในปัจจุบันสามารถพบแตงไทยอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยเริ่มมีการปลูกเพื่อการค้ามากขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์และสรรพคุณแตงไทย
- ช่วยบำรุงธาตุ
- ช่วยบำรุงหัวใจ
- ช่วยบำรุงสมอง
- แก้กำเดา (เลือดออกทางจมูก)
- แก้ร้อนใน
- แก้กระหายน้ำ
- ช่วยขับเหงื่อ
- ช่วยขับน้ำนม
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- แก้สิว
- แก้ผิวอักเสบ
- แก้อักเสบ
- ใช้ขับปัสสาวะ
- ช่วยย่อยอาหาร
- ใช้แก้ไอ
- ใช้ทำให้อาเจียน
- ใช้แก้ไข้
- แก้ดีซ่าน
- รักษาแผลในจมูก
- ใช้เป็นยาระบาย
- แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
แตงไทยถูกนำมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว โดยมีการนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น รูปแบบการใช้เป็นอาหาร มีการนำผลอ่อนของแตงไทยมาใช้เป็นผักจำพวกผักผลสดเช่นเดียวกับแตงกวา ซึ่งนิยมใช้กินสดเป็นผักจิ้มมีรสชาติคล้ายแตงกวาแต่เนื้อแน่นกว่า อีกทั้งยังมีการนำไปยำและแกง ใช้ดองเป็นแตงดองได้ดีอีกด้วย ส่วนผลสุกมีเนื้อชุ่มน้ำ รสจืด หรือ อมหวานเล็กน้อย มีกลิ่นหอมนิยมกินสด หรือ ทำของหวาน เช่น น้ำกะทิแตงไทย น้ำแข็งใส ทำรวมมิตร และทำน้ำปั่นเป็นต้น อีกทั้งสำหรับแตงไทย ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอก สามารถนำมาใช้เป็นผักสด หรือ ลวกจิ้มน้ำพริก ต่างๆ เช่น น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาย่าง และน้ำพริกกะปิ เป็นต้น
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ บำรุงสมอง แก้กำเดา แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ โดยนำผลแตงไทยสุกมารับประทานสดๆ
- ใช้ขับปัสสาวะ แก้ไอ ช่วยย่อยอาหาร โดยนำเมล็ดแตงไทย สดมาทุบให้แตก ชงกับน้ำร้อนดื่ม
- ใช้ช่วยระบาย ทำให้อาเจียน โดยนำรากแตงไทยมาทุบให้แหลกแล้วต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ไข้ โดยนำใบแตงไทย สดมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้ดีซ่าน ทำให้อาเจียน โดยนำดอกแตงไทยอ่อนมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้แผลในจมูก โดยนำดอกแตงไทยมาตากแห้งบดให้ละเอียดพ่นบริเวณแผลในจมูก
- ช่วยบำรุงผิวหน้า รักษาสิวอักเสบ และผิวอักเสบ โดยนำเนื้อผลแตงไทย สุกบดละเอียดครึ่งถ้วย นมสดครึ่งถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟองมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำมาพอกบริเวณผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก
ลักษณะทั่วไปของแตงไทย
แตงไทยจัดเป็นไม้เถาล้มลุก มีเถาเลื้อยไปบนพื้นดิน มีมือจับตรงง่ามใบลำต้น หรือ เถามีสีเขียวมีลักษณะเป็นเหลี่ยมกลมมีลายเป็นร่องสันตามความยาวของเถาแตกกิ่งแขนงตามข้อและมีขนปกคลุมตลอดลำต้น
ใบแตงไทย เป็นใบเดี่ยวออกเรียงกันเป็นชั้นสลับกัน มีลักษณะค่อนข้างใหญ่และเป็นเหลี่ยมกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8-15 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็นแฉก 5-7 แฉก ฐานใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ใต้ใบมีขนเล็กๆ สีขาวขึ้นปกคลุมโคนก้านใบมีมือเกาะและก้านใบมีความยาวประมาณ 4-10 เซนติเมตร
ดอกแตงไทย เป็นดอกเดี่ยวแบบ monoecious เป็นดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย โดยจะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก 5 กลีบ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 1.2-3.0 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียว กลีบดอกมีสีเหลืองและมีเกสรตัวผู้ 3 อัน ส่วนปลายยอดตัวเมียมี 3-5 แฉก ด้านล่างของเกสรตัวเมียเป็นส่วนของรังไข่ มีลักษณะกลม ยาว 2-4 เซนติเมตร มี 3-5 ห้อง
ผลแตงไทย เป็นผลเดี่ยวโดยจะมีความแตกต่างกันทั้งขนาดและรูปร่างเช่นทรงกลม ยาวรี และแป้น ส่วนผิวมีทั้งผิวเรียบและผิวขรุขระ ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ ส่วนสีผิวอาจมีตั้งแต่สีเหลืองเข้มไปจนถึงสีเหลืองอ่อน เหลืองปนน้ำตาล หรือ เขียว และเนื้อผลแตงไทย ก็มีหลายสีได้แก่สีส้มเหลือง ส้มแดง เขียวและขาว เนื้อมีทั้งนิ่มและกรอบ มีรสจืดจนถึงอมหวานเล็กน้อย กลิ่นมีทั้งชนิดที่มีกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่น
เมล็ดแตงไทย มีลักษณะแบนเรียบ ยาวประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร มีสีขาว หรือ สีครีม
การขยายพันธุ์แตงไทย
แตงไทย สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด โดยเริ่มจากนำเมล็ดจากผลสุกมาตากแดดให้แห้งจากนั้นทำการไถพรวนแล้วตากดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 1 ตันต่อไร่แล้วทำการไถพรวนให้ดินร่วนซุยอีก 2-3 ครั้ง จากนั้นยกร่องกว้าง 80-100 เซนติเมตร โดยเว้นระยะห่างแปลงประมาณ 4 เมตร ทำการกำจัดวัชพืช รวมทั้งเก็บรักษาความชื้นภายในดินโดยคลุมแปลงด้วยพลาสติกสีดำแล้วเจาะรูให้มีระยะปลูก 50 เซนติเมตร แล้วทำการหยอดเมล็ดแตงไทย หลุมละ 3-4 เมล็ดต่อหลุม แล้วกลบรดน้ำซึ่งประมาณ 2-3 วัน เมล็ดจะทยอยงอกจึงทำการเลือกต้นที่แข็งแรงไว้ ทั้งนี้ช่วงแตงไทยออกดอกควรเว้นการใช้สารเคมีฆ่าแมลงเนื่องจากจำเป็นต้องให้แมลงช่วยผสมเกสร
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากใบ ลำต้น เมล็ด เนื้อ และเปลือกของแตงไทยพบว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิด อาทิเช่น สารสกัดจากผล ลำต้นและใบแตงไทยพบสาร Cucurbitacin B, D, E, I, L และ 2-O-β-D-glucopyranosyl cucurbitacin B ส่วนสารสกัดจากเปลือกผลแตงไทยพบสาร 3-hydroxybenzoic acid apigenin-7-glycosides อีกทั้งยังมีการรายงานการศึกษาวิจัยอีกฉบับระบุว่าสารสกัดจากเปลือกผลเปลือกผลแตงไทยยังพบสาร gallic acid, tyrosol, hydroxytyrosol, m-cumaric acid, prtotcatechuic acid, cglorogenic acid, naringenin, 4-hydroxybenzoic acid, isovanillic acid, luteolin-7-glycoside, oleuropein, phenylacetic acid, luteolin, pinoresinol, and amentoflavone.
นอกจากนี้น้ำมันเมล็ดแตงไทย ยังพบน้ำมันหอมระเหยและกรดไขมันต่างๆ ดังนี้ α-spinasterol stigmasta-7, 25-dienol stigmasta-7, 22, 25-trienol, oleic acid, linoleic acid, stearic acid, palmitic acid เป็นต้น
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแตงไทย
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดแตงไทย จากส่วนต่างๆ ของแตงไทยมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
ฤทธิ์ต้านภาวะพร่องออร์โมนไทรอยด์ มีรายงานผลการทดสอบฤทธิ์ในการควบคุม lipid peroxidation ในเนื้อเยื่อและหน้าที่ของ thyroid ในการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลกลูโคสในหนูแรทพบว่า สารสกัดเมทานอลจากเปลือกของมะม่วง แตงไทย และแตงโม ขนาด 200, 100 และ 100 มก./กก. เมื่อให้หนูแรทกินเป็นเวลา 10 วัน มีผลยับยั้งการเกิด lipid peroxidation ในเนื้อเยื่อตับ ไต และหัวใจ เพิ่มระดับของ triiodothyronine (T3) และ thyroxin (T4) ในเลือดและเมื่อให้สารสกัดทั้ง 3 ร่วมการยา propylthiouracil (PTU) ซึ่งเป็นยาที่มีผลทำให้เกิดภาวะ hypothyroid ก็มีผลเพิ่มระดับของ T3 และ T4 เช่นกัน นอกจากนี้พบว่า สารสกัดจากเปลือกแตงโม มีผลในการลดระดับของ cholesterol และ low-density lipoprotein-cholesterol (LDL-C) ในขณะที่สารสกัดจากเปลือกแตงไทย มีผลลด triglycerides และ very low-density lipoprotein-cholesterol (VLDL-C) อีกทั้งผลของการผสมสารสกัดเปลือกมะม่วง + สารสกัดเปลือกแตงไทย และการผสมทั้ง 3 สารสกัด พบว่าทำให้ระดับของ T3 เพิ่มขึ้น ในขณะที่ระดับของ T4 เพิ่มขึ้นเฉพาะในสารสกัดเปลือกมะม่วง + สารสกัดเปลือกแตงไทย และเมื่อทดสอบผลของการผสมดังกล่าวร่วมกับการให้ยา PTU พบว่าการผสมดังกล่าว มีฤทธิ์เพิ่มระดับ T4 และไม่มีผลเพิ่มระดับ T3 แต่การผสมลักษณะนี้มีผลทำให้ lipid peroxidation ในตับและไตเพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ควรใช้สารสกัดทั้ง 3 ร่วมกัน จากผลการทดลองสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดเมทานอลจากเปลือกของมะม่วง แตงไทย และแตงโม มีผลกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และยับยั้งการเกิด lipid peroxidation ในระดับเนื้อเยื่อได้ เมื่อใช้แยกกัน
ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ มีรายงานผลการศึกษาวิจัยสารสกัดจากใบและเปลือกผลของแตงไทย ระบุว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อยาได้ดี โดยแสดงฤทธิ์อย่างแรงต่อการต้านเชื้อราที่มีฤทธิ์ก่อโรค เช่น fusarium oxysporum ส่วนสารสกัดเมทานอลและเอทานอลจากใบและเมล็ดของแตงไทยมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียต่อเชื้อ S. aureus และเชื้อแกรมบวกสายพันธุ์อื่นๆ ส่วนสารสกัดจากเนื้อผลพบว่ายังมีฤทธิ์ขับพยาธิอีกด้วย
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีรายงานการศึกษาระบุว่าสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแคโรทีนอยด์ที่พบในเนื้อผลของแตงไทยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ส่วนอีกการศึกษาวิจัยอีกฉบับระบุว่า สารสกัดจากใบ เปลือก เนื้อ และเมล็ดของแตงไทยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (ตรวจสอบโดยวิธี DPPH) โดยมีค่า IC50 ของสารสกัดเมทานอลจากใบ เท่ากับ 780.1 µg/ml สารสกัดเมทานอลจากเปลือกเท่ากับ 189.02 µg/ml สารสกัดเมทานอลจากเปลือกที่อบแห้งด้วยเตาอบมีค่า 370.93 µg/ml สารสกัดเยื่อจาก n-hexane เท่ากับ คือ 335 µg/ml และสารสกัดเมทานอลจากเมล็ดเท่ากับ 653.57 µg/ml
การศึกษาทางพิษวิทยาของแตงไทย
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
ในรูปแบบการรับประทานแตงไทย เป็นอาหารถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หากใช้ในรูปแบบสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณ ที่พอเหมาะตามที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง แตงไทย
- เดชา ศิริภัทร. แตงไทย. คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 213. มกราคม 2540.
- เตโชลม ภัทรศัย. 36 ผลไม้สมุนไพรไทย. กรุงเทพฯ: โปร-เอสเอ็มอี 2543.
- นิดดา หงส์วิวัฒนื และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. แตงไทย ใน ผลไม้ 111 ชนิด. คุณค่าทางอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 81
- เปลือกมะม่วง แตงไทย แตงโม มีฤทธิ์ต้านภาวะ hypothyroidism. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Rajasree, R.S.; Sibi, P.I.; Francis, F.; William, H. Phytochemicals of Cucurbitaceae family. Int J Pharmacogn Phytochem Res 2016, 8, 113-123.
- Ganji, S.M.; Singh, H.; Friedman, M. Phenolic content and antioxidant activity of extracts of 12 melon (Cucumis melo) peel powders prepared from commercial melons. J Food Sci 2019, 84, 1943-1948.
- Rashid, U.; Rehman, H.A.; Hussain, I.; Ibrahim, M.; Haider, M.S. Muskmelon (Cucumis melo) seed oil: A potential non-food oil source for biodiesel production.
- Morais, D.R.; Rotta, E.M.; Sargi, S.C.; Schmidt, E.M.; Bonafe, E.G.; Eberlin, M.N.; Sawaya, A.C.; Visentainer, J.V. Antioxidant activity, phenolics and UPLC-ESI (-)-MS of extracts from different tropical fruits and processed peels.
- Xu, X.; Tang, L.; Shan, H.F.; Wang, Z.Q.; Shan, W.G. Study on extraction of Cucurbitacin B from the pedicel of Cucumis melo L. by acid hydrolysis. Adv Mat Res 2013, 704, 61-65, https://doi.org/10.4028/www.scientific.net/AMR.704.61.
- Gómez-García, R.; Campos, D.A.; Aguilar, C.N.; Madureira, A.R.; Pintado, M. Valorization of melon fruit (Cucumis melo L.) by-products: phytochemical and biofunctional properties with emphasis on recent trends and advances. Trends Food Sci Technol 2020, 99, 507-519, https://doi.org/10.1016/j.tifs.2020.03.033.
- Ibrahim, S.R.; Mohamed, G.A. Cucumin S, a new phenylethyl chromone from Cucumis melo var. reticulatus seeds. Rev Bras Farmacogn 2015, 25, 462-464, https://doi.org/10.1016/j.bjp.2015.06.006.
- Mallek-Ayadi, S.; Bahloul, N.; Kechaou, N. Characterization, phenolic compounds and functional properties of melo L. peels. Food Chem 2017, 221, 1,691-1,697, https://doi.org/10.1016/j.foodchem.2016.10.117.