โคลงเคลงขน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
โคลงเคลงขน งานวิจัยและสรรพคุณ 20 ข้อ
ชื่อสมุนไพร โคลงเคลงขน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น โคลงเคลงญวน (ทั่วไป), พญารากขาว (ภาคกลาง), เอ็นอ้า (ภาคอีสาน), ม่ายะ (ภาคตะวันออก), มังเคร่ช้าง, เหร, เบร์, มะเร, กะเร (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Melastoma saigonens (Kuntae) Merr.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Melastoma villosum Aubl., Desmoscelis villosa(Aubl.) Naudin
ชื่อสามัญ Indian rhododendron, Malabar melastome
วงศ์ MELASTOMA TACEAE
ถิ่นกำเนิดโคลงเคลงขน
โคลงเคลงขน จัดเป็นพืชในวงศ์โคลงเคลง (MELASTOMA TACEAE) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นใน ไทย พม่า เวียดนาม ลาว มาเลเซีย และกัมพูชา สำหรับในประเทศพบโคลงเคลงขน ได้ในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสานและภาคใต้ บริเวณป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าละเมาะทั่วไป รวมถึงที่ดอนและแหล่งป่าชายเลนเสื่อมโทรมที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลจึงถึง 200 เมตร
ประโยชน์และสรรพคุณโคลงเคลงขน
- ใช้บำรุงธาตุ
- ช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยบำรุงกำลัง
- ช่วยบำรุงตับ
- บำรุงไต
- บำรุงน้ำดี
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
- แก้อาการอ่อนเพลีย
- ช่วยให้เจริญอาหาร
- ใช้ดับพิษไข้
- แก้ร้อนในกระหายน้ำ
- แก้อาเจียนเป็นเลือด
- แก้ถ่ายเป็นเลือด
- ใช้แก้บิด มวนท้อง
- แก้ท้องร่วง
- แก้ระดูขาวในสตรี
- ใช้เป็นยาระงับประสาท
- ใช้ห้ามเลือดในผู้ป่วย
- แก้ริดสีดวงทวาร
- ใช้แก้คอพอก
โคลงเคลงขนถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว จึงมีการใช้โคลงเคลงขน ในการเป็นยาสมุนไพรเป็นหลัก
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ บำรุงตับ บำรุงไต และบำรุงน้ำดี แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยเจริญอาหาร เพิ่มภูมิต้านทานโรค ใช้ดับพิษไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ โดยนำรากโคลงเคลงขนมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด โดยนำรากโคลงเคลงขนมาผสมกับรากตับเต่าต้น และหญ้าชันกาด ทั้งต้นแล้วนำมาต้มกับน้ำดื่ม
- ใช้แก้คอพอก โดยนำรากโคลงเคลงขน นำมาต้มกับข้าวสาร (ข้าวเจ้า) ใช้กินครั้งเดียววันข้างแรม
- ใช้แก้ท้องร่วง แก้โรคบิด แก้ระดูขาวในสตรี โดยนำใบโคลงเคลงขน สดมาตำ หรือ คั้นเอาน้ำรับประทาน หรือจะนำมาต้มกับน้ำดื่มก็ได้
ลักษณะทั่วไปของโคลงเคลงขน
โคลงเคลงขน จัดเป็นไม้พุ่ม ทรงพุ่มแน่นทึบ แตกกิ่งก้านสาขามากในระดับต่ำ ลำต้นตั้งตรงสูงได้ประมาณ 1-4 เมตร แตกกิ่งมาก เปลือกลำต้นสีน้ำตาลอมม่วงเปลือกบางเรียบ ยอดอ่อนและกิ่งก้านสีน้ำตาลแดงและจะมีขนละเอียดสีน้ำตาลอ่อนยาวขึ้นปกคลุมหนาแน่น
ใบโคลงเคลงขน เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามตามกิ่งก้าน ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอก หรือ รูปขอบขนานแกมใบหอกกว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร โคนใบสอบโค้งมนปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียว ด้านล่างสีซีดกว่ามีขนนุ่มละเอียดทั้งสองด้านบนเส้นใบมี 3 เส้น แตกออกจากโคนใบไปจรดปลายใบและมีก้านใบยาว 0.4-0.8 เซนติเมตร มีขนขึ้นปกคลุม
ดอกโคลงเคลงขน ออกเป็นดอกช่อกระจุกขนาดใหญ่บริเวณปลายกิ่ง ใน 1 ช่อดอกจะประกอบไปด้วยดอกย่อย 3-6 ดอก ดอกย่อยจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 เซนติเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบสีชมพู หรือ สีม่วงและมีขนขึ้นปกคลุม ดอกมีเกสรตัวผู้ 10 อัน (ยาว 5 อัน สั้น 5 อัน)
ผลโคลงเคลงขน เป็นผลสดและเป็นผลเดี่ยว ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีขนขึ้นปกคลุมผลอ่อนมีสีน้ำตาลอมเขียว เมื่อแก่เป็นสีม่วง ส่วนเนื้อในผลโคลงเคลงขน เป็นสีม่วง เมื่อผลแก่จะแตกออกตามขวางอย่างไม่เป็นระเบียบ ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก
การขยายพันธุ์โคลงเคลงขน
โคลงเคลงขน สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด แต่ในปัจจุบันไม่พบความนิยมนำโคลงเคลงขนมาเพาะปลูกตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ ดังนั้นการขยายพันธุ์ของโคลงเคลงขนในปัจจุบัน จึงเป็นการขยายพันธุ์ในธรรมชาติมากกว่าการนำมาปลูกโดยมนุษย์ ซึ่งในธรรมชาติจะอาศัยผลของโคลงเคลงขน ที่ร่วงหล่น หรือ สัตว์มากินผลสุกแล้วถ่ายมูลออกมาทำให้เมล็ดเจริญเป็นต้นใหม่ สำหรับวิธีการเพาะเมล็ดและการปลูกโคลงเคลงขนนั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกับกับการเพาะเมล็ดและการปลูกไม้พุ่มชนิดอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความก่อนหน้านี้
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดจากส่วนเหนือดินของโคลงเคลงขน ระบุว่าพบสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดดังนี้ naringinin, betulinic acid, catechin, rutin, luteolin, sinapic acid, gallic acid, ferrulic acid, syringic acid, caffic acid, quercetin, kaempferol, kaempferol-3-O-D-glucoside และ kaempferol-3-O-(2′′,6′′-diO-p-trans-coumaroyl) glucoside เป็นต้น
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของโคลงเคลงขน
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของโคลงเคลงขน พบว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประการดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ยับยั้งการเกิดโรคเบาหวานในหลอดทดลองของสารสกัดโคลงเคลงขน จากเมล็ดของโคลงเคลงขนพบว่าสารสกัดหยาบที่ใช้เอทิลอะซีเตต (EA) บิวทานอล (BU) และสุดท้ายสารสกัดน้ำ (AQ) แสดงผลการยับยั้ง α-กลูโคซิเดสที่รุนแรงโดยมีค่า IC50 อยู่ในช่วง 4.42-11.95 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร และมีการศึกษาฤทธิ์การยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในอาหาร 3 สายพันธุ์ คือ S.aureus, B.cereus และ E.coli จากสารสกัดจากส่วนต่างๆ ของโคลงเคลงขน โดยได้ทำการทดสอบด้วยวิธี Agar well diffusion พบว่าสารสกัดจากส่วนผลก้านและราก สามารถยับยั้งเชื้อ S.aureus ได้ส่วนสารสกัดเอทานอลจากใบของโคลงเคลงขน ยังแสดงฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดในหนูทดลองที่ถูกชักนำให้เป็นเบาหวานได้อย่างมีนัยสำคัญ
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของโคลงเคลงขน
ไม่มีข้อมูล
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการใช้โคลงเคลงขนเป็นยาสมุนไพรนั้น ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกันกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่เหมาะสม ที่ได้ระบุไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ในขนาดที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง โคลงเคลงขน
- ดร.นิจศิริ เรืองรังษี. ธวัชชัย มังคละคุปต์. โคลงเคลง (Klong Khleng) หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. หน้า 87.
- อนุวัตร ไทรทอง, มัณฑนา นวลเจริญ. ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ 2549, 42-43.
- ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. โคลงเคลงขน หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. หน้า 151
- D. Susanti, H.M. Sirat, F. Ahmad, R.M. Ali, N. Aimi, and M. Kitajima, Food Chem., 103, 710 (2007); https://doi.org/10.1016/j.foodchem.2006.09.011.
- K. Balamurugan, A. Nishanthini and V.R. Mohan, Asian Pac. J. Trop. Biomed., 4, S442 (2014); https://doi.org/10.12980/APJTB.4.2014C122.
- F.H. Kamisan, F. Yahya, N.A. Ismail, S.S. Din, S.S. Mamat, Z. Zabidi, W.N.W. Zainulddin, N. Mohtarrudin, H. Husain, Z. Ahmad and Z.A. Zakaria, J. Acupunct. Meridian Stud., 6, 52 (2013); https://doi.org/10.1016/j.jams.2012.08.002.
- N.A. Roslen, N.A.M. Alewi, H. Ahamada and M.S.B.A. Rasad, Asian Pac J. Trop Biomed., 4, 545 (2014); https://doi.org/10.12980/APJTB.4.2014C658.