เห็ดกระถินพิมาน ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย
เห็ดกระถินพิมาน งานวิจัยและสรรพคุณ 32 ข้อ
ชื่อสมุนไพร เห็ดกระถินพิมาน
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เห็ดพิมาน, เห็ดเกือกม้า, เห็ดตีนหมี (ไทย), ซางฮวง, ซองเจน (จีน), ซางฮวาง (เกาหลี), มิชิม่าโกมุ (ญี่ปุ่น)
ชื่อวิทยาศาสตร์ ความจริงแล้วเห็ดกระถินพิมานเป็นชื่อของกลุ่มเห็ดที่ส่วนใหญ่อยู่ในสกุล Phollinus โดยมีรายงานว่าสามารถจัดจำแนกเห็ดในกลุ่มนี้ได้ถึง 287 สกุล (genera) 310 ชนิด (species) 6 ชนิดย่อย (subspectes) 42 วาไรตี้ (variety) และ 69 ฟอร์ม (formas) แต่เห็ดกระถินพิมานที่มีการใช้เป็นยาอยู่ก็มีไม่น้อยกว่า 20 ชนิด แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึง 2 ชนิด ที่เป็นที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ เป็นยาสมุนไพรในปัจจุบัน คือ 1.ชนิด Phellinus rimosus (Berk.) Pilat 2.ชนิด Phellinus linteus (Berk.& M.A. curtis) Teng.
วงศ์ HYMENOCHAE TACEAE
ถิ่นกำเนิดเห็ดกระถินพิมาน
สำหรับถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของเห็ดกระถินพิมานนั้นเชื่อกันว่าอยู่บริเวณเขตอบอุ่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้แก่ ในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เนื่องจากมีหลักฐานบันทึกการใช้ประโยชน์จากเห็ดกระถินพิมานในการบำรุงสุขภาพและเป็นยามานานกว่า 2,000 ปี แต่ในปัจจุบันสามารถพบเห็ดกระถินพิมาน ได้ในเขตอบอุ่นและเขตร้อนทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยสามารถพบเห็ดกระถินพิมานได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศโดยมักจะพบขึ้นอยู่บนต้นกระถินพิมาน รวมถึง ไม้ในวงศ์ขนุน วงศ์ไม้ยาง “วงศ์ถั่ว” ในป่าดิบเขาและป่าดิบแล้งที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง
ประโยชน์และสรรพคุณเห็ดกระถินพิมาน
- ใช้ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
- แก้พิษไข้กาฬ
- แก้เริม
- แก้งูสวัด
- แก้ไฟลามทุ่ง
- แก้ดับพิษฝี
- แก้อักเสบ
- แก้ปวด
- แก้พิษในหู
- แก้แผลเน่าแผลเปื่อย น้ำเหลืองเสีย
- ใช้แก้เบาหวาน
- ช่วยปรับธาตุ
- ช่วยลดความดันโลหิต
- ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
- ใช้เป็นยาปรับสมดุลของร่างกาย
- ช่วยฟอกโลหิต
- รักษาอาการปวดท้องและรักษาอาการท้องร่วงเรื้อรัง
- ใช้ฟอกเลือดของสตรีและสร้างพลังงานให้กับอวัยวะภายใน
- รักษาหลอดเลือดอุดตัน
- รักษาอาการอักเสบของผิวบริเวณต่อมไขมัน
- แก้ตกเลือด
- แก้อาการอักเสบในระบบย่อยอาหาร ลำไส้ใหญ่และส่วนของไส้ตรง
- แก้อาการบวมที่อัณฑะและรังไข่
- แก้อาการบวมของอวัยะภายใน
- แก้อาการกล้ามเนื้อตึงบริเวณหน้าท้องรอบสะดือ
- ใช้แก้อาการน้ำลายไหลไม่หยุดในเด็ก
- รักษาอาการท้องเสีย
- รักษามะเร็งในช่องปาก
- รักษาเนื้องอกในสมอง
- รักษามะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก
- ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ในต่างประเทศยังมีการใช้เห็ดกระถินพิมานเป็นยาสมุนไพรอาทิเช่น
ในประเทศจีนมีการใช้เห็ดกระถินพิมานในตำรายาจีนโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นกล่าวไว้ว่าเห็ดกระถินพิมาน จัดเป็นเห็ดในกลุ่มสมุนไพรชั้นสูง ใช้เป็นยาปรับสมดุลของร่างกาย ฟอกโลหิต รักษาอาการปวดท้องและรักษาอาการท้องร่วงเรื้อรัง ส่วนในตำรา Ben Cao Gang Mu ระบุว่าเห็ดกระถินพิมาน เป็นเห็ดที่มีคุณสมบัติเป็นยาเย็นไม่มีพิษ มีประสิทธิภาพในการกำจัดพิษได้ปานกลาง ใช้ฟอกเลือดของสตรีและสร้างพลังงานให้กับอวัยวะภายใน
ในเกาหลีมีการใช้เห็ดกระถินพิมานชงดื่มเป็นชาบำรุงกำลังและใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น หลอดเลือดอุดตัน อาการอักเสบของผิวบริเวณต่อมไขมัน ตกเลือด แก้อาการอักเสบในระบบย่อยอาหาร ลำไส้ใหญ่และส่วนของไส้ตรง อาการบวมที่อัณฑะและรังไข่ อาการบวมของอวัยะภายในและอาการกล้ามเนื้อตึงบริเวณหน้าท้องรอบสะดือ
ในอินเดียมีการใช้เห็ดกระถินพิมาน ลดอาการปวดแสบปวดร้อน เจ็บข้อมือ แก้ปวดหัว รักษาอาการผิดปกติที่ฟัน ลิ้นและลำคอ ใช้แก้อาการน้ำลายไหลไม่หยุดในเด็ก รักษาอาการท้องเสีย รักษามะเร็งในช่องปาก รักษาเนื้องอกในสมอง มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
- ใช้ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้พิษไข้กาฬ แก้น้ำเหลืองอักเสบ โดยฝานเห็ดกระถินพิมานเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาต้มกับน้ำโดยใช้ไฟอ่อน ประมาณ 1-8 ชั่วโมง กรองเอาเฉพาะน้ำดื่มตอนท้องว่างช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือ ดื่มก่อนนอน โดยหากเป็นช่วงเช้าให้ดื่มก่อนอาหาร 30 นาที ในกรณีที่เป็นโรคกระเพาะให้ดื่มหลังอาหาร 2 ชั่วโมง
- ใช้รักษาเบาหวาน โดยนำเห็ดกระถินพิมานชนิด Phellinus linteus (Berk. & M.A. Curtis) Teng ประมาณ 50 กรัม ต้มรวมกับในอินทนิลน้ำ 7 ใบ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1 ครั้ง ตอนเช้าเมื่อต้มได้ 7 วัน ยาจะจืด ให้เปลี่ยนยาใหม่
- ใช้ปรับธาตุ ฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เห็ดกระถินพิมานชนิด Phellinus rimosus ครึ่งขีด ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ให้น้ำเหลือ 1 ใน 3 กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ 3 เวลาก่อนอาหาร
- ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ โดยนำเห็ดกระถินพิมาน ชนิด Phellinus rimosus 1 ขีด บดให้เป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นให้เป็นก้อนขนาดเท่าผลมะเขือพวง กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเข้าและก่อนนอน
- ใช้แก้เริมไฟลามทุ่ง ขยุ้มตีนหมา งูสวัด แก้ฝีอักเสบ โดยใช้เห็ดกระถินพิมาน ชนิด Phellinus rimosus ไปชุบน้ำ แล้วนำมาฝนทาบริเวณที่เป็น
- ใช้แก้พิษในหู แก้ปวดหู ใช้แก้บาดแผลเปื่อย แผลเน่า โดยนำเห็ดกระถินพิมานมาฝนกับน้ำปูนใส ใช้หยอดหู หรือ ทาบาดแผลที่เป็น
ลักษณะทั่วไปของเห็ดกระถินพิมาน
เห็ดกระถินพิมานทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะแข็งกระด้างคล้ายเนื้อไม้และมีอายุหลายปีเกาะเจริญเติบโตอยู่บนต้นไม้ โดยเห็ดกระถินพิมาน จะงอกออกมาข้างเดียวเป็นรูปครึ่งวงกลม ไม่มีก้านดอกเห็ดใต้หมวกดอกเห็ดเป็นรูพรุนสีน้ำตาล หรือ น้ำตาลอมเหลือง ใต้หมวกดอกมีเนื้อหลายชั้นเป็นคลื่นมักงอกอยู่เหนือดิน 2-5 เมตร โดยเห็ดทั้ง 2 ชนิด ที่กล่าวถึงนี้ จะมีลักษณะคล้ายๆ กันมากจะแตกต่างแต่รายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้น
การขยายพันธุ์เห็ดกระถินพิมาน
ปัจจุบันมีการทดลองเพาะเชื้อเห็ดกระถินพิมานและเลี้ยงด้วยอาหารวุ้น PDA เช่นเดียวกับการเพาะเห็ดทั่วไป แต่เมื่อนำดอกเห็ดที่ได้มาสกัดเอาสาระสำคัญ พบว่ายังไม่ได้ปริมาณสาระสำคัญเท่ากับดอกเห็ดในธรรมชาติ ดังนั้นการเพาะเห็ดกระถินพิมาน จึงยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้เห็ดกระถินพิมาน มักชอบขึ้นในแหล่งที่มีต้นไม้ในวงศ์กระถิน วงศ์ขนุน วงศ์ยาง และวงศ์ถั่ว รวมถึงต้นไม้ที่มีเยื่อไม้ กากไม้ อีกทั้งยังขึ้นได้ดีในบริเวณที่มีภูมิภาคอาการอบอุ่นและร้อน
องค์ประกอบทางเคมี
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของเห็ดกระถินพิมานทั้ง 2 ชนิด ข้างต้นพบว่ามีสารออกฤทธิ์สำคัญหลายชนิดอาทิเช่น polyphenols, flavonoids, phenolics, steroids, proteoglycan และ polysaccharide protein complex (PPC-Pr) ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งระบุว่าพบสาร b-glucan, Proteoglycan, Hispolon, caffeic acid, davallialactone, Interfungin A และ inoscavin A
การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของเห็ดกระถินพิมาน
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยาของสารสกัดเห็ดจากเห็ดกระถินพิมานระบุว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาต่างๆ ดังนี้
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยฤทธิ์ ทางเภสัชวิทยาพบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของไขมัน (lipid peroxidation) สารสกัดน้ำ สารสกัดเมทานอล สารสกัดเอทิลอะซิเตท รวมถึงสารในกลุ่ม phenolic สารในกลุ่ม flavonoid และสาร PPC-Pr อีกทั้งยังพบฤทธิ์ปกป้องเนื้อเยื่อจากการถูกฉายรังสีในสารสกัดเอทิลอะซิเตทและสาร PPC-Pr พบฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ในสารสกัดน้ำและสารสกัดเอทิลอะซิเตท พบฤทธิ์ปกป้องตับและไตจากสารพิษในสารสกัดเอทิลอะซิเตท พบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งและเนื้องอกในสารสกัดเอทิลอะซิเตทสารสกัดเมทานอล สารสกัดน้ำ และสาร proteoglycan พบฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพในสารสกัดเมทานอล สารในกลุ่ม polyphenols, flavonoids, quinones และ terpenes อีกทั้งยังพบฤทธิ์ต้านการอักเสบในสารสกัดน้ำ สารสกัดเอทิลอะซิเตท และสาร PPC-Pr แต่ทั้งหมดยังเป็นการศึกษาในระดับเซลล์และสัตว์ทดลองเท่านั้น อีกทั้งยังมีรายงานอีกฉบับหนึ่งระบุว่า จากสารสกัดเห็ดกระถินพิมาน มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มกิจกรรมของ T-cells มาโครฟาจ (Macrophage) และ natural killer cells และ B-cells ต้านมะเร็ง ต้านการอักเสบ ต้านการแพ้ และต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นสารประกอบที่แยกได้จากสารสกัดเห็ดกระถินพิมานจึงแสดงการยับยั้งเส้นทางการส่งสัญญาณในเซลล์มะเร็งต่างๆ และพบว่าสารสกัดจากเห็ดกระถินพิมานมีส่วนในการชักนำให้เกิดกระบวนการอะพอพโทซิสในเซลล์มะเร็งในมนุษย์ 5 ชนิด ได้แก่ HepG2 (มะเร็งตับ), AGS และ SGC-7901 (มะเร็งกระเพาะอาหาร), Hela (มะเร็งปากมดลูก) และ A549 (มะเร็งปอด) และสามารถปิดการทำงานของจุดตรวจสอบที่อยู่ระหว่างรอยต่อของระยะ G0/G1 ในวัฏจักรของเซลล์ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถแบ่งเซลล์ต่อไปได้และกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้
อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัย โดยได้ทำการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านมะเร็งของพอลิแซ็กคาไรด์ในสารสกัดเห็ดกระถินพิมาน ในหนูทดลองและหลอดทดลองที่มีเซลล์มะเร็ง HT-29 พบว่าการศึกษาในหนูปริมาตรและน้ำหนักของเนื้องอกลดลง อีกทั้งผลการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าพอลิแซ็กคาไรด์มีฤทธิ์เพิ่มวัฏจักรเซลล์ในระยะ S อีกทั้งยังเพิ่มการแสดงออกของ cyclin D1, cyclin E และ CDK2 ในเซลล์ HT-29
นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของสารสกัดของเห็ดกระถินพิมานพบว่า สารสกัดจากเห็ดกระถินพิมานที่สกัดด้วยเอทิลอะซิเตทสามารถยับยั้ง Bacillus subtilis และ Streptococcus aureus บางสายพันธุ์ได้ โดยสารสกัดเห็ดกระถินพิมาน ชนิด Phellinus linteus สามารถสร้างสารยับยั้งได้สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับสเตรบโตมัยชินที่ 400 ppm.
การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของเห็ดกระถินพิมาน
มีรายงานผลการศึกษาวิจัยทางพิษวิทยาของสารสกัดของเห็ดกระถินพิมานระบุว่าจากการทดสอบความเป็นพิษของสารสกัดเอทิลอะซิเตท สารสกัดเมทานอล และสารสกัดน้ำ ของเห็ดกระถินพิมาน พบว่ามีความเป็นพิษที่ค่อนข้างต่ำ
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
สำหรับการใช้เห็ดกระถินพิมาน เป็นสมุนไพร ควรระมัดระวังในการใช้เช่นเดียวกับการใช้เห็ดหลินจือ โดยควรใช้ในขนาดและปริมาณที่ได้กำหนดไว้ในตำรับตำรายาต่างๆ อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือ ใช้ต่อเนื่องกันนานจนเกินไป เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับและสุขภาพในระยะยาวได้
เอกสารอ้างอิง เห็ดกระถินพิมาน
- ราชบัณฑิตยสถาน. เห็ดกินได้และเห็ดมีพิษในประเทศไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.กรุงเทพ. 2539. 170 หน้า.
- พาณี เตชะเสน. ความรู้เรื่องเห็ด แบบชาวบ้าน.คอลัมน์อื่นๆ. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 18. ตุลาคม 2523
- กรมพัฒนาแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข 2554. เห็ดเป็นยาเพื่อสุขภาพตามภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านสำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย. องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กรุงเทพฯ
- เห็ดกระถินพิมาน. จุลสารข้อมูลสมุนไพร ปีที่ 30 ฉบับที่ 2. มกราคม 2556
- แฟรงค์ ชาญบุญญสิทธิ์, การใช้ประโยชน์จากกลุ่มเห็ดพิมานในการดูแลสุขภาพตามภูมิปัญญาการแพทย์ดั้งเดิม. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกปีที่ 18 ฉบับที่ 2. พฤษภาคม-สิงหาคม 2563. หน้า 245-258.
- พีรดนย์ พักต์เพียงจันทร์, อาร์ม อันอาตมงาม, จินตนา อันอาตม์งาม. การทดสอบสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเชื้อรา Phellinus sp. วารสารวิทยาศาสตร์การเกษตรและการจัดการปีที่ 4 ฉบับที่ 1. มกราคม-เมษายน 2564. หน้า 21-28
- ประกายทิพย์ สมจิตต์. ผลของสารสกัดสมุนไพรที่มีเห็ดกระถินพิมาน Phellinus linteus เป็นองค์ประกอบต่อการมีชีวิตของเซลล์วัฏจักรเซลล์อะพอพโทซิสและการแสดงออกของยีนในเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก. วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาพันธุศาสตร์ ภาควิชาพฤกษศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปีการศึกษา 2565. 90 หน้า
- ชลดา จัดประกอบ, พรพรรณ เหล่าวชิระสุสรรณ และเมธิน ผดุงกิจ 2556 ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดของสารสกัดเห็ดหิ้งเกือกม้า The 5 Annual Northeact Phamacy Research Conference of 2013. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม (ประเทศไทย)
- YangSZ. Thedivinefarmer’smateriamedica: A translationof theShen NongBen CaoJing. 7 thed.BluePoppy Press; 2008.
- Han JG, Hyun MW, Kim CS, Jo JW, Cho JH, Lee KH, Kong WS, Han SK, Oh J, Sung GH. Species identity of Phellinus linteus (sanghuang) extensively used as a medicinal mushroom inKorea. Journal of Microbiology. 2016;54(4):290-5
- Han, S. B., Lee, C. W., Jeon, Y. J., Hong, N. D., Yoo, I. D., Yang, K.-H., and Kim, H. M. 1999. The inhibitory effect of polysaccharides isolated from Phellinus linteus on tumor growth and metastasis. Immunopharmacology, 41(2), 157-164
- Yu-Cheng D, Li-Wei Z, Bao-Kai C, Yan-Qiu C, Cony D. Current advances in Phellinus sensu lato: Medicinal species, functions, metabolites and mechanisms. Appl MicrobiolBiotechnol. 2010;87(5):1587-93
- Yeong-il S. A Research on origin of provisions in Samhwaja-hyangyakbang (三和子鄕藥方) noted in Hyangyakjipseongbang(鄕藥集成方). TheKoreanMedicine Societyfor the HerbalFormulaStudy(대한한의학방제학회). 1997;5(1):85-98. (inKorean)
- Lemieszek, M., and Rzeski, W. 2012. Anticancer properties of polysaccharides isolated from fungi of the Basidiomycetes class. Contemporary Oncology/Współczesna Onkologia, 16(4), 285-289
- WuJN. AnIllustrated Chinesemateriamedica. NewYork: Oxford UniversityPress; 2005.p. 6.
- Index Fungorum Partnership. Index Fungorum. [Internet]. [cited 2019 Jun 5]; Available from: http://www. indexfungorum.org/
- Sliva, D. 2010. Medicinal mushroom Phellinus linteus as an alternative cancer therapy. Experimental and Therapeutic Medicine, 1(3), 407-411.
- WuWenjun 吴文俊,editor. Zhongguoshuxueshidaxi 中國數學史大系 (Unabridgedsystematichistoryof Chinese mathematics). 8 vols. Beijing; shifandazue Chubanshe; 1998-2000 (in Chinese).
- Weesapen W, Wuthisan S, Rawarin N, Nankantee A, Chanaweth A, Wanaudorn SA Traditional medicine in palm-leaf inscriptions, Wat Mahachai, Maha Sarakham province Volume 4. Palm leaf manuscript preservation in NortheasternofThailand, Mahasarakham University: Mahasarakham UniversityPress; 2006. (inThai)
- Li, Y.-G., Ji, D.-F., Zhong, S., Zhu, J.-X., Chen, S., and Hu, G.-Y. 2011. Anti-tumor effects of proteoglycan from Phellinus linteus by immunomodulating and inhibiting Reg IV/EGFR/Akt signaling pathway in colorectal carcinoma. International journal of biological macromolecules, 48(3), 511-517.