มารู้จักลักษณะและการปลูกพริกไทยกันเถอะ

มารู้จักลักษณะและการปลูกพริกไทยกันเถอะ 

พริกไทยสุดยอดเครื่องเทศที่รู้จักกันดีทั่วโลกนั้น แค่คิดก็เผ็ดร้อนแล้ว เพราะมีรสที่เผ็ดและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แต่เชื่อว่าคงไม่ทุกคนที่ได้เห็นและรู้จัก ลักษณะของพริกไทย ทั้งต้นและผลของพริกไทย ในตอนนี้จึงจะมากล่าวถึง ลักษณะของพริกไทย และการปลูกพริกไทยที่ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ โดยลักษณะของพริกไทย และการปลูกพริกไทยที่ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพโดยลักษณะแล้ว พริกไทยเป็นพืชอายุยืนมีลักษณะเป็นเถาเนื้อแข็ง ประเภทเดียวกับชะพลูและดีปลี มีขนาดความยาวประมาณ 5 เมตร ชอบเลื้อยขึ้นตามต้นไม้ยืนต้น หรือตามโขดหิน เถาเป็นข้อปล้อง แถวข้อของปล้องโป่งนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด และมักจะมีรากออกตามข้อปล้องทุกปล้อง เพื่อใช้เกาะยึดตามต้นไม้หรือโขดหิน ใบเป็นของพริกไทยเป็นใบเดี่ยวใบใหญ่คล้ายๆ ใบโพธิ์ใบมีสีเขียวเข้มมันวาว ช่อดอกของพริกไทยเป็นแบบแบบช่อเชิงลด มีดอกขนาดเล็ก 50 – 120 ดอกต่อช่อ ส่วนผลของพริกไทยนั้นเป็นรูปทรงกลมเป็นแบบเมล็ดเล็กๆ ตรงข้อของลำต้น มีประมาณ 50 – 55เมล็ดต่อช่อผล ผลอ่อนจะมีสีเขียวและเมื่อสุกจะมีสีแดง หากต้องการนำพริกไทยไปประกอบอาหารมักจะนำพริกไทยอ่อน หรือพริกไทยที่ยังไม่สุกไปประกอบอาหารหากจะทำพริกไทยป่นมักจะนำพริกไทยที่สุกเต็มที่ไปแปรรูป ส่วนสายพันธุ์พริกไทยนั้น ในไทยสายพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกนั้น มีอยู่ 6 สายพันธุ์ หลักๆ คือ พันธุ์คุชชิ่ง พันธุ์ปรางกี่ พันธุ์ควายขวิด พันธุ์ใบหนา พันธุ์ซีลอน และพันธุ์บ้านแก้ว และวิธีการปลูกพริกไทย สามารถทำได้โดย ต้องตัดกิ่งพันธุ์ต้นที่สมบูรณ์ โดยตัดเหนือพื้นดิน 50 ซม. ตัดเป็นท่อนๆ ยาว 5 – 6 ข้อ ตัดกิ่งแขนงออก แล้วปักชำในถุงพลาสติก ประมาณ 2 – 3 เดือน เมื่อพริกไทยงอกรากและแตกยอดจึงนำมาปลูกในแปลงปลูก ในการปลูกควรเว้นระยะ 2X2.5 เมตร และควรมีการปักค้างให้แก่ต้นพริกไทยด้วยเพราะพริกไทยจะเกาะขึ้นไปตามค้าง หลังปลูก ควรรดน้ำทุกวัน หลังจากที่พริกไทยเริ่มเกาะค้าง จึงลดเหลือ 2 – 3 วัน/ครั้ง พริกไทยจะเริ่มให้ผลผลิต เมื่อมีอายุ 10 – 14 เดือน โดยในปีถัดไป หากต้องการเก็บเกี่ยว เพื่อบริโภคสด ควรเก็บเกี่ยวหลังพริกไทยติดผล 3 – 4 เดือน ทำพริกไทยดำให้เก็บเกี่ยวพริกไทยที่ยังเขียงหลังติดตามผล 6 เดือน ขึ้นไป ทำพริกไทยขาว ให้เก็บเกี่ยวพริกไทยที่ผลเริ่มสุกเป็นสีแดงแล้ว หลังจากติดผล 6 เดือนขึ้นไป ส่วนราคานั้น พริกไทยอ่อนราคากิโลกรัมละ 90 – 120 บาท พริกไทยขาวกิโลกรัมละ 300 – 350 บาท ส่วนพริกไทยดำราคากิโลกรัมละ 380 – 450 บาท เลยทีเดียว นับได้ว่าพริกไทยนั้นเป็นพืชอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าจะมีการส่งเสริมให้เกษตรกรได้ปลูกเพราะดูแลไม่ยากและสามารถปลูกได้ทั่วไป และที่สำคัญราคาดีไม่มีตก รวมถึงกระแสความต้องการพริกไทยนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะเป็นเพราะ พริกไทยนั้นสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องปรุงอาหาร สมุนไพรรักษาโรค สมุนไพรลดน้ำหนัก ได้ในตัวเดียวกัน ยิ่งข้อหลังสุดนั้นคงเป็นที่ถูกใจสาวๆ หลายคนอยู่ไม่น้อย

 

 

พริกไทย แปะก๊วย กระชายดำ